บทย่อ
ผมคือไอดอลชื่อดังที่หลุดเข้ามาในนิยายวายตาหวาน แถมยังได้บทเป็นแค่นายอิจฉาตามหึงหวงพระเอก(เฮงซวย!)
ตอนที่1 จุดเริ่มต้น
"เริ่มสงสารโนอาร์แล้วแฮะ"เสียงเล็กแหลมของคนข้างๆเอ่ยขึ้น ทำให้ผู้เป็นพี่ชายละสายตาจากการขับรถกลับมามองน้องสาวของตัวเองด้วยความสงสัย
"พึมพำอะไรไอ้แสบ"พูดจบ มือใหญ่ข้างหนึ่งที่ว่างอยู่ก็เอื้อมไปจับหัวน้องสาวโคลงไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว
"นิยายวายอ่ะพี่ฟิล์ม เรื่องนี้โฟนอ่านมาสามรอบละ โคตรสนุกเลย เสียดายที่ไรท์ไม่เคยมาอัพอีกเลยตั้งแต่ปีที่แล้ว เมื่อไหร่ไรท์จะกลับมาต่อสักทีก็ไม่รู้ อยากอ่านต่อใจจะขาดแล้วเนี่ย" คนเป็นน้องตัดพ้อ
"อ่านแต่นิยาย อ่านหนังสือเรียนบ้างปะเนี่ย" คนพี่แซวขำๆ
"ไม่ต้องอ่านโฟนก็ฉลาดอยู่แล้วปะ" พูดไปเล่นหูเล่นตาคนเป็นพี่ไป น่าหมั่นเขี้ยวจริงๆเลยไอ้เด็กคนนี้
"แล้วเมื่อกี๊สงสารใครอะ?"
"สงสารตัวร้ายอ่ะพี่ เค้าโดนปล่อยให้จมในสระว่ายน้ำจนตาย มีคนมาเห็นแต่ไม่ยอมเข้ามาช่วย เพราะเค้านิสัยไม่ค่อยดีอะ แต่ถึงจะนิสัยไม่ดียังไงก็ไม่น่าปล่อยให้เค้าตายต่อหน้าต่อตานะ อย่างน้อยคนที่เห็นก็น่าจะช่วยกันสักหน่อย เลือดเย็นชะมัด"เด็กสาววิพากษ์วิจารณ์นิยายที่ตนอ่านด้วยความไม่เข้าใจ ถึงเธอจะรู้สึกว่ามันสนุก แต่ก็ยังมีหลายจุดที่มันไม่ค่อยเมคเซนส์เอาซะเลย
"เอาหน่า...ก็แค่นิยาย อย่าไปเครียดเลย"คนเป็นพี่พูดปลอบ
"คือพอตัวร้ายตายก็ไม่มีใครให้ความสนใจอะ แข่งรายการกันต่อโดยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เฮ้อ..... พี่ต้องลองไปอ่านนะพี่ถึงจะเข้าใจน้อง นี่ป้ายยาเลย" ผมกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความเอ็นดู นึกขบขันที่โดนน้องสาวมาป้ายนิยายวายให้อ่านบ่อยๆ ชายแท้อย่างฟิล์มอ่านครั้งแรกก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน แต่บางเรื่องคือพล็อตดีอ่านไปอ่านมาเลยกลายเป็นติดงอมแงมซะงั้น
"ไม่เอาอะ ช่วงนี้พี่รับเล่นละคร แค่ท่องบทพี่ก็เหนื่อยแล้ว"
"พี่ฟิล์ม แต่เรื่องนี้สนุกจริงๆนะ ไปอ่านมาเมาท์มอยกับน้องหน่อยนะพี่ฟิล์มมมม" คนน้องเอื้อมมือมาจับแขนพี่ชายอย่างออดอ้อน
"ไว้ว่างๆจะอ่านละกัน ชื่อเรื่องอะไรล่ะ?" สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนไอ้แสบ
"เรื่อง รักนะไอดอลเย็นชา" พอได้ยินชื่อเรื่องคนเป็นพี่ก็หลุดขำพรึดทันที ชื่อนิยายคือบ่งบอกความรักใสๆมาก
"ถึงชื่อเรื่องจะดูใสๆแต่เค้าเล่าเรื่องการแข่งขันรายการไอดอลเรียลลิตี้ พระเอกกับนายเอกเนี่ยเจอกันในรายการ มีซัมตงซัมติงอะไรตามประสา แต่ที่สนุกคือเรื่องการเอาตัวรอดในรายการนั่นแหละ หนูอยากรู้ว่าชีวิตเด็กฝึกมันเป็นแบบนี้จริงรึเปล่า พี่เป็นไอดอลอะ ไปลองอ่านมาให้คำตอบน้องทีดิ"
"อือๆ ไว้ว่างๆพี่จะอ่านละกัน ถึงโรงเรียนแล้วไอ้แสบ เย็นนี้พี่ให้พี่เฟิร์นมารับแทนนะ พี่ติดคอนเสิร์ต"
"ค่าาาาา สู้ๆนะพี่ฟิล์ม เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วโฟนจะตามไปดูคอน" พอเด็กแสบพูดจบ ก็เปิดประตูออกจากรถแล้วรีบวิ่งเข้าโรงเรียน แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันกลับมาโบกมือบ๊ายบายพี่ชายอีกครั้ง จนพี่ชายอดส่ายหัวด้วยความเอ็นดูไม่ได้
.
.
.
"คุณฟิล์มครับ! นี่ยังไม่ถึงเวลานัดเลยนี่ครับ" ทีมงานคนหนึ่งเบิกตากว้างทันที เมื่อเห็นไอดอลเจ้าของคอนเสิร์ตมาก่อนเวลาถึง1ชั่วโมง
"พอดีผมไปส่งน้องสาวไปโรงเรียนมาน่ะครับ เลยเข้ามาที่นี่ต่อเลย"
"แต่ผมไม่อยากให้คุณฟิล์มรอน่ะสิครับ พวกผมเกรงใจ"
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมมาเช้าเอง พวกพี่ไม่ต้องรีบหรือกดดันกันนะครับ" ฟิล์มพูดด้วยรอยยิ้ม เพราะการที่เขาเป็นคนไม่ถือเนื้อถือตัว เป็นมิตร ไม่เย่อหยิ่งหรือดูถูกคนอื่น ทำให้ฟิล์มเป็นที่รักของพี่ๆทีมงานเสมอ
"งั้นเชิญคุณฟิล์มนั่งรอที่ห้องพักศิลปินก่อนนะครับ ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย เดี๋ยวผมจะให้สตาฟไปเรียกให้ขึ้นซ้อม"
"ครับ" เขาตอบรับอย่างเป็นมิตรอีกครั้ง ก่อนทีมงานสาวคนหนึ่งจะเดินนำเขามาที่ห้องพักศิลปิน
"เดี๋ยวคุณฟิล์มรอที่นี่ก่อนนะคะ ถ้าต้องการอะไรเรียกฉันได้เลยค่ะ ฉันจะทำงานอยู่ห้องข้างๆ" ทีมงานสาวกล่าวด้วยวาจาฉะฉาน แววตามั่นใจ ถ้าเดาไม่ผิดเธอคงไม่ใช่ทีมงานธรรมดาๆแน่ๆ
"โอเคครับ" พอประตูปิดลง ผมก็เดินลงมาทิ้งตัวนอนบนโซฟาตัวยาว พร้อมหยิบมือถือขึ้นมาหวังหาอะไรทำแก้เบื่อ
พอเห็นแจ้งเตือนข้อความจากน้องสาว ฟิล์มก็กดเข้าไปดูทันที ไหนดูซิ ไอ้แสบส่งอะไรมา
หน้าจอแปรเปลี่ยนเป็นห้องสนทนาของฟิล์มกับน้องสาว เขาถึงกับฉีกยิ้มแล้วส่ายหัวด้วยความเอ็นดูทันที ไอ้แสบนะไอ้แสบ ใจแกนี่อยากจะป้ายยานิยายให้พี่จนได้สินะ พอเห็นลิงค์นิยายกับชื่อเรื่องอันหวานแหวว ฟิล์มก็ตัดสินใจลองกดเข้าไปดู ไหนๆก็ว่างแล้ว ลองอ่านฆ่าเวลาสักหน่อยก็ได้
ตอนแรกกะจะลองอ่านสักตอนสองตอนแก้เบื่อ แต่ไปๆมาๆเนื้อเรื่องมันชวนติดตามจนนั่งอ่านเกือบจบเรื่องซะได้เนี่ย
เขารู้สึกขัดใจหน่อยๆที่ตัวร้ายเก็บนิสัยในละครไทยมาใช้ ตัวเองเป็นคนมีเสน่ห์และฐานแฟนคลับเยอะกว่าคนอื่นแท้ๆ แต่กลับทำตัวเป็นนายอิจฉาทำร้ายนายเอกผู้ไม่มีทางสู้
ส่วนพระเอกก็มักจะมาได้จังหวะตอนนายเอกถูกทำร้ายเสมอ ทำให้พระเอกยิ่งเกลียดตัวร้ายมากกว่าเดิม แถมเพื่อนสนิทและแฟนคลับของตัวร้ายก็พลอยเอือมระอาและแปรพรรคแปรฝ่ายไปเข้าข้างนายเอกกันหมด ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะนายเอกเป็นคนอ่อนแอแต่ทว่ากลับสู้ชีวิตและพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาทำได้ดีในทุกภารกิจ
แต่ถึงอย่างนั้นรู้สึกแปลกๆอยู่บ้างที่บางคำพูดของนายเอกจะดูแอบแฝงและพาดพิงถึงตัวร้ายบ่อยๆ แต่ที่ผมชอบจริงๆคือการที่เนื้อเรื่องหลักๆถูกดำเนินภายใต้การแข่งขันรายการเรียลลิตี้ของเด็กฝึกในสังกัดหนึ่ง เพื่อพิสูจน์ตัวเองก่อนจะได้รับโอกาสในการเดบิวต์เป็นศิลปินในค่ายอย่างเต็มตัว
ผมยอมรับในความสมจริงของรายการในนิยายจริงๆ คนเขียนค่อนข้างอธิบายรายละเอียดได้ครบถ้วน เหมือนตัวเองเคยเป็นเด็กฝึกจริงๆ ไหนจะการใช้ภาษาอีก ถึงมันจะไม่ได้ใช้คำที่สละสลวยแต่มันดูอ่านง่ายและเข้าถึงพวกเด็กวัยรุ่นดี ดูดีไปหมดเลยว้อย
ทำไมคนเขียนถึงไม่มาอัพต่อให้จบนะ ถึงจะรู้แล้วว่านายเอกเป็นผู้ชนะ แต่ไม่ได้มาบอกว่าหลังจากนั้นชีวิตทุกคนเป็นยังไง ไม่มีการสรุปชีวิตตัวละครตัวไหนเลย ตัวร้ายก็บอกแค่ว่าตาย ไม่เห็นมีบอกเลยว่าหลังจากที่ตัวร้ายตาย ทางบ้านทางค่ายจะรู้สึกยังไง แล้วใครคือคนสุดท้ายที่เห็นตัวร้ายก่อนตายกันแน่ ช่างเป็นคนที่จิตใจหยาบกระด้างจริงๆ
เฮ้อ...บอกให้น้องเลิกอินนิยายแท้ๆ ทำไมตัวเองถึงมาอินแทนได้วะเนี่ย...
ฟิล์มคิดได้แบบนั้นก็ยีหัวตัวเองจนหัวฟูเหมือนสิงโต โชคดีที่วันนี้เขาไม่ได้เซ็ทผมมา แค่เอามือลูบๆจัดทรงนิดหน่อยทรงผมของเขาก็กลับมาเป็นแบบเดิมแล้ว
"นี่ก็สองชั่วโมงแล้ว ทำไมทีมงานถึงไม่มาเรียกตัวสักทีนะ?" พูดเสร็จไอดอลหนุ่มก็ยันตัวลุกจากโซฟา แล้วค่อยๆสาวเท้าไปยังทางออกเพื่อไปสอบถามสตาฟและทีมงานว่าเกิดอะไรขึ้น
.
.
(อีกด้าน)
"สปอร์ตไลท์อันเก่าเสียยกแผงเลยครับ ไม่น่าจะซ่อมทัน" ช่างจัดไฟคนหนึ่งพูดด้วยความลนลาน
"เอาอันเก่ามาใช้แทนก่อนไป"หัวหน้าผู้จัดรีบไล่ลูกน้องไปจัดการตามที่ตัวเองสั่ง
"แต่อันนั้นมันเก่ามากแล้วนะครับ ผมกลัวจะเป็นอันตราย"
"ถ้ามันยังใช้ได้ก็เอามาแทนก่อนน่า ดีกว่าปล่อยให้เสีย เดี๋ยวคอนเสิร์ตจะล่าช้า ผู้ชมได้ด่าตายเลย" เมื่อพูดจบ ลูกน้องก็ไม่ขัดอะไรอีก เดินออกไปทำตามคำสั่งของเจ้านายทันที
"ทำไมถึงเลทล่ะครับ มีอะไรรึเปล่า" ฟิล์มเดินเข้าไปถามเมื่อเห็นว่าทั้งสองคุยกันเสร็จแล้ว
"พอดีขัดข้องทางเทคนิคนิดหน่อยน่ะครับ ตอนนี้ทางเราเร่งแก้ให้แล้ว ยังไงก็ขอโทษคุณฟิล์มด้วยนะครับที่ทำให้รอนาน"
"ไม่เป็นไรครับ ไว้ถ้าเรียบร้อยแล้วมาเรียกผมได้เลยนะครับ" ใบหน้าของฟิล์มไม่มีทีท่าที่จะแสดงความไม่พอใจออกมาเลยสักนิด ที่เป็นแบบนั้นเพราะเขาเข้าใจว่ามันอาจจะขัดข้องหรือผิดพลาดกันได้ และเขาก็ถูกจองตัวทั้งวันให้มาเล่นคอนเสิร์ตแล้วด้วย เพราะฉะนั้นเขาไม่ได้รับผลกระทบอะไรอยู่แล้ว ขืนไปดุด่าทีมงานเข้าคงได้เสียกำลังใจกันแย่ ฟิล์มเข้าใจว่าทีมงานคงทำงานหนักกว่าเขาหลายเท่าแน่ๆ อดทนรออีกสักหน่อยคงไม่เป็นไร
.
.
.
เวลาล่วงเลยไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ในที่สุดผมก็ถูกเรียกตัวให้มาซ้อมบนเวทีก่อนขึ้นแสดงจริง การซ้อมผ่านไปด้วยความราบรื่น หลังจากนั้นผมก็ลงมาแต่งหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวขึ้นโชว์จริงๆ
พอผมขึ้นเวที เสียงกรี๊ดของเหล่าแฟนคลับก็ดังกึกก้องไปทั่วฮอลล์แห่งนี้
ดังจน...
ผมไม่ทันได้ยินเสียงของสปอร์ตไลท์ที่กำลังหล่นลงมา..
โครม!!!
เพียงชั่วพริบตาที่สปอร์ตไลท์ขนาดใหญ่หล่นลงมาทับร่างของศิลปินบนเวทีจนเสียชีวิตคาที่ เหตุการณ์ครั้งนี้เผ็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สร้างความสะเทือนใจจนผู้คนในฮอลล์ช็อคไปตามๆกัน
ปิดตำนานไอดอลชื่อดัง ฟิล์ม ภวินทร์...