ตอนที่ 2
ลูกเขยเดินนำหน้า พาพัชชาร์เข้าบ้านหลังใหญ่ด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด กับการมาเยือนโดยไม่คาดฝันของแม่ยายคนสวย
ในเวลาต่อมา
ตอนค่ำ…
เจสันพาแม่ยายแวะมากินมื้อค่ำที่ร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่
“ร้านน่ารักจัง… ”
พัชชาร์ทอดสายตาแลไปรอบๆ บริเวณ ร้านนี้ตกแต่งได้บรรยากาศของเมืองเหนือ ฝาผนังประดับไว้ด้วยไม้แกะสลักเป็นรูปช้างสวยงาม ที่ประตูทางเข้าด้านหน้ามีร่มสีแดงอันใหญ่ตั้งอยู่มุมทางเข้า
“แม่พัชร์เลือกเลยครับ… อยากทานอะไร… ”
ลูกเขยยื่นเมนูอาหารให้แม่ยาย
“นานแล้วที่แม่ไม่ได้กินอาหารเหนือ… ”
พัชชาร์มองดูเมนู… ทั้งร้านขายแต่อาหารเหนือ มีทุกเมนูที่นึกถึง แต่ที่พัชชาร์ชอบที่สุดก็คือแกงฮังเลที่หล่อนไม่เคยลืมกลิ่นเครื่องเทศซึ่งแม้จะไม่รู้จักว่ามันคืออะไรบ้าง แต่กลิ่นนั้นยังจดจำได้ไม่ลืม
“ฮังเลผมก็ชอบครับ… งั้นเราสั่งแกงฮังเลนะครับ… ”
เจสันกล่าว
“จ้ะ… ”
พัชชาร์เห็นด้วย
“เจย์กินเผ็ดได้ไหมจ๊ะ… ”
แม่ยายถามลูกเขย ทั้งสองมองสบตากัน
“ได้ครับ… แต่ถ้าเผ็ดมากก็ไม่ไหวครับ… ”
เจสันตอบ
“ถึงว่าสิ… เห็นชอบกินแกงฮังเล”
พัชชาร์ก้มลงสูดกลิ่นหอมของดอกกาสะลองมัดเป็นช่อเล็กๆ วางไว้ในจานตรงหน้า
“ใช่ครับ… ฮังเลออกจะหวานๆครับ… ผมชอบความรู้สึกตอนที่รสแกงกำซาบเข้ามาที่ลิ้น กลิ่นนั้นหอม แกงฮังเลไม่เผ็ดร้อน รสชาติออกจะหวานด้วยซ้ำ แต่ก็กลมกล่อม โดยเฉพาะเนื้อหมูสามชั้นที่เคี่ยวจนมันเปื่อยยุ่ยละมุนลิ้น ถ้าวันไหนมีแกงฮังเลจะทำให้ผมกินข้าวได้มากเป็นพิเศษ”
เจสันคุยเก่ง…
ช่างพูดช่างบรรยายจนคนฟังเห็นภาพ วันนี้จึงเป็นมื้อค่ำที่อิ่มหนำสำราญมากสำหรับลูกเขยลูกที่นานๆ จะมีโอกาสได้มานั่งกินข้าวด้วยกันสองต่อสองกับแม่ยาย
ระหว่างที่ใช้เวลาบนโต๊ะอาหาร ทั้งสองคุยกันอย่างออกรสชาติ ฟังเพลงคำเมืองที่บรรเลงอะคูสติกสดๆ ได้อารมณ์สุดๆ คุยกันถูกคออย่างคนที่มีเคมีบางอย่างตรงกัน
“เพลงเพราะจัง… ”
พัชชาร์กล่าว เพราะว่าหล่อนชอบเพลงเหนือที่มีท่วงทำนองดนตรีเป็นเอกลักษณ์แสนไพเราะไม่เหมือนใคร
“เจย์สัญชาติอะไรจ๊ะ… ”
พัชชาร์ถามเขยฝรั่ง อันที่จริงหล่อนเคยรู้มาจากลูกสาว แต่ก็ถามอีกครั้งให้แน่ใจว่าจำไม่ผิด
“สเปนครับ… ”
เจสันตอบ…
ทั้งสองคุยกันต่อมาอีกครู่ใหญ่ๆ
“เมื่อไรจะมีหลานให้แม่พัชร์อุ้ม… ”
พัชชาร์สงสัย…
สามปีกว่าแล้วที่เด่นดาวแต่งงานอยู่กินกับเจสัน แต่ก็ไม่มีแววว่าลูกสาวของหล่อนจะตั้งท้อง
“ผมก็อยากมีครับ… ”
เจสันตอบ
“สงสัยไม่ค่อยขยันทำการบ้านใช่ไหม… ”
พัชชาร์แซวอย่างมีอารมณ์ขัน หลังจากสนทนาทำความรู้จักกันจนเริ่มคุ้นเคย
“ผมน่ะขยันทำการบ้านครับ… ผมอยากทำทุก คืน แต่ลูกสาวแม่พัชร์นั่นแหละครับที่รับมือผมไม่ไหว”
เจสันกล่าวอย่างมีอารมณ์ขัน แต่พัชชาร์กลับขำไม่ออก คำพูดที่ว่า ‘รับของผมไม่ไหว’ คืออะไร?
ประโยคนี้ยังค้างคาอยู่ในความสงสัยของพัชชาร์ แต่ด้วยมารยาท หล่อนจึงไม่ได้ซักไซ้ต่อ
“ขอบใจมากนะจ๊ะเจย์… อุตส่าห์พาแม่เที่ยวจนค่ำ… ”
พัชชาร์ดึงทิชชู่ในซองเล็กๆ ที่หล่อนพกติดตัวเป็นประจำออกมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของลูกเขย
ตอบแทนที่เขาพาหล่อนเที่ยวจนได้เหงื่อแล้วยังช่วยยกข้าวของจำพวกของแฮนด์เมดน่ารักที่ตั้งใจซื้อไปฝากเพื่อนที่กรุงเทพฯ ทั้งกรอบรูปและตุ๊กตาไม้แกะสลักหลายชิ้น
มือเรียวค่อยๆ แตะทิชชู่ซับเหงื่อ ทำเอาเจสันรู้สึกตกใจกับ แต่ก็ชอบ และรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างประหลาดเมื่อแม่ยายเข้ามาใกล้จนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากเรือนกายทรงเสน่ห์ของหล่อน ผู้หญิงคนนี้มีแรงดึงดูดเพศตรงข้ามสุดๆ
“วันนี้อากาศดีครับ… ”
เจสันชวนคุย
“เชียงใหม่อากาศหนาวจ้ะ แต่ที่กรุงเทพฯ ยังไม่หนาวเท่าไร”
พัชชาร์กล่าว
“ถ้าแม่พัชร์อยู่ค้างคืนหลายๆ วันผมจะพาไปเที่ยวบนดอย… ”
เจสันกล่าวหลังจากหิ้วข้าวของไปวางไว้ในห้องนอนที่เปิดให้พัชชาร์พัก
“เสียดายจัง… งั้นคราวหน้าถ้าจะมาเที่ยวอีกครั้งเดี๋ยวแม่จะนัดล่วงหน้านะจ๊ะ… ”
พัชชาร์มองหน้าลูกเขย…
หารู้ไม่ว่าเจสันแอบคิดในใจว่าอันที่จริงมาโดยไม่ได้นัดหมายแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะมันทำให้เขารู้สึกใจเต้นขึ้นมาแปลกๆ
เมื่อรู้ว่าคืนนี้แม่ยายจะนอนค้างสองต่อสองกับเขาในบ้านหลังใหญ่
“แม่พัชร์อยากจะลงว่ายน้ำไหมครับ… หลังบ้านมีสระว่ายน้ำครับ”
เจสันหมายถึงสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่หลังบ้าน
“เห็นแล้วจ้ะ… สระน้ำกว้างขวางและสวยมาก เสียดายที่แม่ลืมเอาชุดว่ายน้ำติดมาด้วย… เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะออกไปซื้อสักชุด รบกวนเจย์พาแม่ไปห้างด้วยนะจ๊ะ… ”
พัชชาร์ทำหน้าเสียดาย
“ได้เลยครับ… งั้นคืนนี้แม่พัชร์ใส่ชุดว่ายน้ำของดาวแก้ขัดไปก่อนก็ได้นะครับถ้าอยากว่ายน้ำ… ”