บทที่ 13 รักษาโรคให้กับหวางเจี๋ยฟ่าง
คำพูดนี้ของหวางเย๋นั้นเป็นความจริง ถ้าหากไม่ใช่เพราะอาจารย์ของเขา ตระกูลหลงไม่มีทางที่จะรุ่งโรจน์อย่างทุกวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้นหลงอ้าวเทียนยังได้ทำเรื่องสกปรกอย่างการลอบสังหาร เมื่อเทียบกับสิ่งเหล่านี้เรื่องตระกูลหลิวไม่ควรค่าแก่การพูดถึง
เห็นได้ชัดว่าหลงเหม่ยซินไม่ได้เข้าใจคำพูดของหวางเย๋ สีหน้านั้นโมโหอย่างสุดขีด “คุณนี่มันช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!”
ความสัมพันธ์ที่กว่าจะดีขึ้นมาได้ ได้กลับไปเป็นเหมือนตอนแรกอีกครั้ง แม้ว่าทั้งสองจะอยู่ในนามสามีภรรยา ความสัมพันธ์กลับเหมือนคนแปลกหน้า หลงเหม่ยซินขึ้นไปนั่งบนรถด้วยความโมโห จากไปโดยที่ไม่มองหวางเย๋เลยสักนิด
หวางเย๋ส่ายหน้ายิ้มอย่างขมขื่น เขาทำอะไรกับท่าทางเช่นนี้ของหลงเหม่ยซินไม่ได้จริง ๆ ใครใช้ให้เธอเป็นลูกสาวอาจารย์ของตัวเอง แถมยังเป็นภรรยาของเขาล่ะ?
......
รุ่งเช้าวันถัดมา หวางเย๋ตื่นขึ้นมาในห้องรับแขก เหยียดค้านและเตรียมจะไปทำอาหารเช้า
แต่กลับพบว่าบนโต๊ะได้มีอยู่แล้ว ถึงแม้ค่อนข้างจะเรียบง่าย นมและขนมปัง แต่ในดวงตาของเขานั้นยังคงเต็มไปด้วยความรัก แม้ว่าหลงเหม่ยซินจะดูหยิ่งไปหน่อย แต่ก็รู้จักเอาใจใส่คนอื่น
หลังจากที่ทานเสร็จ เขาก็รีบเดินทางที่คฤหาสน์ที่ไอ้สกินเฮดจัดหาเอาไว้ วันนี้พูดแล้วว่าจะช่วยรักษาโรคให้ผู้มีพระคุณของอาจารย์
เมื่อถึงจุดหมาย หวางเย๋มองไอ้สกินเฮดอย่างเย็นชา “มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
ร่างของไอ้สกินเฮดชะงักงัน หลังจากที่ชะงักไปสักพักก็รีบตอบทันที: “เรียนคุณชาย ตอนนี้ไม่มีความผิดปกติอะไร แต่ว่าหวางเยียนหรานร้องขอออกไปทำงาน เพื่อนความปลอดภัยของเธอ ผมไม่เห็นด้วย”
“ทำได้ไม่เลว เฝ้าระวังต่อไป การรักษาความลับไว้ให้ดี จะให้คนอื่นรู้ว่าหวางเจี๋ยฟ่างอยู่ที่นี่ไม่ได้” หวางเย๋พยักหน้า ผลักเปิดประตูออกแล้วเดินเข้าไปในคฤหาสน์ ก็เห็นหวางเยียนหรานกำลังพิงหวางเจี๋ยฟ่างอย่างเบื่อหน่ายเล็กน้อย
ภาพเช่นนี้ทำให้ภายในใจของหวางเย๋ค่อนข้างประหลาดใจ เขาคิดถึงอาจารย์ขึ้นมาเล็กน้อย
“เฮียหวางมาแล้วเหรอคะ!”
หวางเยียนหรานเห็นหวางเย๋ที่เดินเข้าประตูมา ดวงตาทั้งสองข้างเปล่งประกายระยิบระยับที่แตกต่างกัน เธอรีบเข้าไปทักทาย
หวางเย๋พยักหน้าเบา ๆ มองไปทางหวางเจี๋ยฟ่าง: “คุณปู่ครับ วันนี้ผมจะมารักษาโรคให้คุณปู่ เป็นสภาพแวดล้อมใหม่ รู้สึกดีขึ้นมาบ้างไหมครับ?”
“ไม่ได้ ๆ ผู้มีพระคุณดูแลพวกเราสองปู่หลานแบบนี้ ตาเฒ่าอย่างฉันจะรับการขนานนามแบบนี้ได้ยังไง?” หวางเจี๋ยฟ่างส่ายหน้าด้วยความตกใจจากการได้รับความรักอย่างไม่คาดฝัน
เห็นหวางเจี๋ก็ฟ่างเคารพนอบน้อมแบบนี้ หวางเย๋พูดไม่ออกบอกไม่ถูก อายุของหวางเจี๋ยฟ่างวางอยู่ตรงนี้ ยังมีถ้าหากไม่ได้ท่านช่วยอาจารย์เอาไว้ ก็คงไม่มีเขาในวันนี้ ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์ความรู้สึกหรือด้วยเหตุผลคำว่า ‘คุณปู่’ คำนี้คู่ควรที่จะเรียก!
หวางเย๋เองก็จะไม่เสียเวลากับรายละเอียดแบบนี้ เขากล่าวอย่างหนักแน่น: “คุณปู่อย่าพูดแบบนี้อีกเลยครับ ผมทำการรักษาให้ท่านก่อนแล้วกัน!”
ได้ยินดังนั้น หวางเจี๋ยฟ่างอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลอาบหน้า กล่าวทอดถอนใจ: “สวรรค์ช่างมีตาจริง ๆ ทำให้พวกเราได้พบกับคนดี ๆ แบบนี้ ผู้มีพระคุณโรคของฉันฉันรู้ดี มีเวลาเหลืออยู่ไม่มากแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หวางเยียนหรานตาแดงขึ้นมาทันที คุกเข่าอยู่ด้านหน้าหวางเย๋ ดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้ พลางกล่าวอ้อนวอน: “เฮียหวาง ขอแค่คุณรักษาคุณปู่ของฉันให้หายดีได้ ฉันยอมเป็นวัวเป็นม้าให้คุณ ต่อให้...คุณจะให้ฉันเป็นน้อย ฉันก็ยินดี”
“......” หวางเย๋พูดไม่ออก เขารีบพยุงหวางเยียนหรานขึ้นมา ฝืนยิ้มกล่าว: “เด็กโง่ นี่เธอทำอะไร เดิมทีฉันก็จะรักษาคุณปู่อยู่แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องเสียสละพวกนี้”
กล่าวไป เขาก็ครึ่งนั่งครึ่งยืนอยู่ที่ด้านหน้าของหวางเจี๋ยฟ่างท่าทางจริงใจ และเริ่มจับชีพจร
ในฐานะผู้นำองค์กรฮั๋ว มีหลายอย่างที่หวางเย๋ทำได้ทำเป็น ไม่ใช่แค่ฆ่าคน ช่วยชีวิตคนก็ไม่ใช่ปัญหา เพียงแต่ว่าคนที่สามารถให้เขาลงมือรักษาเองนั้นมีน้อยมาก ดังนั้นเลยไม่มีคนเคยเห็นฝีมือการรักษาที่แท้จริงของเขา
หลังจากที่จับชีพจรเสร็จ เขาก็พอจะเข้าใจอาการป่วยของหวางเจี๋ยฟ่างบ้างแล้ว ความจริง แล้วก็คือสภาพแวดล้อมที่หวางเจี๋ยฟ่างใช้ชีวิตอยู่นั้นค่อนข้างจะแย่ พวกกับที่ร่างกายแก่ชราลง ทำให้ปอดเกิดการติดเชื้อ
“คุณปู่ ตอนนี้ท่านขึ้นไปนอนหงายอยู่บนโซฟา ผมจะฝังเข็มให้ท่าน อาจจะเจ็บนิดหน่อย หวังว่าท่านจะทนได้” หวางเย๋สายตายาวไกล เขามองหวางเจี๋ยฟ่างด้วยใบหน้าที่จริงจัง
หวางเจี๋ยฟ่างในเวลานี้ได้เชื่อหวางเย๋โดยสิ้นเชิง พยักหน้าโดยไม่ลังเล
จากนั้นก็ถอดเสื้อที่ค่อนข้างจะซีดขาวออก ขึ้นไปนอนบนโซฟา หลังจากที่ได้เห็นร่างกายด้านบนของหวางเจี๋ยฟ่าง แม้ว่าจะมีอายุมากแล้ว ผิวหนังเริ่มแห้งมีรอยย่น แต่รอยแผลเป็นรูปร่างเหมือนกับตัวหนอนที่อยู่บริเวณหน้าอกพวกนั้นสะดุดตายิ่งนัก
ยิ่งไปกว่านั้นหวางเย๋ยังเห็นผิวหนังที่มีสีเปลี่ยนไปเล็กน้อยอยู่บริเวณเอว เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเคยได้ถูกของร้อนเผาไหม้มาก่อน
ทั้งหมดนี้ทำให้หวางเย๋เลื่อมใสขึ้นมาทันที!
“คุณปู่ครับ ผมจะเริ่มฝังเข็มแล้ว ทนหน่อยนะครับ” หวางเย๋ราวกับเล่นมายากล คว้ากระเป๋าเข็มออกมาจากตัว และเปิดออกวางไว้บนโต๊ะน้ำชากาแฟ ก่อนที่จะเริ่มลงมือเขายังได้แจ้งเตือนอีกครั้ง
“แทงเถอะ!” หวางเจี๋ยฟ่างกล่าวพลางยิ้มอ่อน ๆ
เห็นเพียงสายตาของหวางเย๋เคร่งขรึมลง หยิบเข็มเงินแปดเล่มออกมาจากกระเป๋าเข็มอย่างรวดเร็ว และทิ่มลงไปบนจุดฝังเข็มบริเวณหน้าออกของหวางเจ๋ยฟ่างด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ทุกครั้งที่ทิ่มลงไปเขาได้ใส่ชี่แท้ของตัวเองเข้าไปด้วย
หวางเยียนหรานที่อยู่ด้านข้างยังต้องมองดูด้วยความตกตะลึงเล็กน้อย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธออยู่ใกล้ ๆ ก็คงมองการเคลื่อนไหวของหวางเย๋ได้ไม่ชัดเจนแบบนี้ ราวกับว่านิ้วมือกำลังเต้นระบำอยู่ นิ้วมือที่เรียวยาวเคลื่อนไหวไปมาอยู่ไม่หยุด และมองไม่เห็นเข็มเงินเลยสักนิด
ในขณะที่ตะลึงงันอยู่นั้น หวางเย๋ได้ฝังเข็มเสร็จเรียบร้อย
“คุณปู่ครับ ทนอีกสักนิด อีกสิบหน้านาทีก็สามารถเอาเข็มออกได้แล้ว”
หวางเย๋กำชับเสียงเบา ก็ลุกขึ้นพลางส่งสายตาเป็นนัยว่าให้หวางเยียนหรานตามตัวเองมาหน่อย
ตอนนี้หวางเยียนหรานเห็นหวางเย๋เป็นวีรบุรุษที่ตกลงมาจากฟากฟ้า ในสายตาเต็มไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา แล้วจะปฏิเสธได้ยังไง
“น้องเยียนหราน ฉันได้ยินว่าเธอยังอยากจะออกไปทำงานอยู่ เธอไม่กลัวว่าหลิวตงจะไปหาเธอเหรอ?” หวางเย๋เอ่ยถามเสียงเบา
แสงสว่างในดวงตาของหวางเยียนหรานมืดลงเล็กน้อย เธอพยักหน้า: “กลัวสิ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ฉันและคุณปู่จะให้เฮียหวางคอยดูแลอยู่ตลอดไม่ได้ เฮียและพวกเรา......”
กล่าวไป หวางเยียนหรานก็พูดต่อไปไม่ค่อยจะออก ตาเริ่มแดงขึ้นมา
สายตาของหวางเย๋อ่อนโยนขึ้นมาเล็กน้อย เขากอดเธอเอาไว้ และตบหลังของเธอเบา ๆ พลางกล่าวอย่างอ่อนโยน: “เด็กโง่ ฉันบอกแล้วว่านับจากนี้ไปจะดูแลเธอและคุณปู่ ต่อไปอย่าพูดคำพูดเกรงใจแบบนี้อีกนะ”
หวางเยียนหรานในเวลานี้หัวใจเต้นแรง แรงจนแทบกระเด็นออกมา เธอไม่ได้ต่อต้านที่หวางเย๋ทำแบบนี้ ในทางกลับกันกลับค่อนข้างจะหลงใหลในความรู้สึกของการถูกกอดแบบนี้
“แต่ว่า......” หวางเยียนหรานยังคงกล่าวอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
หวางเย๋ชิงพูดขึ้นมาก่อน: “ไม่ต้องแต่ว่า อีกอย่างเธออยากจะทำงานก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นที่บาร์นี่นา ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่เด็กสาวหน้าตาดีอย่างเธอควรจะไป ฟังพี่ตั้งใจเรียนก่อน เรียนจบแล้วพี่จะจัดหางานให้เธอเอง”
สาเหตุที่พูดแบบนี้ หลังจากที่หวางเยียนหรานเรียนจบแล้วหวางเย๋อยากจะให้เธอไปที่ดราก้อนโกลด์กรุ๊ปของหลงเหม่ยซิน ไม่เพียงเพราะมีหลงเหม่ยซินเป็นประธานบริษัท นอกจากนี้แล้วแบบนี้ยังทำให้เธอมีเพื่อนคุยเพิ่มขึ้นมาอีก
เพียงแต่ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภายหลังนั้นได้อยู่เหนือความคาดหมายของเขา......