บท
ตั้งค่า

ลูกชายเริ่มเปลี่ยนไป

บทที่ 9 น่าสนใจ

ในช่วงเช้าของวันอาทิตย์อริสาเดินลงมาส่งจอมทัพที่หน้าเพนต์เฮาส์เหมือนอย่างเคย แต่ในครั้งนี้กลับเห็นใครคนหนึ่งยืนรออยู่ก่อนแล้ว และเมื่อจอมทัพได้เจอคนที่คุ้นเคยเขาก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมา แล้วรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดอีกฝ่ายทันที

“พ่อ คุณกลับมาแล้ว!” เขายิ้มกว้างจนตาหยีก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปกอดอีกรอบ

ไอศูรย์ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแต่ใบหน้าที่เคยไม่แยแสอะไรก็เผยรอยยิ้มออกมา เขาอุ้มลูกชายขึ้นมากอดเช่นกันแล้วพูด “พ่อมีของฝากมาให้คุณเยอะเลย คุณอยากรู้หรือเปล่าว่าคืออะไร”

“อยาก! ลูกอยากรู้!” จอมทัพพยักหน้ารัว ๆ ด้วยความดีใจ

อริสามองสองพ่อลูกคู่นั้นโดยไม่พูดอะไร ภาพตรงหน้าของเธอทำให้นึกถึงตัวเองในวัยเด็กขึ้นมาเช่นกัน ครอบครัวของเธอเป็นชนชั้นกลางและพ่อแม่หย่ากัน อริสาได้มาอยู่กับพ่อที่ฐานะดีกว่าและสามารถเลี้ยงดูเธอได้โดยไม่ขาดเหลืออะไร แต่เพราะเขางานยุ่งมากจึงไม่ค่อยมีเวลานัก ทุกครั้งที่ได้เจอกันจึงรู้สึกว่าช่วงเวลานั้นพิเศษมาก

ช่วงเวลาพิเศษของพ่อลูกคู่นี้ก็คงไม่ต่างกับเธอในอดีต

“เห็นสองคนนั้นแล้วก็รู้สึกนึกถึงตัวเองขึ้นมาเลย” เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในลิฟต์โดยไม่ได้ทักทายอดีตสามีแต่อย่างใด

ส่วนสองพ่อลูกก็ไม่ได้สังเกตเธอเช่นกัน พวกเขาเดินทางกลับบ้านและจอมทัพก็เห็นกล่องของขวัญมากมายที่พ่อซื้อมาฝากจากต่างประเทศ เด็กชายมีความสุขมากจนถึงขั้นกระโดดโลดเต้นไปมาด้วยความดีใจ แล้วรีบแกะกล่องของขวัญทั้งหมดทันที จนลืมเล่าเรื่องที่ได้ใช้เวลากับแม่ไปเลย

ไอศูรย์ใช้เวลาว่างทั้งวันเล่นกับลูกชายจนกระทั่งถึงเวลาทานอาหารเย็น แม้วันนี้จะมีเมนูที่มีผักและต้นหอมแต่จอมทัพกลับทานโดยไม่มีการโอดครวญ หรือโยนอาหารทิ้งเหมือนอย่างทุกครั้ง จนแม้แต่พี่เลี้ยงที่คอยดูแลก็อดแปลกใจไม่ได้เช่นกัน

ไอศูรย์มองดูลูกชายทานผักด้วยความแปลกใจปนสับสน ไม่คิดเลยว่าผ่านไปเพียงไม่กี่สัปดาห์ลูกชายจะเปลี่ยนไปขนาดนี้

“คุณทานผักได้แล้วเหรอ”

“ใช่ ตอนนี้ลูกกำลังเปิดใจให้กับผัก” จอมทัพพูดไปด้วยทานผักไปด้วย แม้บางครั้งจะเผยสีหน้าเหยเกออกมาแต่ก็สามารถกล้ำกลืนฝืนทนกลืนผักเหล่านั้นลงไปได้

“เปิดใจ?”

“ใช่ ลูกเปิดใจ”

“แต่คุณเกลียดผักมากไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้เปิดใจได้ล่ะ” ไอศูรย์ถามด้วยความสนใจ รู้สึกแปลกใหม่ขึ้นมา

“แม่ก็ไม่ชอบทานผักเหมือนกันแต่เพราะเธอเป็นผู้ใหญ่แล้วเลยเลือกทานได้ แต่ลูกยังเป็นเด็กอยู่เลยต้องลองเปิดใจให้กับผักดูบ้าง ถ้าโตขึ้นแล้วลูกไม่ชอบค่อยเลิกทานก็ได้ แต่ตอนนี้ลูกต้องลองเปิดใจดูก่อน” จอมทัพอธิบายในขณะที่หยิบผักเข้าปากไป แม้บางคำจะรู้สึกเหม็นเขียวแต่สุดท้ายก็กลั้นใจกลืนลงท้องไป

“เธอบอกกับคุณแบบนั้นเหรอ”

“ใช่ แต่แม่บอกว่าต้องรอให้ถึงวัยที่เป็นผู้ใหญ่ก่อน!” จอมทัพพยักหน้า ก่อนจะหันมาถามอย่างสงสัย “แล้วผู้ใหญ่ต้องอายุกี่ปีล่ะพ่อ ถ้าลูกอายุสิบปีแล้วเป็นผู้ใหญ่ได้หรือยัง”

“ไม่ คุณต้องรอให้ถึงอายุครบสิบแปดปีก่อนถึงจะเป็นผู้ใหญ่ได้” ไอศูรย์ตอบอย่างยิ้ม ๆ

จอมทัพยกมือขึ้นมานับนิ้วว่าสิบแปดลบห้าเหลือเท่าไหร่ เมื่อได้คำตอบก็รีบหันไปมองพ่อด้วยความดีใจและตื่นเต้น “ถ้าอย่างนั้นลูกต้องรออีกสิบสามปีใช่ไหมถึงจะเลิกกินผักได้”

“อืม คุณต้องรออีกสิบสามปี ถึงเวลานั้นถ้าคุณไม่ชอบจริง ๆ ก็เลิกทานได้ ไม่มีใครห้ามหรอก” ไอศูรย์รู้สึกว่าคำตอบของอริสาช่วยให้จอมทัพเข้าใจอะไรได้ง่ายขึ้นมาก

“ได้ ลูกจะรอ!” แม้จะไม่รู้ว่าอีกสิบสามปีนานเท่าไหร่ แต่เขาก็จะรอจนถึงเวลานั้น

หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ สองพ่อลูกก็ใช้เวลาอาบน้ำร่วมกัน ไอศูรย์สังเกตเห็นรอยช้ำที่แขนขาของลูกก็ขมวดคิ้ว แววตาเข้มขึ้นอย่างน่ากลัว เขารีบถามด้วยเสียงทุ้มต่ำไม่สบอารมณ์ทันที “เกิดอะไรขึ้น ทำไมมีรอยช้ำเต็มตัวไปหมด”

“แม่สอนให้ลูกปั่นจักรยาน พ่อรู้ไหมว่าตอนนี้ลูกปั่นจักรยานเป็นแล้วนะ” จอมทัพพูดอย่างไม่ได้คิดอะไร ในขณะที่เล่นตุ๊กตารูปปลากระเบนในอ่างไปด้วย “พ่อ คุณซื้อจักรยานให้ลูกได้ไหม”

ไอศูรย์ไม่ได้สนใจคำขอของลูกชาย เขายังคงถามเกี่ยวกับแผลด้วยเสียงเข้ม “แล้วแผลพวกนี้ล่ะได้มาอย่างไร”

“ลูกปั่นจักรยานล้มแต่แม่บอกว่าเวลาที่ล้มให้ล้มไปทางสนามหญ้า จะได้เจ็บน้อยกว่าด้วย ทุกครั้งที่ปั่นจักรยานลูกเลยล้มไปทางสนามหญ้าตลอด ก็เลยมีแผลพวกนี้มา” เด็กชายเล่าด้วยความภูมิใจ เขานึกถึงเรื่องเมื่อวานขึ้นมาก็สนุกไม่น้อย “ลูกใช้เวลาฝึกแค่วันเดียวก็ปั่นจักรยานสองล้อได้แล้วนะ! พ่อคิดว่าลูกเก่งหรือเปล่า”

“คุณเก่งมาก” ไอศูรย์ลูบหัวลูกชายด้วยความรักใคร่ “เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะซื้อจักรยานให้คุณ”

“พ่อ คุณดีที่สุดเลย!” จอมทัพพุ่งเข้าไปกอดพ่อด้วยความดีใจ

ไอศูรย์กอดลูกชายกลับไป แต่ในหัวกลับคิดเรื่องของอดีตภรรยาไม่หยุด ในตอนแรกเขาคิดว่าเธอแอบทำร้ายร่างกายของจอมทัพเสียอีก ทว่านั่นคงจะเป็นเขาที่คิดมากไปเอง

“แล้วแม่ไม่ได้ทำอะไรคุณใช่หรือเปล่า” เขายังคงไม่ไว้วางใจ

“พ่อ คุณหมายถึงอะไร ลูกไม่เข้าใจ” จอมทัพมองมาที่พ่อด้วยแววตา ใสซื่อไร้เดียงสา

ไอศูรย์เห็นแววตานั้นก็พอจะเดาได้ว่าคงไม่มีเรื่องรุนแรงอะไรเกิดขึ้นกับทั้งสองคน เขาจึงส่ายหัวแล้วพูด “ไม่มีอะไร พ่อแค่คิดมากไปเองก็เท่านั้น”

“งั้นคุณต้องพักผ่อนให้มากนะ” จอมทัพพูดด้วยความห่วงใยก่อนจะหันกลับไปเล่นฟองสบู่ต่อ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel