บทที่ 1
ความใฝ่ฝันถึงอนาคตทุกคนล้วนมีความฝัน แต่จะทำให้ได้ตามที่ใฝ่ฝันเอาไว้ได้ไหม มันเป็นอีกเรื่อง…ที่ต้องพยายามไขว่คว้า..
ฉันเองก็เป็นอีกคนที่มีความฝัน และวิ่งตามฝัน..ต่อให้ไกลแค่ไหน ฉันก็ไม่เคยอ่อนแรงลงเลย..เพราะมีเพียงสิ่งนี้ ฉันถึงได้อยากมีชีวิตอยู่ต่อ อยากรู้ว่าสุดท้ายตัวของฉันเองจะคว้าเอาฝันนั้นมาไว้ในอุ้งมือเล็กๆ นี้ได้ไหม
“Attention please, This is a Final Call of Thai Airways International Flight TG820 To London, It's now boarding at gate number 19, please board at gate number 19, Immediately, Thank You.” (โปรดทราบ ประกาศครั้งสุดท้ายของสายการบินเที่ยวบินที่ ทีจี820 พร้อมแล้วที่จะออกเดินทางไป ลอนดอน ขอเชิญผู้โดยสารทุกท่านขึ้นเครื่องได้ ณ ทางออกหมายเลข 19 โปรดขึ้นเครื่องได้ ณ ทางออกหมายเลข 19 ด่วน ขอบคุณค่ะ)
เสียงประชาสัมพันธ์ดังขึ้น เมื่อฉันกำลังเดินตรงไปยังประตูทางออกหมายเลข 19 เพื่อขึ้นเครื่องเดินทางไปลอนดอน และสิ่งนี้คือก้าวแรกที่จะทำให้ฉันไข้คว้าความฝันที่อยู่ห่างไกลเอามาไว้ในกำมือ เสียงพูดคุยร่ำลาของผู้คนที่กำลังเดินทางไปต่างประเทศ ดังเข้าหูมาเป็นระยะ บางคนก็ยืนกอดกันร่ำไห้ เฮ้ยยย..ชีวิต!!
ฉันถอนหายใจออกมาเมื่อมองเห็นคนอื่นที่มีครอบครัวเดินทางมาส่งก่อนออกเดินทางไกล พอย้อนมองดูตัวเองแล้วช่างน่าเวทนาอะไรแบบนี้ จะมาน้ำตาไหลเอาตอนก่อนขึ้นเครื่องแบบนี้ไม่ได้นะ “คาร่า” เพราะเธอเลือกทางเดินของตัวเองแล้ว
ฉันพรรณนากับตนเองปลอบใจให้รู้สึกว่าตัวเองพิเศษสุดแล้ว มีแค่ชีวิตเดียวก็ดีแล้วไหม ไม่ต้องไปรับผิดชอบชีวิตใคร เพราะตั้งแต่เกิดมา ก็ไม่มีใครอยากมารับผิดชอบชีวิตของฉัน
…ชีวิตมันช่างเศร้า ขอเล่าให้ฟังเลยแล้วกัน….
เด็กแรกเกิดถูกทอดทิ้งเอาไว้ที่หน้าโบสถ์ในวันที่หนาวเหน็บ หิมะโปรยปรายลงมาเสียงเด็กร้องไห้งอแงเพราะความหนาวเย็น มีคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันมานานหลายปีมาขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าในวันแรกของปี ให้ตัวเองมีบุตรสาวหรือบุตรชายที่น่ารักสักคนเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูล
โชคชะตากำลังเข้าข้างเด็กทารกน้อยและได้หยิบยื่นพ่อแม่บุญธรรมมาให้แก่เธอ และแล้วเธอก็ถูกรับเลี้ยงโดยคู่แต่งงานจากเมืองไทย ที่มาท่องเที่ยวอยู่ประเทศเกาหลีใต้ ทั้งสองเป็นมหาเศรษฐีผู้มีเงิน
เชื่อไหมว่าความโชคดีอยู่กับเด็กทารกน้อยได้ไม่นาน เมื่อเธอเติบโตได้สิบขวบความอบอุ่นที่เคยได้รับ ได้มลายหายไปในพริบตา พ่อแม่บุญธรรมล้มละลาย ตั้งใจจุดไฟเผาบ้านให้ตัวตายยกครอบครัว
แต่โชคดียังมีเหลือ ทำให้เด็กน้อยรอดชีวิตมาได้ ด้วยกู้ภัยที่ไปพบเธอนั่งอยู่บนระเบียงบ้านเพียงลำพัง ชีวิตที่ดำดิ่งเหมือนหินก้อนเล็กกำลังกลิ้งตกลงก้นเหวลึก นำพาให้ชีวิตน้อยๆ ได้รู้จักกับบ้านเด็กกำพร้า
เด็กหญิงดีใจเป็นอย่างมากเพราะต่อไปนี้เธอจะได้มีเพื่อนๆ มากมาย ในบ้านหลังใหม่ ที่ไม่รู้เลยว่า…ความลำบากในการใช้ชีวิตกำลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว..
บ้านหลังที่สอง ที่มีคนที่เรียกว่าครอบครัวที่มาจากต่างพ่อร้อยแม่ เด็กสาวเป็นโรคซึมเศร้า กว่าจะกลับมาสดใสและยิ้มได้ก็นานนับปี แผลใจค่อยๆ หายสนิท เพื่อนๆ ที่อยู่รอบกาย ค่อยๆ หายไปทีละคน
ไม่ใช่ว่าตายนะ แต่เพราะทุกคนถูกผู้คนรับไปเลี้ยง ส่วนเด็กสาวที่น่ารักเหมือนตุ๊กตาที่ถือสัญชาติเกาหลีใต้ ที่มีเรื่องราวติดตัวอันเลวร้าย ก็ต้องนั่งเหงา ถ้าผู้รับเลี้ยงได้รู้ประวัติของเธอแล้วก็ต้องส่ายหน้า ทำเหมือนว่าเด็กสาวฆ่าคนตายมาประมาณนั้น
เพราะทุกคนต่างเชื่อกันว่า เธอมันคือคนดวงซวย..จะเก็บเด็กที่ดวงซวยกลับบ้าน จะมีบ้านไหนที่เปิดประตูต้อนรับนั้น..ช่างยากยิ่งนัก
ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้น มันก็คือชีวิตที่น่าสงสารของฉันเอง ชีวิตที่เลือกไม่ได้ แต่ตอนนี้ฉันว่าฉันเลือกมันได้แล้วนะ มีสิ่งหนึ่งที่ต้องขอบคุณผู้ที่ทำให้ฉันเกิดมา…
ก็คือ…ใบหน้าอันสวยสดงดงาม ที่ทำให้ฉันได้มีสิทธิ์มากกว่าคนอื่นๆ ถ้าใครพูดว่า..หน้าตาเป็นเพียงภายนอก สิ่งสำคัญคือการกระทำมากกว่า แต่คุณอย่าลืมนะ สิ่งแรกที่คุณเห็นคืออะไร ใช่แล้ว..หน้าตาดีมีชัยไปกว่าครึ่ง คำนี้ไม่ว่ายุคสมัยใดก็ยังคงใช้ได้เสมอ
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นตัวแทนจาก วี.พี ค่ะ” หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย เมื่อเครื่องบินลงจอดที่ลอนดอนเป็นที่เรียบร้อย “คุณคาร่าหรือเปล่าคะ”
“ค่ะ” ฉันตอบรับออกไปพร้อมมองสำรวจผู้หญิงตรงหน้าให้ละเอียด ว่าเธอนั้นเป็นนักต้มตุ๋นหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหล่อนจะอ่านใจฉันออกจึงโทรเข้าเบอร์โทรศัพท์มือถือของฉันเป็นการยืนยันตัวตน ว่าเธอคือคนที่ติดต่อกับฉันนั้นเอง
“รถมารอแล้วค่ะ ก่อนอื่นเราจะตรงกลับที่พักเลยนะคะ ส่วนตารางงานฉันส่งเข้าไลน์ให้แล้วเรียบร้อย ขอโทษด้วยค่ะฉันลืมแนะนำตัว..อีฟค่ะ” เธอพูดภาษาไทยในการแนะนำตัวเมื่อครู่ ทำให้ฉันแปลกใจจริงๆ ไม่เชื่อว่าเธอจะเป็นคนไทยที่อยู่ต่างแดน
เพราะอะไรนะหรือ ก็หน้าตาของเธอไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเป็นคนไทย นี่มันสาวผมบลอนด์ฝรั่งตาน้ำข้าวชัดๆ เสียงหัวเราะดังขึ้น ตอนนี้หน้าตาของฉันคงน่าขำไม่น้อยสินะ ก็ตกใจมากค่ะ ไม่คิดว่าเธอจะเป็นคนไทย
“เอ่อคือ..”
“ฉันเป็นไทยในต่างแดงค่ะ สัญชาติไทย แต่มาทำงานที่นี่ค่ะ” ที่หน้าตาเธอเป็นแบบนี้ก็เพราะมีพ่อเป็นคนฝรั่งนั้นเอง เก็ตแล้วเนอะ..
ฉันที่เป็นลูกครึ่งเกาหลีใต้ไม่รู้ว่าพ่อหรือแม่เป็นคนฝรั่งถึงได้หน้าตาลูกครึ่งมาเหมือนกัน แต่มันผสมผสานกันอย่างลงตัวแล้วออกมาเป็นฉันที่สุดสวย พูดแล้วจะหาว่าชมตัวเอง
ที่ได้มาต่างประเทศก็เพราะความสวยของฉันนี่แหละไปเข้าตาแมวมอง แล้วไม่มองธรรมดานะ เขาสนใจให้ฉันมาเซ็นสัญญาอยู่ในสังกัดบริษัทฯ แล้วที่น่าตกใจมากกว่าคือ บริษัทฯ แห่งนี้ มีชื่อเสียงระดับโลก!
ฟังดูมันช่างยิ่งใหญ่เกินตัว..แต่เมื่อโอกาสมาถึงแล้ว ก็รีบคว้าเอาไว้สิ และฉันก็เป็นผู้หญิงที่โชคดี อีกครั้ง แล้วครั้งนี้ฉันจะต้องกอดความโชคดีเอาให้แน่นๆ เพราะมันเป็นเส้นทางที่จะนำพาให้ฉันไปสู่ความฝันอันยิ่งใหญ่ และจะได้สลัดความที่เป็น…ตัวซวย…ออกไปสักที