บทย่อ
7 ปีก่อน มีเหตุให้เขาต้องไกลห่าง โดยไม่รู้ว่าทิ้งไข่เอาไว้ให้หล่อน ‘ฟัก’ วันนี้...ถึงเวลาคืนความสุขให้ ‘เมีย’ และ ‘ลูกรัก’ เขาเลยต้องเล่นใหญ่และจัดหนัก โดยไม่ปล่อยเวลาให้หล่อนได้หยุดพัก...หายใจ ******** ตาณเคยบอกพี่ ชื่อตาณ (Bunker) มีความหมายว่า ‘ที่พึ่ง’ หรือ ‘หลุมหลบภัย’ ใช่ไหมครับ” หญิงสาวพยักหน้ารับ อาจเป็นเพราะเผลอไผล หรือปิติที่ผู้ชายตรงหน้ายังไม่ลืมสิ่งที่หล่อนเอ่ยในวันวาน “และตอนนี้ พี่รู้แล้วว่า ชื่อพี่หมายถึง...” เขาเว้นจังหวะเรียกร้องความอยากรู้หล่อน “อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ ก็รีบพูดมาสิคะ” ตาณคนเดิมกลับมาสวมในร่างคุณแม่ หล่อนขยับไปหาเขาอีกนิด อยากได้ยินสิ่งที่อดีตคนรักกำลังจะเอ่ย “ถ้าตาณเป็นที่พึ่ง และหลุมหลบภัยให้ลูกๆ แล้ว พี่ขอเป็นผู้ชายที่จะปกป้องและดูแล คนที่พี่รัก...ได้ไหม” หัวใจตาณเต้นแรง ขอบตาหล่อนแดงเรื่อและร้อนจัด “...อเล็กซ์ (Alex) มีความหมายว่า ผู้ชายที่ปกป้องคนที่เขารัก” ชายหนุ่มเฉลยคำตอบนั้นด้วยรอยยิ้ม
1.ไฟรักกลางกระท่อมริมน้ำ
ไฟรักกลางกระท่อมริมน้ำ
“ตาณเคยจูบกับใครมาก่อนหรือเปล่า...” อเล็กซ์กระซิบข้างหูเด็กสาวที่เพิ่งพ้นวัย 18 ปีมาได้ไม่กี่วัน
“จะให้ตอบยังไง...” ตาณทิ้งจังหวะหวังยั่วคนขี้หึงให้ขาดใจตาย ซึ่งทั้งวันเขาพาลพาโลใส่ผู้ชายทุกคนที่อยู่ใกล้หล่อน
“พี่อยากรู้ความจริง” เอ่ยจบมือใหญ่แข็งแรงก็คว้าร่างบอบบางมาเผชิญหน้ากัน ยามนั้นแผ่นหลังหล่อนชิดกับต้นไม้ใหญ่
สายลมที่วูบผ่านพัดผมยาวสลวยเคลียใบหน้าเรียวรูปไข่ หนุ่มหล่อจึงใช้มือข้างหนึ่งช่วยปัดปอยผมให้ เขาไล้นิ้วบนหน้าผากกลมมน ก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาที่ปลายจมูกเชิดรั้น นิ้วยาวแข็งแรงส่งสัมผัสเย้าหยอกอยู่นานจนเด็กสาวคำรามใส่
อเล็กซ์เลื่อนนิ้วลงมาต่ำอีกนิด คราวนี้หยุดอยู่เหนือริมฝีปากเต็มอิ่ม ริมฝีปากซึ่งเขาหลงใหลตั้งแต่แรกพบ
“พี่ชอบเจ้านี่ที่สุด มันเซ็กซี่ และมีกลิ่นนมปั่น” เขาว่าแล้วหัวเราะร่วน ก่อนวาดนิ้วบนกลีบปากหล่อน
เด็กสาวเลยอ้าปากขึ้น ทำทีจะกัดนิ้วชายหนุ่ม
“หิวแล้วสิท่า พี่กำลังอยากป้อนของหวานให้ตาณอยู่พอดี”
เขาว่าเสียงสนุก แล้วรั้งร่างหล่อนมาแนบแผงอก และจุมพิตหน้าผากกลมมนด้วยแรงสิเน่หา
“เซี้ยวใหญ่แล้วพี่เล็ก!” หล่อนว่าเสียงขุ่น พร้อมดันหน้าอกชายหนุ่มห่างตัว ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบและวิ่งหนีเขาไปข้างหน้า
“ตอบพี่มาก่อน ไม่งั้นจะจูบตาณทำโทษเดี๋ยวนี้” เขาว่าพร้อมโผเข้ามาสวมกอดหล่อนจากทางด้านหลัง
“อุ๊ย อย่าทำแบบนี้พี่เล็ก!” ตาณตกใจและรู้สึกร้อนวูบวาบ ด้วยมือใหญ่สัมผัสส่วนเว้าส่วนโค้งหล่อนอย่างย่ามใจ
“ก็พี่ทั้งคิดถึง และก็หึงตาณมากๆ”
“หึง!?”
ในที่สุดเขาก็ยอมรับความจริงแต่โดยดี ที่พาลพาโลและมึนตึงใส่หล่อนก่อนหน้านี้เป็นเพราะอาการ ‘หึง’ ไม่เข้าท่านั่นเอง
“หึง แล้วทำตัวน่าเบื่อแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ถ้าตาณไม่เกรงใจคนอื่น ป่านนี้คงวีนแตกใส่พี่เล็กตั้งแต่ในงานเลี้ยงฮาโลวีนแล้ว”
อเล็กซ์หัวเราะแห้งๆ ตลอดทั้งวันที่เขางี่เง่า เป็นเพราะมารดาต้องการให้ไปช่วยงานคุณอาผู้ชายที่กรุงเทพฯ อย่างเต็มตัว สมิธกำลังขยายบริษัทอสังหาริมทรัพย์ซึ่งตอนนี้ได้รับการตอบรับจากทั้งเอกชน และฝ่ายรัฐ
“พี่ผิด พี่รู้ แต่ให้ทำไง ตาณสวยขนาดนี้ พี่ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้”
อเล็กซ์ปากหวานและมีวิธีการมัดใจหล่อนเสมอ กระนั้นสิ่งที่เขาเอ่ย เด็กสาวจำต้องใคร่ครวญ ถึงอย่างไรระหว่างเขากับหล่อน หนทางข้างหน้าคงไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และแมรี่ มารดาอเล็กซ์ขึ้นชื่อว่าหวงลูกชายเป็นที่สุด ส่วนครอบครัวตาณก็มีฐานะไม่สู้ดี หากเทียบชั้นกันแล้วแทบมองไม่เห็นฝุ่น เมื่อเป็นเช่นนี้คนที่ตกที่นั่งลำบากย่อมเป็นหล่อน
“ตอนนี้พี่ตกหลุมรักตาณจนถอนตัวไม่ขึ้น ถ้าเราต้องห่างกันพี่คงขาดใจตาย”
คำพูดเขาหวานแหลมจนตาณต้องตั้งสติ เด็กสาวกลัวเหลือเกินว่าสิ่งที่เขาเอ่ยจะเป็นการหลอกล่อให้ติดกับดัก
ตาณถอนหายใจหนัก มีหลายสิ่งให้ขบคิด หล่อนเป็นพวกแสดงออกมากกว่าพูด หากอเล็กซ์สังเกตคงรู้ว่าหมดทั้งหัวใจที่มีมอบให้เขาไปตั้งนานแล้ว
ชายหนุ่มเห็นคนรักเงียบผิดปกติ จึงรุกหนักกว่าเดิม
จมูกโด่งซุกไซ้ซอกคอขาวผ่อง ริมฝีปากพรมจูบผิวกายสาวส่งความอุ่นซาบซ่านให้แก่เด็กสาว
วินาทีนั้น ตาณยืนแทบไม่ติดพื้น ร่างกายอ่อนปานขี้ผึ้งถูกไฟลน หล่อนพยายามกลั้นเสียงเล็กๆ ที่เจียนจะลอดออกมาจากริมฝีปาก กลัวเหลือเกินว่าเขาจะรับรู้ถึงแรงปรารถนาเร้นลับของหล่อน
เมื่อเขาเว้นจังหวะให้หายใจ ตาณก็รวบรวมพลังถอยหนี แต่มือใหญ่ที่อุ่นจัดยื่นมารั้งร่างหล่อนไม่ให้เคลื่อนไปไหน
“อยู่กับพี่ก่อน” เขาพูดจบก็หมุนร่างเด็กสาวเข้าหาตน
ขณะนั้น แสงจันทร์ทอแสงอ่อนๆ ทาบทับใบหน้าอเล็กซ์ซึ่งกำลังเผยยิ้มกว้าง อวดฟันเรียงสวยสีไข่มุก ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มกังวาน
“ตาณ...สัญญาได้ไหมว่าจะมีพี่คนเดียว และจะรอพี่จนกว่าเราจะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน”
“ทำไมต้องสัญญา พี่ก็รู้ ตาณไม่ชอบการผูกมัด ขอแค่เราเชื่อใจกันก็พอ”
ตลอดเวลาที่รู้จักกัน ทั้งสองคนเป็นทั้งเพื่อน เป็นพี่น้องและตอนนี้พัฒนาเป็นคนรัก สิ่งเหล่านั้นล้วนเกิดจากความเชื่อใจ
หัวคิ้วหนาขมวดมุ่น ก่อนที่เขาจะทำปากขมุบขมิบ ราวกับต้องการเอ่ยบางอย่าง
“อะไร...” เด็กสาวไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อความหมาย
และนอกจากไม่ตอบคำถาม สองมือยังจับเอวเล็กคอดกิ่ว ก่อนยกร่างหล่อนขึ้นเหนือพื้น
“ว้าย! เล่นอะไรพี่เล็ก”
ตาณขัดเขินที่เขารุกหนัก โดยไม่ปล่อยให้หล่อนได้ตั้งตัว กระนั้นขาทั้งสองข้างก็รัดเอวสอบอย่างรู้งาน
“เกาะเอวดีๆ นะ เดี๋ยวหล่นลงพื้นจะมาโทษพี่ไม่ได้”
หญิงสาวขึงตาดุคนฉวยโอกาส “ลองทำตาณตกสิคะ ตาณจะโกรธพี่เล็กไปตลอดชาติเลย”
อเล็กซ์ยื่นหน้าเข้าใกล้ตาณ และใช้จมูกโด่งนำทาง ทั้งสูดกลิ่นกายสาว ใช้มันสัมผัสผิวแก้มเนียนนุ่มซึ่งกำลังแดงปลั่ง
หนวดเคราที่เพิ่งโกนระคายผิวหล่อน เป็นความรู้สึกที่ตาณอธิบายไม่ถูก ทั้งหวามใจและชวนตื่นตระหนก
“พี่เล็ก...” ตาณเผลอครางเรียกชื่อคนรัก
อเล็กซ์ไม่ยอมปล่อยให้วินาทีแสนหวานผ่านไปโดยไร้ความหมาย เขาป้อนความหวานฉ่ำลงบนกลีบปากหล่อน ซึ่งเย้ายวนและชวนให้ดื่มด่ำรสรัก ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายใหม่ในอึดใจต่อมา
“อุ๊ย...พี่เล็กจะทำอะไร” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง
“ก็...อยากพิสูจน์กลิ่นนมอีกครั้ง ว่ามันจะหวานแค่ไหน” เขายื่นคางเหลี่ยมที่มีไรหนวดสากๆ เข้าใกล้เนินหน้าอกอวบสวย
“หยุดนะ เล่นอะไรแผลงๆ อยู่ได้”
หล่อนว่าพลางใช้กำปั้นทุบหัวไหล่เขา แต่ชายหนุ่มก็หนังหนาเหลือทน จมูกโด่งเคลื่อนเข้าหาร่องหน้าอก และคุกคามบริเวณลึกลับอย่างคนเอาแต่ใจ
“ตอนเด็กๆ แม่หย่านมเร็วเกินไปใช่ไหมคะ ถึงได้เป็นอย่างนี้” หล่อนเหน็บเขาด้วยถ้อยคำรุนแรง
“หือ เรายังไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย ทำไมต้องรีบ ‘หย่า’ หรือว่าคืนนี้ตาณพร้อมจะเป็นเจ้าสาวของพี่แล้ว” เขาว่าอย่างคนขี้ตู่
คนมือไวเลยเผลอตบลงไปที่แก้มซ้ายเขาหนึ่งหน
“อุ๊ย ตาณขอโทษ” หล่อนร้องเสียงหลง กระนั้นก็แอบสะใจเมื่อได้แก้เผ็ดหนุ่มหล่อ
อเล็กซ์หรี่ตามองตาณ แล้วเอ่ยเสียงเข้มจัดคล้ายเป็นคำขู่
“พี่จะยกโทษให้ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่า ตาณต้องยอมตกเป็นเจ้าสาวของพี่คืนนี้!”
คำพูดอเล็กซ์ทำให้ตาณครั่นคร้ามใจ หล่อนยังเด็กเกินไปที่จะคิดถึงเรื่องพรรค์นั้น เด็กสาวมองเข้าไปในดวงตาคมที่ซ่อนความหมายบางอย่าง หล่อนรู้จักเขาเมื่อ 3 ปีก่อน แรกเริ่มเด็กสาวคือหนึ่งในกลุ่มนักเรียนหญิงที่ตามกรี๊ด
อเล็กซ์
หนุ่มฝรั่งลูกเสี้ยวไทยเป็นหลานชายเจ้าของมูลนิธิบรษัทเอกชนแห่งหนึ่ง และจัดตั้งองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรเพื่อช่วยเหลือผู้คน โดยการส่งอาสาสมัครเข้ามาทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์พร้อมสอนภาษาอังกฤษให้เยาวชนและผู้ด้อยโอกาส รวมถึงคนพิการ
ครั้งแรกที่ได้พบหน้าอเล็กซ์ เด็กสาวกำลังศึกษาในชั้นมัธยมต้น ส่วนเขาเตรียมศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยที่สหรัฐอเมริกา ช่วงเวลานั้นเขามาพักร้อนที่ประเทศไทย
ตาณอาศัยรถเมล์สายยาวนั่งไปโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ซึ่งแล่นผ่านภายในมหาวิทยาลัยที่ชายหนุ่มมาเป็นอาสาสมัครช่วยงานทีมวิจัยของคณะบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ ตามคำแนะนำของสมิธซึ่งก่อนไปเปิดบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่โต สมิธเคยเป็นอาจารย์พิเศษในภาควิชาดังกล่าว
ตาณจำได้ว่า บ่ายวันนั้นแอบมองอเล็กซ์ตั้งแต่ขึ้นรถเมล์ และเห็นเขานั่งอยู่ด้านหน้ารถ กระทั่งเบาะที่เขานั่งมีคนลุกขึ้นจึงขยับมาเตรียมจะนั่ง แต่จังหวะนั้นรถเบรกกะทันหัน เด็กสาวเลยสะดุดขาตัวเอง ทำแก้วนมปั่นหล่นลงพื้น ส่วนร่างเล็กเพรียวบางก็ทรุดลงไปนั่งแปะบนตักเขา ครั้นลุกขึ้นก็เก้ๆ กังๆ จนเป็นเหตุให้เผลอจุ๊บแก้มข้างขวาชายหนุ่ม ถึงจะเป็นเหตุการณ์สุดเปิ่นชวนขายหน้า แต่ผลลัพธ์มันก็สุดคุ้มค่า ด้วยทำให้หนุ่มหล่อหันมาสนใจเธอ
‘พี่ชื่อเล็กนะ เราเคยเจอกันที่มูลนิธิหรือเปล่า’
อเล็กซ์ใช้เวลาในศุกร์และวันเสาร์ช่วยงานที่นั่น ทั้งสอนภาษาและรับใช้สังคม
‘ตะ...ตาณค่ะ’ หล่อนไม่กล้าตอบอะไรมากกว่านั้น ในความจริงเหตุที่เด็กสาวไปขลุกที่มูลนิธิกับเพื่อนอีกสองคน เพราะตามไปกรี๊ดหนุ่มหล่อเท่านั้น
‘น้ำตาล?’ เขาทวนชื่อหล่อน และมีรอยยิ้มกว้างบนดวงหน้า
‘เปล่า ตาณเฉยๆ ตาณที่มีความหมายใกล้เคียงคำว่า ‘Bunker’ เป็นที่พึ่งหรือหลุมหลบภัยก็ได้ค่ะ’
หล่อนอธิบายเสียยืดยาว โดยไม่รู้ว่าทำให้คนฟังอมยิ้มชอบใจ เขารู้ว่าหล่อนกำลังเขิน ทั้งน้ำเสียงสั่นๆ และสองแก้มใสก็แดงระเรื่อ
ทั้งคู่เงียบไปราวอึดใจ กระทั่งรถแล่นผ่านหัวโค้งเขาก็เอ่ยขึ้น ‘
เย็นนี้ว่างไหม’
‘หือ ทะ ทำไม’
‘ไปกินนมปั่นที่ครัวแม่หุงกัน’
‘ละ แล้ว ทะ ทำไมต้องนมปั่น’
อเล็กซ์แตะที่แก้มขวาของตน จุดนั้นมีลักยิ้มน้อยๆ เป็นจุดเดียวกันที่เด็กสาวเพิ่งฝากรอยจูบไว้
‘ก็เลี้ยงแทนแก้วที่มันหล่นไง และผมก็ชอบกลิ่นนมมาก...นมปั่นจากริมฝีปากตาณ’