รางวัลก้อนใหญ่
บทที่ 10 รางวัลก้อนใหญ่
คืนนี้อริสามีความสุขมากเป็นพิเศษจนอยากจะแบ่งปันความรู้สึกนี้ให้กับคนอื่น ๆ ได้รับรู้ เธอจึงตัดสินใจไลฟ์ช่วงกลางคืนเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่ได้เริ่มทำงานนี้มา ไม่นานแฟนคลับก็เริ่มเข้ามาดูมากขึ้นเรื่อย ๆ จนน่าตกใจ อริสาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีคนสนใจเธอมากขนาดนี้
“สวัสดีทุกคน นี่เป็นการไลฟ์ตอนกลางคืนครั้งแรกของฉัน หวังว่าทุกคนจะชอบกันนะ” เธอพูดอย่างใจเย็นในขณะที่อ่านความคิดเห็นของแฟนคลับด้วย
[Kakoo : ในที่สุดคุณก็มาไลฟ์สักที!]
[Mummy_Nong_Ten : อริสา คุณสวยมากๆ ๆ จนฉันอยากจะร้องไห้]
[SP.NG : วันนี้คุณไม่ลงคลิปเหรอ?]
[Crazy55 : หน้าของคุณใสมาก ช่วยแนะนำครีมหน่อยได้ไหม?]
[Need.some.rest : กรี๊ดๆ ๆ ฉันทันไลฟ์ด้วย ดีใจมาก!!! มาไลฟ์บ่อย ๆ นะ]
อริสาหัวเราะ “วันนี้มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นแต่ฉันยังบอกพวกคุณตอนนี้ไม่ได้ ช่วยอดใจรอกันหน่อยนะ”
เธอนั่งคุยกับแฟนคลับอยู่เกือบหนึ่งชั่วโมง แต่ระหว่างนั้นอริสาก็ได้รับแจ้งเตือนว่าเธอได้รับของขวัญชิ้นใหญ่ที่แฟนคลับส่งมาให้ พบว่าบัญชีผู้ใช้ชื่อ Devil88 ได้มอบเครื่องบินซึ่งเป็นรางวัลใหญ่ที่สุดให้กับเธอ! จนทำให้แฟนคลับหลายคนรีบแสดงความคิดเห็น
[Hellomuu : อริสา! คุณมีแฟนคลับกระเป๋าหนักแล้วล่ะ!]
[Imnotmingming: ถึง Devil88 คุณมีแฟนหรือยัง?]
[From_who : บัตรคิวอยู่ที่ไหน ฉันจะรีบไปต่อแถว]
[meimei : @From_who คุณมาต่อหลังฉันเร็วเข้า ก่อนที่แถวจะยาวกว่านี้!]
“ขอบคุณมากสำหรับเครื่องบินนะคะคุณ Devil88 ฉันจะตั้งใจทำคลิปอย่างดีเลยล่ะ” แม้จะมีใบหน้าที่เรียบเฉยแต่เมื่อฟังจากน้ำเสียงจะรู้ว่าอริสาตื่นเต้นมาก เธอไม่คิดว่าจะมีคนมอบรางวัลใหญ่ให้แต่ยังไม่หมดเท่านั้น เขายังมอบเครื่องบินอีกสามลำให้กับเธอ!
พูดกันตามตรงว่าแม้จะถูกแอปพลิเคชันนี้หักเงินส่วนต่างไปแต่อริสาก็ยังได้มากกว่าหนึ่งแสน
เธอรีบขอบคุณบัญชีนั้นเป็นการใหญ่และขอร้องให้เขาพอเท่านี้ เมื่อกดเข้าไปดูก็พบว่าเขาติดตามเธอเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น อริสาแปลกใจมากแต่สุดท้ายก็ขอบคุณเขาไปอีกครั้ง รวมถึงขอบคุณแฟนคลับคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
เช้าวันเสาร์ต่อมาที่อริสาได้เจอกับจอมทัพ ถึงเวลาที่เธอต้องพาเขาไปซื้อของตกแต่งห้องนอนเสียที หลายอาทิตย์ก่อนติดปัญหาหลายอย่างเกี่ยวกับผู้รับเหมาจึงต้องใช้เวลาพอสมควรแต่ตอนนี้ถึงเวลาแล้ว
แม้ว่าทั้งสองคนจะนอนด้วยกันมาสองสามครั้งแต่เธอก็รู้สึกไม่สะดวกใจนัก เพราะชอบทำงานในช่วงดึกและคิดว่าแสงไฟคงจะรบกวนลูกชายมาก วันนี้จึงชวนเขาออกมาซื้อของตกแต่งห้องนอนด้วยกัน
อีกทั้งเมื่อหลายวันก่อนยังได้ของขวัญจากคุณ Devil88 มามากมาย ดังนั้นหากจะใช้เงินสักหน่อยคงจะไม่เป็นไร
ในระหว่างที่กำลังรอแท็กซี่จอมทัพเริ่มบ่น “ทำไมไม่มีคนขับรถมารับล่ะแม่”
“ขอโทษนะ แม่ของคุณไม่ได้รวยเหมือนพ่อคุณ” เธอพูดอย่างเฉยชา ไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด “ทางที่จะทำให้เราไปถึงเร็วที่สุดก็คงจะเป็นรถแท็กซี่นี่แหละ”
“แล้วคุณไม่มีรถยนต์เลยเหรอ แค่รถยนต์สักคันไม่มีเลยหรือไง” จอมทัพประชด เขาไม่ชอบที่ต้องมารอแบบนี้เลย เสียเวลามากจริง ๆ
“ถ้ามีรถเราจะได้มายืนรอกันตรงนี้เหรอ” อริสาประชดกลับ “การรอคอยเป็นสิ่งหนึ่งที่คุณต้องเจอในชีวิต ต่อให้วันนี้ไม่เจอวันหน้าก็ต้องเจอ คุณควรทำตัวให้ชินเข้าไว้”
“งี่เง่า” เขาบ่นแล้วหันหลังให้กับแม่
เมื่อทั้งสองคนมาถึงก็เริ่มเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่ลูกชายถูกใจ แน่นอนว่าจอมทัพจะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดและราคาแพงที่สุดเสมอแต่สุดท้ายก็ถูกแม่ดับฝันลงเสียก่อน ขณะที่พวกเขากำลังเลือกเตียงอยู่นั้นอริสาก็ไม่แน่ใจเรื่องขนาดเท่าไหร่ พวกเขาจึงทะเลาะกันอีกครั้งเพราะจอมทัพอยากได้เตียงที่ใหญ่ที่สุด ส่วนอริสาไม่เห็นด้วย
“คุณยังเด็กอยู่ จะเลือกเตียงที่ใหญ่ที่สุดไปทำไมกัน” ลูกชายยังเล็กอยู่และเธอไม่แน่ใจด้วยว่าเขาจะมาที่เพนต์เฮาส์อีกถึงเมื่อไหร่กันแน่ หากซื้อไปแล้วไม่ได้ใช้ก็สิ้นเปลืองเงินเปล่า ๆ
“เดี๋ยวลูกก็โตแล้ว! ทำไมคุณต้องซื้อเตียงเล็กให้ลูกด้วยล่ะ” จอมทัพกระทืบเท้าไม่พอใจและเริ่มโวยวายอีกครั้ง “ลูกจะซื้อเตียงนี้ จะเอาเตียงนี้!”
“งั้นคุณก็ซื้อเองเลยสิ ถ้าอยากได้มากขนาดนั้น”
จอมทัพชะงักไปสักครู่ก่อนจะเริ่มเบะปากร้องไห้ แต่ในครั้งนี้ไม่ได้ลงไปนอนดีดดิ้นอยู่กับพื้นเหมือนทุกที เด็กชายเดินเข้ามากอดขาแม่เอาไว้และสะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจจนตัวโยก “ลูก ลูกอยากได้อันนี้” เขาชี้ไปที่เตียงขนาดใหญ่ที่สุด
อริสาไม่ใจอ่อนและยังคงเย็นชาเช่นเดิม แม้ลูกชายจะอยากได้มากแค่ไหนเธอก็ต้องปฏิเสธเพราะราคาของเตียงนั้นแพงมากเกินไป เรียกได้ว่าเงินที่หาได้จากการไลฟ์ครั้งนั้นคงจะหมดไปแน่ ๆ หากซื้อเตียงนั้นมา สุดท้ายผู้ชายคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจึงเดินเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยข้อข้องใจของทั้งสองคน
“หนูน้อย อย่าร้องไห้ไปเลย”
“คุณเป็นใคร?” จอมทัพหันมาถามขณะที่หน้าเปื้อนไปด้วยน้ำตา แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองแม่อย่างมึนงง “แม่ คุณรู้จักเขาเหรอ”
อริสาส่ายหน้าเบา ๆ โดยไม่ได้มองหน้าคนแปลกหน้าคนนั้นด้วยซ้ำ
จอมทัพเห็นแบบนั้นก็ยิ่งกอดขาแม่แน่นเข้าไปอีก เขาถามเสียงเข้มไม่ยอมให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ “คุณเป็นใคร มายุ่งกับพวกเราทำไม!”
ชายแปลกหน้ารีบยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาและพยายามจะอธิบายให้เด็กชายเข้าใจ “ใจเย็นนะ ฉันไม่ได้จะทำอันตรายคุณ ที่นี่ระบบรักษาความปลอดภัยหนาแน่นมาก”
“นี่คุณบอกว่าถ้าพวกเราไปที่อื่น คุณจะทำร้ายพวกเรางั้นเหรอ!” จอมทัพยังไม่ยอม รีบโม้ให้ชายคนนั้นฟังทันที “พ่อของฉันเก่งมาก เขาสามารถจับตัวคุณได้ในไม่กี่ชั่วโมง”
อริสาได้ยินลูกชายบูชาอดีตสามีแบบนั้นก็รู้สึกละอายใจขึ้นมาไม่น้อย “อย่าใส่ใจเขาเลยนะคะ เด็กคนนี้ไม่ชอบคุยกับคนแปลกหน้า” เธอพูดขณะที่ก้มมองลูกชายไปด้วย
“ดีแล้วล่ะครับที่เขาระวังตัวมากขนาดนี้”
น้ำเสียงทุ้มระรื่นหูลอยผ่านเข้ามาปะทะกับโสตประสาทของอริสาอีกครั้งหนึ่ง ทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นเธอจึงเงยหน้ามองเขาอย่างช้า ๆ และเมื่อได้เห็นใบหน้าหล่อเหลานั่นก็รู้ได้ทันทีว่าชายแปลกหน้าคนนั้นคือหิรัญ! พระเอกนิยายที่อริสาตามหามานาน ตอนนี้เขามายืนอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว
เขาดูดีมาก สมควรแล้วที่ได้เป็นพระเอกนิยาย…
เรียกได้ว่าตัวจริงดูดีกว่าในรูปมาก ผมสีทองยิ่งขับเน้นผิวขาวอมชมพูดูดีมากขึ้น อีกทั้งรอยยิ้มมุมปากที่เข้ากับบุคลิกอบอุ่นของเขาอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะมองไปทางไหนในตัวเขาก็สัมผัสได้แต่คำว่าอบอุ่นและสุภาพบุรุษ จนทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าแสงไฟที่ส่องลงมาคล้ายจะไม่ได้เปิดเพื่อให้ทางเดินสว่าง แต่เพื่อให้คนอื่นรับรู้ถึงความอบอุ่นและดูดีของชายตรงหน้าเสียมากกว่า
ทำไมตัวละครในเรื่องนี้ถึงดูดีได้มากขนาดนี้กันนะ แม้แต่ตัวร้ายปลายแถวอย่างเธอก็รู้สึกว่าตัวเองหน้าตาไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่เลย หากตัวละครหลักเหล่านี้ได้อยู่ในโลกแห่งความจริง พวกเขาคงทำให้ค่ามาตรฐานความหน้าตาดีของประชากรสูงขึ้นมากแน่
“แม่ คุณไม่ควรพูดคุยกับคนแปลกหน้า!” จอมทัพเห็นแม่เงียบไป เขาจึงรีบเอ่ยเตือนเธอพร้อมกับใช้มือเล็ก ๆ นั้นดึงชายเสื้อแม่ไปมา
“ไม่ต้องห่วง ฉันแค่จะมาช่วยคุณไกล่เกลี่ยเรื่องขนาดเตียงนอนก็เท่านั้นเอง” หิรัญพูด
“คุณหมายความว่าอย่างไร” อริสาถามหลังจากที่ถูกลูกชายดึงสติกลับมา
หิรัญยิ้มให้ทั้งสองคนก่อนจะเดินไปที่เตียงนอน แล้วเริ่มอธิบายอย่างใจเย็น “ลูกชายอยากได้เตียงที่ใหญ่ที่สุด แต่แม่อยากซื้อเตียงที่เล็กที่สุด ในเมื่อความต้องการไม่ตรงกันแล้วทำไมไม่นำความต้องการทั้งสองมารวมกันเลยล่ะ”
“รวมกันเหรอ?” จอมทัพมึนงง แล้วจะรวมกันได้อย่างไร เขาต้องซื้อเตียงขนาดใหญ่มาตัดแบ่งครึ่งหนึ่งแล้วนำมารวมกับเตียงขนาดเล็กงั้นเหรอ ถ้าทำแบบนั้นจะแปลกมาก
“เตียงขนาดกลางไงล่ะ” หิรัญชี้ไปอีกทางหนึ่งให้สองแม่ลูกดู “ที่ตรงนั้นมีเตียงขนาดกลางขายอยู่ พวกคุณลองเดินไปทางนั้นอีกนิดหน่อยก็เจอแล้วล่ะ”
“เตียงขนาดกลาง…” สองแม่ลูกพูดพร้อมกันก่อนจะเริ่มหัวเราะออกมาอย่างเขินอาย ทำไมพวกเขาถึงนึกเรื่องนี้ไม่ได้นะ
“แม่ คุณซื่อบื้อมาก” จอมทัพหัวเราะคิกคัก เด็กชายรีบเช็ดน้ำตาทันที ในใจได้แต่คิดว่าน้ำตาที่ร้องไปเมื่อครู่ช่างเสียเปล่าจริง ๆ
“คุณก็ซื่อบื้อมากเหมือนกัน” อริสาอมยิ้ม
“เดินตามผมมานะ เดี๋ยวผมจะช่วยเลือก” หิรัญยังคงยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเขา
ทั้งสามคนช่วยกันเลือกเตียงใหม่ให้กับจอมทัพอยู่นาน จนในที่สุดก็มีความเห็นตรงกันว่าจะเลือกเตียงยี่ห้อหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะคุ้มค่าที่สุด
“ฉันว่าเตียงนี้ดีนะ ไม่สูงเกินไปด้วย” อริสาพูด สาเหตุที่เธอต้องได้ซื้อเตียงใหม่เพราะอันเดิมสูงมากจนเกินไป ไม่เหมาะกับเด็กอย่างจอมทัพเลย หากวันหนึ่งเขาเผลอตกลงมาคงจะเจ็บไม่น้อย
“ลูกก็ว่าอันนี้ดีเหมือนกัน ไม่เล็กไป” เขาพยักหน้ารัว ๆ แล้วหันไปพูดกับชายแปลกหน้า “ผมจะเอาเตียงนี้ คุณเอาไปส่งที่เพนต์เฮาส์ให้ด้วยนะ”
เด็กชายพูดอย่างเอาแต่ใจ ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่มาช่วยไม่ใช่พนักงานของบริษัท อริสาจึงรีบปิดปากเขาและดุ “อย่าพูดไปเรื่อย เขาไม่ใช่คนที่คุณจะสั่งได้นะ”
“ทำไมล่ะ! เขาทำงานที่นี่ไม่ใช่เหรอ!” จอมทัพเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ เด็กชายดึงมือแม่ออกแล้วพูดด้วยความมั่นใจเต็มร้อย “คุณดูสิว่าเขาใส่เสื้อพนักงานสีน้ำเงิน! คนที่ใส่เสื้อสีน้ำเงินก็ต้องทำงานที่นี่สิ”
หิรัญอึ้งและถึงกับต้องหลุดหัวเราะออกมาเสียงดังหลังจากได้ยินคำพูดของจอมทัพ วันนี้เขาตั้งใจมาซื้อของและบังเอิญว่าใส่เสื้อสีเดียวกับพนักงาน หากไม่สังเกตให้ดีคนอื่นคงคิดว่าเขาทำงานที่นี่แน่นอน อีกทั้งเมื่อครู่ยังทำหน้าที่แนะนำเตียงเหมือนพนักงานขายอีก ถ้าเด็กคนนี้จะคิดแบบนั้นก็คงไม่ผิดอะไร
“จอมทัพ! คุณห้ามพูดแบบนี้เด็ดขาด เขาไม่ได้ทำงานที่นี่ เขาแค่ แค่-”
อริสาทนไม่ไหวแล้ว ต่อให้พยายามกลั้นเสียงหัวเราะแค่ไหนเธอก็ยิ่งขำมากกว่าเดิม สุดท้ายก็ต้องหัวเราะเสียงดังให้กับความซื่อบื้อของลูกชายและยิ่งเห็นว่าหิรัญหัวเราะหนักมากจนตัวงอ อริสาเองก็ตั้งสติไม่ได้ต้องหัวเราะไปด้วยกันและกุมท้องเอาไว้ ไม่ให้เจ็บไปมากกว่านี้