ตอนที่ 1 พ่อหนุ่มบ้านไร่
พ่อหนุ่มบ้านไร่
ไร่เธียรวัฒน์(ไร่ส้ม)?
เธียรวัฒน์ อธิวัฒน์โภคิน หรือ เธียร ชายหนุ่มเจ้าของไร่ส้ม ในวัยเพียง 32 ปี เป็นลูกคนเล็กของ ธนา และ ดารัตน์ มีพี่น้องสองคน ซึ่งเขาเป็นลูกคนเล็ก และมีพี่สาวหนึ่งคนที่อายุห่างกัน 3 ปี โฉมงามมีนามว่า เธียรดา ซึ่งแต่งงานมีครอบครัวออกไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในระแวกเดียวกัน ปัจจุบันประกอบธุรกิจส่วนตัว ผลิตเครื่องดื่มและอาหารแปรรูปจากส้มของเขานั้นเอง
ส่วนบิดามารดา ทั้งคู่เกษียณแล้ว จึงมาช่วยดูแลลูก ๆ ที่ย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ที่นี่กันหมด แต่เขาจะแยกตัวออกมาสร้างบ้านอยู่ที่ท้ายไร่คนเดียว เพราะชอบความเป็นส่วนตัว และมารดาของเขาคอยจู้จี้จุกจิกให้เขารีบ ๆ แต่งงาน จะได้มีหลานมาอยู่เป็นเพื่อน เพราะลูกของพี่สาวตอนนี้ก็เข้าโรงเรียนแล้ว ตามประสาคนแก่ก็บอกว่าเหงานั้นแหล่ะ
“ตาเธียร! แม่มีเพื่อนเก่าที่อยู่กรุงเทพฯ อยู่คนหนึ่งซึ่งมีลูกสาวพึ่งเรียนจบกลับมาจากต่างประเทศ หากว่าลูก...” ดารัตน์ แม่ของเขาพูดขึ้นมาทันที ที่มาหาลูกชายถึงที่บ้านของเขา
เพราะตั้งแต่ลูกชายเรียนจบมา ก็ไม่เคยเห็นลูกชายจะคบใครสักคน มีแค่แต่สาวสวย ๆ ที่วิ่งเข้าหา แต่ทำไมลูกชายกลับไม่สนใจเลย จนตอนนี้อายุปาไป 32 แล้ว ก็ยังครองโสดอยู่ พ่อแม่ก็แก่ชราขึ้นมาทุกปี จนลูกสาวคนโตอย่าง เธียรดาลูกโตจนเข้าโรงเรียนแล้ว แต่ลูกชายกลับไร้วี่แววทายาทสืบสกุล
“ผมไม่สนใจใครทั้งนั้นแหละครับ แม่ของลูกผม ผมต้องเป็นคนเลือกเองเท่านั้น และอีกอย่าง ผมก็ไม่ชอบสาวเมืองกรุงด้วย” เธียรวัฒน์พูดสวนขึ้นมาเสียก่อน ก่อนที่แม่เขาจะทันได้พูดจบประโยค
ตั้งแต่เขา อายุเข้าเลขสาม แม่ก็คอยแต่จะแนะนำสาว ๆ ให้เขาตลอด บางคนถึงขั้นนัดบอร์ดให้เลย แต่เขาไม่สนใจกลับเทสาว ๆ คนที่แม่พยายามหาให้ทุกคน คนที่จะมาเป็นคู่ชีวิตและแม่ของลูกเขา เขาต้องเป็นคนเลือกเองเท่านั้น และคน ๆ นั้น จะต้องใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่นี่ได้ และคอยซับพอร์ตเคียงข้างกัน เข้าใจในหน้าที่ของเขา รักเขาด้วยจากใจจริง ไม่ใช่แค่เงินตราและหน้าตาทางสังคม
“ทำไมล่ะเธียร!? เมื่อก่อนลูกเองก็เป็นหนุ่มเมืองกรุงนี้น่า ลืมกำพืดตัวเองแล้วหรือ” ดารัตน์ยอมใจในความช่างเลือกมากของลูกชายเธอเลยจริง ๆ
เมื่อก่อนตัวเองก็เป็นเด็กหนุ่มที่เกิดและโตที่เมืองกรุงเหมือนกัน ลืมกำพืดของตัวเองหรือไง แถมยังมีอคติกับเมืองกรุงอีก จนพ่อแม่และพี่สาวต้องทิ้งเมืองกรุงย้ายตามเขามาด้วย
“สาวเมืองกรุง จะมาช่วยผมทำไร่ ทำสวน ทำงานตากแดดได้อย่างไรครับแม่” เขาหาเหตุผลอ้างขึ้นมากับแม่เขาในทันที ใครจะยอมเอาผิวสวย ๆ มาตากแดดร้อนตามท้องไร่แบบเขาได้ ยิ่งแต่สาวเมืองกรุงยิ่งแต่แล้วไปใหญ่เลย ตัดออกจากความคิดเป็นอันดับแรกไปเลย
“แล้วสาวตามผับ ตามบาร์ แกคิดว่าเขาจะมาช่วยแกทำงานแบบนี้ได้งั้นเหรอ นอกจากคอยแต่ผลาญเงินของแกแค่นั้นแหล่ะ” ดารัตน์เปรียบเปรยขึ้นมาทันที เพราะรู้นิสัยลูกชายที่กินไม่เลือก แถมชอบซื้อบริการสาวกลางคืนอีก เธอละกลัวว่าจะพลาดท่าพวกผู้หญิงพวกนั้นเข้าสักวัน
“ผมก็ไม่ได้คิดจะเอาพวกผู้หญิงแบบนั้นมาเป็นคู่ชีวิต หรือแม่ของลูกอยู่แล้วนี้ครับ ก็แค่สนุกกันแค่นั้น วิน ๆ กันทั้งสองฝ่าย” เขายืนยันคำขาดกับแม่ทันที
เพราะก็รู้อยู่ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้าหาเขา ต่างก็รู้ว่าเขามีเงิน เข้ามาถวายตัวเพราะเงินทั้งนั้นแหล่ะ ส่วนคนที่จู้จี้จุกจิก เขาจะไม่ยุ่งด้วย และพวกสาวบริสุทธิ์นั้นด้วย เพราะกลัวผลจะตามมาเหมือนกัน
“แล้วแกชอบแบบไหน? แบบนี้ก็ไม่เอา แบบนั้นก็ไม่เอา หรือว่า ข้าราชการ! นักร้อง! นางแบบ! ดารา?” ดารัตน์ยกตัวอย่างขึ้นมาเปรียบเปรยทันที เผื่อจะเป็นตัวเลือกให้ลูกชายบ้างไม่มากก็น้อยแหละ
“พอ ๆ ข้อสุดท้ายยิ่งแต่แล้วไปใหญ่เลย” เธียรวัฒน์รีบปรามแม่ของเขาทันที ก่อนที่จะยกเอามาทั้งโลก
ช่างกล้ายกตัวอย่างมาให้เลือกเสียเหลือเกิน แถมเอาแต่ช้อยที่ไม่อยู่ในมันสมองเลยมาให้เลือก เขาละยอมใจแม่เขาจริง จ้างคนมาแต่งงาน หรืออุ้มบุญดีไหม จะได้จบ ๆ ไปเลย
“ระวังเถอะ เกลียดอะไร จะได้แบบนั้น...ฉันจะคอยดู!!!” ดารัตน์ทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะกลับออกไปจากบ้านของลูกชาย
และก่อนที่จะกลับเข้าบ้านของตัวเอง ก็ต้องแวะเข้าไปทางบ้านและโรงงานของลูกสาวต่อ ก่อนที่จะกลับบ้านหลังใหญ่โตของเขาที่ลูกชายสร้างไว้ให้ตั้งแต่ซื้อที่ดินผืนนี้
กรุงเทพมหานคร
บ้านนนทวัฒนากุล
“กองถ่ายเขายังถ่ายไม่เสร็จหรือครับแม่ ทำไมไม่เห็นยัยน้องกลับมาบ้านสักที” เสียงชายหนุ่มถามผู้เป็นแม่ออกมา เมื่อไม่เห็นน้องสาวสุดที่รักอยู่บ้านหลายวัน
ตั้งแต่ทราบว่าผู้เป็นพ่อส่งน้องสาวไปทำงานด้านการแสดง แทนที่จะให้มานั่งตากแอร์ในออฟฟิศ
สิทธิวัฒน์ นนทวัฒนากุล หรือ วัฒน์ ชายหนุ่มวัย 32 ปี บุตรชายคนโตของโปรดิวเซอร์ยักษ์ใหญ่และผู้จัดละครอย่าง อธิวัฒน์ และ สุพัชชา
“ไม่รู้สิ ถามพ่อแกดู ว่าทำอะไรกับน้องแกบ้าง” สุพัชชาตอบปัด ๆ ลูกชายคนโตไป แล้วโยนไปทางสามีทันที
“พ่อก็แค่ดัดนิสัยนิด ๆ หน่อย ๆ” อธิวัฒน์ ตอบลูกชายคนโตออกไปตามตรง
“นิดหน่อยอะไรล่ะ ลูกพึ่งจะกลับมาเองน่ะ แทนที่จะให้แกช่วยงานในบริษัทแอร์เย็น ๆ แต่กลับส่งลูกตัวเองไปเป็นนักแสดง แถมยังให้แกเล่นเป็นตัวร้ายอีก” สุพัชชาตำหนิสามีออกมาทันที
เพราะลูกสาวคนเล็กของบ้าน และเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวที่พึ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ แทนที่ผู้เป็นพ่อจะให้ช่วยงานที่บริษัท กลับส่งลูกสาวออกไปเป็นนักแสดง แถมมีแต่ถ่ายนอกสถานที่ทั้งนั้น
“ผมก็คิดว่า บทนี้เหมาะกับแกดี แต่ทีมงานก็โทรมารายงาน ว่าราบรื่นดีนี้คุณ พัชชาไม่มีปัญญาอะไร แถมตอนนี้ไปโลดแล่น เที่ยวฉ่ำเลยไม่ยอมกลับมาพร้อมทีมงาน” อธิวัฒน์ ตอบออกมาตามตรง
เพราะไม่มีใครเหมาะกับบทคุณหนูขี้วีนเอาแต่ใจตัวเองเท่ากับลูกสาวตนแล้วในเวลานี้ แถมลูกสาวก็ไม่ทำให้ผู้เป็นพ่อผิดหวังด้วย ตีบทแตกกระจุย
แต่เขาไม่บอกกับลูกเมียหรอก ว่าทำไมถึงส่งลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน ทายาทหนึ่งในลูกสาวโปรดิวเซอร์ไปเป็นนักแสดง เพราะเขามีข้อแรกเปลี่ยน ที่มีแค่เขาและลูกสาวเท่านั้นที่รู้ ๆ กัน
อธิวัฒน์ และ สุพัชชา มีลูกด้วยกันทั้งหมด 3 คน คนโตคือ สิทธิวัฒน์ หนุ่มโสดวัย 32 ปี ดำรงตำแหน่งรองประธานบริษัทฯ
ส่วนลูกชายคนรองอย่าง อภิวัฒน์ หนุ่มโสดวัย 28 ปี นักศึกษาแพทย์ยังคงศึกษาอยู่ที่ต่างประเทศ เพราะต้องเรียนเฉพาะทางโดยตรง
และลูกสาวคนเล็กที่พึ่งกลับมาหมาด ๆ อย่าง ศิริพัชชา หญิงสาวในวัยเพียง 23 ปี ลูกสาวเพียงคนเดียว ที่ถูกปกป้องและตามใจจากพี่ชายทั้งสองตลอดมา