5.เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า
ณ สถานที่รถไฟ (อดีต)
ตาณรออเล็กซ์อยู่หัวมุมถนนฝั่งตรงข้ามชานชาลารถไฟ คืนนี้ชายหนุ่มต้องไปกรุงเทพฯ เพื่อรับหน้าที่ในบริษัทของสมิธ ซึ่งเป็นอาของอเล็กซ์
เด็กสาวไม่กล้าผลีผลามเข้าไปหาอเล็กซ์ ด้วยรอบกายเขามีหลายชีวิตยืนถ่ายรูปและสนทนากันอยู่
กระทั่งอเล็กซ์หันมาเห็น เด็กสาวจึงโบกมือทักทาย จากนั้นเขาก็เดินเลี่ยงจากสายตาญาติๆ ออกมา
หัวใจตาณพองโตเมื่อเห็นร่างสูงก้าวมาหา หล่อนชี้มือไปอีกฝั่งของชานชาลา จุดนั้นมีห้างสรรพสินค้าเล็กๆ ติดถนนคนเดิน หล่อนรีบจ้ำอ้าวไปรอเขาที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ด้านหน้ามีตู้แผงไฟและป้ายโฆษณาซึ่งบังสายตาคนได้ดี
“พี่นึกว่าตาณจะไม่มา ปล่อยให้รอจนแทบจะขาดใจตาย”
เขาพุ่งเข้ามากอดหล่อน เอ่ยด้วยสุ้มเสียงตัดพ้อ ก่อนจะสำรวจร่างกายหอมเย้ายวนด้วยจมูกโด่งสวย
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น ยังไงตาณก็ต้องมา ดูสิ มีคนมาส่งพี่ตั้งแยะ ไม่เห็นจะต้องรอตาณ”
“อ๋อ วันนี้มีญาติของพ่อมาด้วยหลายคน และเจมีกับป้าก็เพิ่งบินมาถึงเมื่อวาน พวกเขาอยากนั่งรถไฟ บอกว่ามันดูอะเมซิ่งมาก” อเล็กซ์อธิบายให้หล่อนฟัง แต่เด็กสาวก็เหมือนอยู่ในอาการเหม่อ เขาจึงเสริมต่อ “ตาณไม่ต้องห่วงนะ พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางพี่จะรีบกลับมารับคนสวยทันที”
อเล็กซ์เอ่ยเหมือนทุกอย่างง่ายดาย ทั้งที่หล่อนอธิบายไปแล้วว่ามีภาระหลายอย่างทั้งเรื่องต้อม ผู้เป็นน้องชาย ซึ่งค่อนข้างเกเร และยังต้องช่วยแม่ขายของในตลาดตอนเช้า ดังนั้นการจะตามเขาไปเมืองหลวงเป็นสิ่งยากเกินตัว
“แต่...” หล่อนเอ่ยได้เท่านั้น ก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
อเล็กซ์เลิกคิ้วสูง แล้วถามต่อ “ว่าไง”
“แม่อยากให้ตาณอยู่ช่วยงานที่นี่ และคอยดูต้อมด้วย” หล่อนบอกเขาสั้นๆ ไม่อยากสร้างปัญหาใดให้เขากลุ้มใจ
“ถ้าไม่สบายใจก็ไม่เป็นไร เอาไว้ให้ทุกอย่างพร้อม ค่อยตัดสินใจใหม่”
เขาว่าแล้วก็จับใบหน้าหล่อนด้วยสองมือ ก่อนจะจุมพิตที่หน้าผากด้วยความสิเน่หา
วินาทีนั้น ขอบตาเด็กสาวแดงเรื่อ ในหัวมีความคิดโง่ๆ ใจจริงคืนนี้ หล่อนคิดหนีตามเขาไปด้วยซ้ำ แต่ความคิดไม่เข้าท่านั้นถูกพับเก็บลงอย่างเร็ว ใจหล่อนยังห่วงแม่และน้องชาย พวกเขาจะอยู่อย่างไรถ้าหล่อนตัดช่องน้อยแต่พอตัว
ตาณพยายามกลั้นน้ำตา หล่อนจะร้องไห้ตอนนี้ไม่ได้ ทว่าน้ำตาเจ้ากรรมกลับไม่เชื่อฟัง มันไหลอาบแก้มอย่างเร็ว หล่อนจึงโผเข้าไปกอดอเล็กซ์ แล้วซุกหน้ากับอกกว้าง ด้วยไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตา
เนื้อตัวอเล็กซ์หอมและอุ่นจัด หล่อนชอบโมงยามนี้ โมงยามที่มีเขาอยู่ใกล้ๆ คอยเป็นหลักยึดและที่พึ่งพิงใจ หญิงสาวซึมซับภาพต่างๆ เอาไว้ หวังให้เป็นความทรงจำล้ำค่า อเล็กซ์วางคางเหลี่ยมบนศีรษะหล่อนและเอ่ยว่า
“พี่จะไม่มีวันลืมตาณ และกลิ่นนมหอมๆ นี้แน่นอน”
หล่อนเงยหน้ามองเขา ตาสบตา หัวใจหนุ่มสาวเต้นในจังหวะเดียวกัน หล่อนเรียนรู้รสสวาทจากเขา และตอบรับสิ่งนั้นด้วยจุมพิต
สองมือขยี้ผมเส้นเล็กนิ่มลื่นของอเล็กซ์ แสดงถึงความสุขล้ำที่เขาปรนเปรอให้ โมงยามนั้นร่างกายสาวปานจะล่องลอยสู่สรวงสวรรค์ ตาณคิดถึงภาพในกระท่อมและคำรักที่เขาพร่ำบอก
อเล็กซ์อุ้มร่างตาณขึ้น และโอบกอดไว้แน่น หล่อนรู้สึกดีเหลือเกิน กระทั่งลงยืนบนพื้นเขาก็จับจูงมือหล่อนไปยังที่ลับตาคน จุดนั้นเป็นหลังต้นไม้ใหญ่มีลมพัดแรงและอากาศเย็นชื้น
ยามนั้นใจเด็กสาวเต้นระส่ำ แม้จะกลัวแต่ก็มีความตื่นเต้นและพร้อมเรียนรู้รสรักจากเขา อเล็กซ์ยิ้มพึงใจ ก่อนที่มือใหญ่จะสัมผัสส่วนเว้าส่วนโค้งของเด็กสาว ริมฝีปากบางนั้นก็แสนซุกซน เอาแต่ฉกชิมรสหวานและกลิ่นหอมๆ จากริมฝีปากอวบอิ่มกับลำคอระหง
เด็กสาวยืนแทบจะไม่ไหว ร่างกายอ่อนปานขี้ผึ้งถูกไฟลน กระนั้นก็เผลอตอบรับเขาด้วยการหลุดเสียงหวานจัดเรียกชื่อชายหนุ่ม
“พี่เล็กๆ ขา”
“ว่าไงครับ คนสวย”
“อย่าทำแบบนี้สิคะ เดี๋ยวใครก็มาเห็นหรอก”
“ไม่มี้ เว้นแต่พวกชอบถ้ำมอง ฮ่าๆ” เขาว่าพร้อมกับหัวเราะในลำคอ ก่อนฝังจูบลงบนกลีบปากเด็กสาวที่กำลังเห่อร้อน
ตาณไม่อาจทนทานแรงสิเน่หาที่ถาโถมเข้าใส่ร่างกาย หล่อนจึงโอบกอดเขาแน่น กายแกร่งของอเล็กซ์ปลุกพลังแห่งรักให้ลุกโชน แต่ไม่กี่วินาทีจากนั้นเสียงแหลมจัดก็ร้องขึ้นจากด้านหลังชายหนุ่ม
“อเล็กซ์ คุณทำอะไร!” ใครบางคนถามเขาด้วยภาษาอังกฤษ น้ำเสียงส่อความหึงหวงชัดแจ้ง
ตาณผงะจากอ้อมกอดคนรัก หล่อนถอยหลังหลายก้าว พลางมองคนที่ก้าวมายืนข้างเขา อีกฝ่ายเป็นผู้หญิงต่างชาติ รูปร่างสูงเพรียว เธอมีผมสีบลอนด์เส้นเล็กยาวถึงกลางหลัง อายุคงมากกว่าตาณซักสามถึงสี่ปี
“แมรี่ให้มาตาม” หญิงสาวหมายถึงมารดาของอเล็กซ์
ตาณเลี่ยงมองไปอีกทาง กระนั้นหล่อนยังรู้สึกอายอยู่มากที่กระทำสิ่งอันไม่สมควรเมื่อครู่
“อ๋อ เจมี นี่ตาณ” ชายหนุ่มแนะนำให้สองสาวรู้จักกัน
ตาณทบทวนสิ่งที่เคยรับรู้จากอเล็กซ์ เจมีคือเพื่อนข้างบ้านทั้งคู่เคยคบหากันพักใหญ่ ก่อนเขาจะย้ายมาอยู่ประเทศไทย
จากนั้นสาวฝรั่งก็กระทำในสิ่งที่ตาณต้องตกใจ เธอบีบปลายจมูกชายหนุ่มเป็นเชิงเย้าหยอก แล้วไล่สายตาสำรวจเขาราวกับเด็กเล็กๆ ที่ออกมาวิ่งซนแล้วหกล้ม ครั้นไม่พบว่ามีชิ้นส่วนใดบุบสลายก็กอดเอวเขาหมับ ก่อนอิงศีรษะซบไหล่หนา
อเล็กซ์หัวเราะเสียงดัง ไม่บ่อยครั้งนักหรอกที่ตาณจะเห็นเขาอยู่ในอิริยาบถสบายๆ เช่นนี้ และหากไร้ซึ่งอคติ เด็กสาวยอมรับว่าภาพหนุ่มสาวเบื้องหน้า งดงามและดูเหมาะสมกันกับราวกับเจ้าหญิงกับเจ้าชาย
ตาณทำตัวไม่ถูก ไม่เข้าใจการแสดงออกเช่นนี้ของชาวต่างชาติ ถึงจะเคยเล่นหัวกันมาตั้งแต่เด็ก หากอากัปกิริยาดูอย่างไรก็เหมือนคนรักกัน และตาณก็เป็นคนประเภทเก็บอาการไม่เก่ง สีหน้าสีตาเลยบึ้งตึง
เจมีซึ่งเป็นผู้หญิงด้วยกันมองออก เธอยิ้มน้อยๆ และเลือกจะคุยกับชายหนุ่ม
“ปะ รีบไปกันเถอะ แมรี่บอกเจ้าหน้าที่ขอดูตั๋ว มันยังไม่เรียบร้อย”
“อ้าว ตั๋วอยู่นี่”
เขาดูในกระเป๋าเสื้อ และหัวเราะร่วน ตั๋วทั้งหมดของทุกคนอยู่กับชายหนุ่ม
เจมีไม่ได้เอ่ยคำใด นอกจากคล้องแขนชายหนุ่ม แล้วกึ่งลากกึ่งฉุดให้ก้าวตาม หากแต่อเล็กซ์ทำเสียงดุ และยกมือขอเวลาเธอสักประเดี๋ยว
“ถ้าช้ากว่านี้ แมรี่มาตามเอง มันจะยุ่งนะ”
สิ่งที่เจมีเอ่ยเหมือนคำประกาศิต ตาณรู้ฤทธิ์คุณนายฝรั่งดี ฝ่ายนั้นพอได้ข่าวว่าอเล็กซ์มีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังที่เมืองไทย เธอก็บินจากสหรัฐฯ เพราะกลัวหนุ่มหล่อจะคว้าภรรยาไร้หัวนอนปลายเท้าเข้าบ้าน
อเล็กซ์มีสีหน้ายุ่งยากใจ ดวงหน้าหล่อเหลายิ้มเจื่อน ก่อนจะเอ่ยคำพูดสั้นๆ ว่า “แล้วเจอกันนะตาณ...”
และนั่นคือคำพูดสุดท้ายที่หญิงสาวจำได้ ก่อนที่สถานะทั้งคู่จะเปลี่ยนไปตลอดกาล!