บทที่ 10 ผมไปกับคุณด้วย
เข็มเงินทั้งหมดยี่สิบสี่เล่มในมือเซียวชุ่นทยอยลงไปกายสาวน้อย ซึ่งมีน้ำหนักใช้เงิน สามารถฝังทะลุเสื้อได้สองชั้น ทั้งยังฝังโดนจุดด้วย
ระหว่างที่ฝัง เขาได้ส่งชี่แท้ผ่านเข็มเงินเข้าไปภายในร่างกายเด็กหญิงอีกด้วย ถือเป็นการบำรุงรักษาร่างกายของเด็กสาวอีกด้วย
หากสามารถมองเห็นด้านใน จะพบว่าปอดที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักของสาวน้อยค่อยๆหายดี เรียกว่าได้ดึงเด็กคนนี้กลับมาจากประตูยมทูต
ระหว่างที่เซียวชุ่นฝังเข็มอยู่นั้น คนที่เหลือก็รับรู้อย่างโจ่งแจ้ง
ทุกคนคล้ายกับได้ยินอะไรข้างหู ทำให้จิตใจผู้คนเต้นไม่เป็นสำ จากนั้นก็สัมผัสถึงโอกาสที่จะมีชีวิตต่อ
เมื่อเห็นเส้นชีพจรขึ้นลงที่เครื่อง
คุณหมอก็อดอุทานด้วยความตะลึงไม่ได้“เป็นการรักษาที่ยอดเยี่ยมมาก ผมยังไม่เคยเห็นการรักษาแบบแพทย์แผนจีนที่น่าอัศจรรย์แบบนี้มาก่อนเลย!”
แม้แต่ปรมาจารย์เจียงไห่หวางเย๋ก็คงทำแบบนี้ไม่ได้มั้ง?
ระหว่างนี้ เด็กน้อยก็ส่งเสียง จากนั้นก็ค่อยๆฟื้นขึ้นมา
สาวน้อยกะพริบดวงตาสุกใส พลางเอ่ยเสียงนุ่มเบา“ปะป๊า……”
เมื่อได้ยินสองพยางค์นี้ ผู้ชายหน้าประตูรถที่กังวลใจก็ร้องไห้เป็นสายน้ำ ก่อนจะใช้สายตาซักถามมองมายังเซียวชุ่น
เซียวชุ่นดึงเข็มเงินออกจากตัวเด็กน้อยทีละเล่ม จากนั้นก็เอ่ยขึ้นว่า “พ้นขีดอันตรายแล้ว ผมรักษาบาดแผลภายในได้กว่าครึ่งแล้ว แต่บาดทางผิวหนังนั้นต้องรีบส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล”
สิ้นเสียง เซียวชุ่นก็ลงจากรถ มอบเด็กผู้หญิงให้หมอดูแลต่อ
ใบหน้าเซียวชุ่นซีดเผือด การฝังเข็มด้วยวิธีวิชาฝังเข็มเหยียนหวงทำให้เขาสิ้นเปลืองพลังงานไม่น้อย ชี่แท้ภายในร่างกายก็ลดลงกว่าครึ่ง
หน่วยแพทย์รีบเข้าไปตรวจสภาพร่างกาย จากนั้นก็ต้องร้องอุทานด้วยความตะลึงอีกครั้ง
เหมือนกับโชเฟอร์รถบรรทุกถังน้ำมันไม่มีผิดเพี้ยน คล้ายกับมีพลังสายหนึ่งอยู่ในกายเด็กผู้หญิง ซึ่งกำลังทำหน้าที่รักษาชีวิตและสมานแผลให้กับเจ้าของร่าง
“ไป รีบกลับโรงพยาบาลกัน”
แพทย์รีบเอ่ยด้วยความตื่นตัวว่า“ญาติคนไข้รีบขึ้นรถเร็วครับ”
ได้ยินดังนั้น ผู้ชายที่รอหน้าประตูรถก็ปาดน้ำตา เขาคุกเข่าลง จากนั้นก็โขกศีรษะให้เซียวชุ่นสามครั้ง
ส่วนเซียวชุ่นที่ตอนนี้รู้สึกเหนื่อยล้าสักเต็มประดา ไม่ทันห้ามการโขกหัวขอบคุณของผู้ชาย
“ขอบคุณหมอเซียนที่ช่วยชิวิต ตอนนี้อาการลูกสาวผมยังน่าเป็นห่วง หากพ้นอันตรายแล้ว ผมจะไปขอบคุณหมอเซียนอีกครั้ง”
สิ้นเสียง ผู้ชายก็รีบลุกขึ้น จากนั้นก็เอานามบัตรสีดำยัดใส่มือเซียวชุ่น
“ถ้าท่านมีธุระก็โทรหาผมได้ทุกเมื่อ ผมหวางเฟิงก็ถือว่ามีฐานะทางสังคมในเมืองเจียงไห่อยู่บ้าง ท่านช่วยลูกสาวผมไว้ ชีวิตของผมก็คือของท่าน”
กล่าวจบ เขารีบขึ้นรถโรงพยาบาลจากไป
เซียวชุ่นกวาดสายตามองนามบัตรลวกๆ จากนั้นก็เก็บเข้ากระเป๋ากางเกง
ซึ่งนามบัตรเขียนชื่อบริษัทและตำแหน่งของเขา โดยมีชื่อว่าหวางเฟิง
เพราะรถโรงพยาบาลมีผู้คนรายล้อม คนตระกูลเหยาทั้งสามจึงถูกบีบอยู่ด้านนอก ต้องเดาเหตุการณ์จากเสียงที่ได้ยิน
เมื่อได้ยินเซียวชุ่นช่วยเด็กผู้หญิงสำเร็จ ในใจเหยาเสินก็สับสนวุ่นวาย
ผู้ป่วยที่แม้แต่หมอก็จนปัญญา ทว่าเซียวชุ่นกลับช่วยชีวิตได้ในเวลาเพียงไม่กี่นาที หากสามารถช่วยชีวิตซ่งเจิ้นไห่ได้โดยบังเอิญ แล้วครั้งนี้ล่ะ?
หรือว่าเซียวชุ่นคือยอดหมอเร้นกาย?
เกิดคำถามมากมายบนหัวเหยาเสิน เธอรู้สึกเหมือนรอบกายเซียวชุ่นมีหมอกปกคลุม มองไม่ได้ จับต้องไม่ได้ เป็นครั้งแรกที่เหยาเสินรู้สึกว่าไม่รู้จักสามีที่แต่งงานกันมาสามปี
เมื่อรถโรงพยาบาลขับออกไป ฝูงชนที่ล้อมเซียวชุ่นก็แยกย้ายกันกลับไป
เห็นเซียวชุ่นที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เหยาเสินกระอิดกระเอื้อน หลิวหยุงเซียงกลับเอ่ยปากอย่างไม่เกรงใจ
“ใช้ได้นี่แก ปิดบังสักเนี้ยบเลย เมื่อกี้ฉันได้ยินคนอื่นบอกว่าแกใช้เข็มเงินช่วยคน ทำไมฉันไม่ยักรู้ว่าแกไปฝึกเรียนการฝังเข็มตอนไหนเลย?เอาวิธีต้มตุ๋นหลอกคนหรอกมาใช้หรือเปล่า?”
“ผมเป็นอะไรก็ไม่จำเป็นต้องรายงาน”
เซียวชุ่นตอบเสียงราบเรียบ ตอนนี้เขาขี้เกียจคุยมาก อยากหาเวลาฟื้นฟูชี่แท้อย่างเดียว
“กำแหงกันใหญ่แล้ว?”
หลิวหยุนเซียงโกรธขึ้ง เหยาเจี้ยนกั๋วก็พูดเข้าข้างภรรยา
“เซียวชุ่น ทำไมพูดจาแบบนี้? ตอนนี้แกเป็นลูกเขยตระกูลเหยานะ ต้องเคารพทุกคนในตระกูลเหยา”
เซียวชุ่นไม่เงยหน้า สีหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก
“ตอนนี้รู้ว่าผมเป็นคนตระกูลเหยาแล้วเหรอ?”
“แก...ปากคอเราะรายมาก” เหยาเจี้ยนกั๋วสะบัดมือด้วยความโมโห ตอนที่เตรียมพูดต่อ
ตำรวจในเครื่องแบบเดินมาหาพวกเขาสี่คน
“ทุกท่านครับ จากนั้นสำรวจสถานที่เกิดเหตุ ผมขอเชิญทั้งสี่ท่านไปให้ปากคำด้วยครับ อยากให้ชี้แจงรายละเอียดของเหตุการณ์หน่อยครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลิวหยุนเซียงก็ชี้หน้าด่าเซียวชุ่น
“ดูฝีมือแกสิ แยกพวงมาลัยรถแล้วทำให้คนจำนวนมากเดือดร้อน ตอนนี้ให้ทำให้พวกฉันติดคุกซวยไปกับแกด้วย ไอ้สวะเอ้ย”
เซียวชุ่นได้ยินก็ยิ้มเย็น ขี้เกียจอธิบาย
ตำรวจกลับเอ่ยว่า“สวะ?ผมคิดว่าพวกคุณเข้าใจผิดแล้วครับ”
“เทคนิคการขับรถอย่างเลิศล้ำแบบนี้เรียกว่าสวะ งั้นผมคงต้องมุดเข้าดินแล้วครับ เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดจากยางล้อรถบรรทุกถังน้ำมันแตก หากคนขับไม่มีปฏิกิริยาว่องไว คาดว่าคงบาดเจ็บทั้งครอบครัวแล้วครับ”
“เห็นความร้ายแรงของแรงระเบิดแล้วใช่ไหมครับ สิ่งของข้างเคียงล้วนถูกเผากันหมด ผมแค่อยากทราบถามพวกคุณเพื่อความแน่ใจเท่านั้นเองครับ”
ได้ยินดังนั้น คนตระกูลเหยาทั้งสามคนต่างสบตากัน ใบหน้าฉายความเหลือเชื่อขึ้น
หลิวหยุนเซียงกับเหยาเจี้ยนกั๋วใบ้กินทันที รู้สึกกระอักกระอ่วนนิดๆ
เหยาเสินรู้ว่าเข้าใจเซียวชุ่นผิดก็รู้สึกไม่ดี จ้องเซียวชุ่นด้วยอารมณ์ซับซ้อน และยังคงไม่เอื้อนเอ่ยสิ่งใด
เขาไม่เคยแก้ต่างให้ตัวเองสักคำ ฟังคำตำหนิของพวกเขาสามคนเงียบๆ แม้แต่อารมณ์หงุดหงิดก็ไม่มี
ความรู้สึกผิดล่องลอยในใจเธอ
คำว่าขอโทษมาถึงปากของเหยาเสินแล้ว ทว่าด้วยความหวงศักดิ์ศรี จึงได้กล้ำกลืนลงไป
ขบฟัน เหยาเสินแสร้งถามแบบไม่ใส่ใจ“นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม เข้าไปช่วยคนกลางไฟถึงสองครั้งเลย?”
“ไม่เป็นไร”
เซียวชุ่นตอบเสียงเรียบเฉย
เขาดูออกว่าเหยาเสินอยากพูดคำอื่น ทว่าก็ไม่ได้ทำลายการหวงศักดิ์ศรีของเธอ
เมื่อเทียบกับหลิวหยุนเซียงกับพ่อตาแล้ว เธอถามแบบนี้ก็ถือว่าขอโทษแล้ว
ในขณะเดียวกัน เสียงมือถือเหยาเสินก็ดังขึ้น โดยเป็นสายเรียกเข้าจากผู้ช่วยหลิวเสี่ยวหยา
เซียวชุ่นมีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่ดีเยี่ยม แค่ชำเลืองก็เห็นแล้ว
ชั่ววินาทีที่เหยาเสินรับสาย เขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของหลิวเสี่ยวหยา
“อือ! บอสค่ะ เกิดเรื่องแล้วค่ะ” หลิวเสี่ยวหยาเล่าเรื่องด้วยเสียงสะอื้นไห้
ที่แท้พนักงานของเหยาเสินไปเก็บหนี้ แต่กลับถูกอีกฝ่ายลงมือทำร้าย ซึ่งเป็นพนักงาน“เฉิงฮุย เทรดดิ้ง”
เมื่อได้ยินชื่อบริษัทนี้ เหยาเสินก็กำมือแน่นขนัด
เฉิงฮุย เทรดดิ้งบริษัทขนาดใหญ่ มีร้านเฟรนไชส์กับธุรกิจการค้าในเครือมากมาย มีทรัพย์สินเป็นร้อยล้าน
ทว่าสาขาย่อยที่ร่วมงานกับเหยาเสิน หนีหนี้สองล้านกับบริษัทเธอ
แค่พริบตาเดียวก็ผ่านมาครึ่งปี รังเกเกินไปแล้ว
“คุณดูแลพนักงานที่บาดเจ็บด้วย ต้องชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้ดี ตอนนี้ฉันจะไปเก็บด้วยตัวเอง ฉันจะดูว่าเฉิงฮุย เทรดดิ้งคิดจะทำอะไรกันแน่”
ใบหน้าเหยาเสินมืดครึ้มจนสามารถหยดน้ำออกมาได้ เธอโกรธไม่เบาเลย
เซียวชุ่นที่อยู่ด้านข้างได้ยินชัดแจ๋ว เขารู้ว่าบริษัทออกแบบเสื้อผ้าที่เธอสร้างมากับมือ โดยมีนามว่า“ยู่เหลย อินเตอร์เนชั่นเนล”ซึ่งเธอพึ่งจะก่อตั้งขึ้นสามปี เงินสองล้านจึงสำคัญกับเธอมาก
หัวใจเซียวชุ่นวูบไหว เป็นฝ่ายเสนอว่า“ผมไปกับคุณด้วย”
เหยาเสินครุ่นคิดชั่ววูบ จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงไม่พาเซียวชุ่นเข้าบริษัทแน่ ทว่าเมื่อกี้ปรักปรำเซียวชุ่น เหยาเสินที่รู้สึกผิดจึงไม่ปฏิเสธ ถึงแม้เธอจะไม่ได้ตั้งความหวังที่ตัวเซียวชุ่นก็ตาม
พวกเขาสองคนอำลาหลิวหยุนเซียงกับเหยาเจี้ยนกั๋วแล้วจากไป
คนปากจัดอย่างหลิวหยุนเซียง ตอนนี้ก็ไม่มีหน้าขัดขวางเซียวชุ่นแล้ว แค่กระซิบข้างหูเหยาเสิน กำชับลูกสาวว่า อย่าให้เซียวชุ่นรู้ความลับของบริษัท
เซียวชุ่นที่ได้ยินโดยบังเอิญก็หมดคำจะพูด หากเขาอยากรู้ ใครจะปิดบังได้?
เขาล้วงนามบัตรที่หวางเฟิงให้เมื่อสักครู่ หัวคิ้วขมวดมุ่น
ต้องบอกว่าบังเอิญจริงๆ
……
สามชั่วโมงต่อมา ณ บริษัทสาขาเฉิงฮุย เทรดดิ้ง
เหยาเสินดูเวลาก็รู้สึกอารมณ์เสีย เธอมาถึงก็บอกว่าประธานกำลังประชุม เธอจึงต้องรอสองชั่วโมงกว่า
และระหว่างที่รอ เซียวชุ่นก็เติมชี่แท้ที่ใช้ไปกลับมาจนหมด
เป็นการท้าทายเหยาเสินของบริษัทอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย ทำร้ายพนักงานของเธอแล้ว ยังคิดจะเมินเฉยใส่เธออีก
ระหว่างที่เหยาเสินรู้สึกร้อนรนใจ เลขาประธานก็เดินออกมา ก่อนจะปรายตามองเหยาเสินปราดหนึ่ง เอ่ยว่า“คุณเหยาใช่ไหม ท่านประธานว่างแล้ว เชิญคุณเข้าไปได้เลย”
ทั้งถ้อยคำและน้ำเสียงล้วนไม่มีความเกรงใจทั้งสิ้น กล่าวจบเลขาก็หันหน้าเดินไป ไม่เห็นเหยาเสินอยู่ในสายตา
ระงับเพลิงโทสะในใจ เหยาเสินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดกับเซียวชุ่นว่า“เดี๋ยวคุณอย่าพูดส่งเดชนะ”
เซียวชุ่นไม่ตอบ รู้สึกสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้จะทวงหนี้ยังไง
อีกฝ่ายแสดงอำนาจทันที เห็นได้ชัดว่าไม่อยากใช้หนี้