เกิดใหม่เป็นฮูหยินของแม่ทัพ(อสูร)นั้นไม่ง่าย

51.0K · จบแล้ว
มู่ตาน
25
บท
2.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ชาติที่แล้ว 'สุ่ยเซียน' เป็นบุคคลประเภทล้มเหลว เธอจึงเก็บตัวอยู่ในบ้าน ยอมแพ้กับทุกอย่าง หลังจากตายเพราะความหิว เธอได้เข้ามาอยู่ร่างของ 'ฉางสุ่ยเซียน' คู่หมั้นของแม่ทัพหน้าโหด!

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณแม่ทัพรักหวานๆเกิดใหม่จีนโบราณโรแมนติกแต่งงานก่อนรัก

บทที่ 1 มู่ฉีหลิน แม่ทัพอสูร

‘แม่ทัพอสูร’ เป็นเพียงแค่สมญานามของ ‘มู่ฉีหลิน’ เท่านั้น

อาจจะด้วยพละกำลังที่มีมากกว่าคนทั่วไป อาจเป็นเพราะวรยุทธ์เลิศล้ำที่สืบทอดต่อๆ กันมาภายในตระกูลมู่ หรือจะด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างเคร่งขรึมดุดัน มู่ฉีหลินจึงถูกผู้อื่นตั้งฉายาว่าแม่ทัพอสูรตั้งแต่เข้าสู่สนามรบครั้งแรก ไม่ใช่เพราะเขาเป็นอสูรจริงๆ เสียหน่อย!

หากถามกันตรงๆ คำว่า แม่ทัพไร้พ่าย แม่ทัพไร้หัวใจ แม่ทัพเจ้าระเบียบ ทั้งหมดนั้นยังจะฟังลื่นหูเสียกว่า แต่พอถูกเรียกว่าแม่ทัพอสูร นอกจากจะให้รู้สึกว่ามู่ฉีหลินดื่มเลือดมนุษย์ต่างน้ำ กินเนื้อดิบๆ แทนข้าวแล้ว ใบหน้าอันดุดันยิ่งให้น่าเกรงขามเข้าไปใหญ่

ถ้าเอาชื่อของมู่ฉีหลินไปข่มขู่เด็กน้อยที่กำลังร้องไห้กระจองอแงคงต้องหยุดร้อง ไม่ชอบใจเอาเสียเลย ทำไมต้องตั้งฉายาผู้อื่นให้ดูน่ากลัวทั้งที่เจ้าตัวออกจะเป็นมิตรด้วยเล่า

มู่ฉีหลินก้าวยาวๆ เข้ามาในกระโจมแม่ทัพ ปลดอาวุธ ปลดชุดเกราะตัวหนาหนักออกจากตัว ส่วนคนที่เดินตามหลังมาติดๆ ก็คือ ‘เฉินเจี๋ยซู’ มีฐานะเป็นรองแม่ทัพ และยังเป็นสหายสมัยเด็ก

“ในที่สุดสงครามกับชนกลุ่มน้อยที่สู้รบมานานปีก็ยุติลง พวกเราได้กลับเมืองหลวงเสียที!” เฉินเจี๋ยซูกล่าวอย่างยินดี

“อื้อ” มู่ฉีหลินส่งเสียงตอบสั้นๆ

“ฉีหลิน ข้าได้ข่าวมาว่าทันทีที่นำทัพกลับเมืองหลวง เจ้าจะได้แต่งงานกับคุณหนูรองตระกูล...เอ่อ ตระกูลอะไรนะ อ้อ ตระกูลฉาง! ข้าดีใจกับเจ้าด้วยจริงๆ ลือกันว่าคุณหนูตระกูลฉางล้วนงดงามทั้งคู่ ฉางฝูหลง คุณหนูใหญ่ที่แต่งเข้าตำหนักอ๋องก็งดงามจนท่านอ๋องไม่อยากรับผู้อื่นเป็นพระชายารอง เช่นนั้นคุณหนูรองตระกูลฉางก็คงจะงดงามไม่แพ้พี่สาวของนาง ข้าละอิจฉาเจ้าเสียจริง”

เฉินเจี๋ยซูมีนิสัยพูดมากมาตั้งแต่เด็ก ในบางครั้งก็พูดแทนความคิดของมู่ฉีหลินออกไปจนหมด

ถูกต้อง มู่ฉีหลินมีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว สตรีนางนั้นก็คือ ‘ฉางสุ่ยเซียน’ คุณหนูรองตระกูลฉาง บิดาของนางเป็นถึงเสนาบดีกรมพิธีการ

ส่วนสาเหตุที่มู่ฉีหลินได้หมั้นหมายสตรีแสนงามตระกูลฉางนั้น ต้องย้อนกลับไปเมื่อสองปีก่อน

เป็นเวลาหลายปีที่ทางแถบเหนือของแค้วนถูกเผ่ากลุ่มน้อยรุกราน ฆ่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ราวกับผักปลา ตอนนั้น มู่ฉีหลินเพิ่งอายุยี่สิบสาม หากกลับมีผลงานโดดเด่นมากมาย ฮ่องเต้จึงแต่งตั้งให้เขาเป็นแม่ทัพ ยกกองทัพปราบปรามกลุ่มกบฏ

ณ ชายแดนทางเหนือทั้งหนาวเหน็บและทุรกันดาร แต่ด้วยพระเมตตาของฮ่องเต้ พระองค์ยังตรัสอีกว่า ทันทีที่มู่ฉีหลินชนะศึกเดินทางกลับเมืองหลวงเมื่อไร พระองค์จะมอบจวนแม่ทัพให้หลังหนึ่ง เงินทอง และยังพระราชทานสมรส สตรีผู้โชคดีนางนั้นก็คือคุณหนูรองตระกูลฉาง

ใต้เท้าฉางคงดีใจที่ธิดาคนรองจะได้ออกเรือนกับบุรุษผู้มีอนาคตไกลอย่างมู่ฉีหลิน เมื่อได้ยินสิ่งที่ฝ่าบาทตรัส ใต้เท้าฉางก็ทำท่าจะเป็นลมทันที

มู่ฉีหลินนั้นไม่เคยพบหน้าคู่หมั้น แต่ถ้าให้บอกว่าไม่หวั่นไหวกับการหมั้นหมายก็คงจะเป็นเรื่องที่โกหก ยิ่งกับธิดาตระกูลฉาง ซึ่งลือกันว่างดงามด้วยแล้ว...

ทุกครั้งที่มู่ฉีหลินลองจินตนาการถึงความงดงามของคู่หมั้น มุมปากมักจะเผลอยกยิ้มทุกที

เฉินเจี๋ยซูเห็นรอยยิ้มของสหาย มีแวบหนึ่งที่เผลอรู้สึกขนลุก ไม่ใช่เพราะรอยยิ้มนั้นสื่อไปในทางที่ไม่ดี แต่ใบหน้าของมู่ฉีหลินเดิมทีก็น่ากลัวอยู่แล้ว ตาขวางดุ ไหนจะใบหน้าที่นิ่งขรึมไม่ค่อยสื่ออารมณ์สักเท่าไร ทั้งตอนนี้พวกเขายังเพิ่งกลับจากสนามรบ เลือดของศัตรูยังเปรอะเปื้อนใบหน้าและเสื้อผ้า ดังนั้นรอยยิ้มของมู่ฉีหลินจึงคล้ายกับอสูรร้ายที่กระหายเลือด...กระมัง

“ฉีหลิน ถึงในใจเจ้าจะคิดเรื่องดีๆ แต่ยิ้มทั้งที่มีเลือดเปื้อนหน้าแบบนั้น ผู้อื่นไม่รู้จักเจ้าคงจะหวาดกลัวจนอยากหนี” เฉินเจี๋ยซูเตือนสหาย

มู่ฉีหลินปรายตามองสหายด้วยความไม่เข้าใจ

“เจ้านี่แปลกคน จู่ๆ ก็พูดอะไรไม่รู้”

“ก็ได้ ก็ได้ ข้าพูดไม่รู้เรื่องเองแหละ”

เฉินเจี๋ยซูแสร้งยอมรับผิด ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ

ภายนอกของมู่ฉีหลินอาจจะดูน่ากลัว แต่ภายในนั้นก็เหมือนกับบุรุษทั่วไป มีความซื่อตรง และเป็นคนดีมาก เฉินเจี๋ยซูหวังว่าสตรีผู้เพียบพร้อมอย่างฉางสุ่ยเซียนจะเข้าใจถึงเรื่องนี้

เป็นเวลาสามเดือนกว่า ในที่สุดกองทัพของมู่ฉีหลินก็เดินทางกลับมาถึงเมืองหลวง

ตั้งแต่ผ่านประตูเข้ามา ชาวบ้านที่เข้ามามุ่งอยู่สองข้างทางต่างตะโกนด้วยความยกย่องว่า “แม่ทัพอสูรกลับมาแล้ว!”

มู่ฉีหลินที่นั่งบนหลังม้านำหน้าขบวน หลุบตามองพวกเขาเหล่านั้นด้วยนึกขอบคุณที่อุตส่าห์ออกมาต้อนรับ

เกิดเสียงสูดหายใจดังเฮือก ก่อนเสียงดังเซ็งแซ่เมื่อครู่พลันเงียบกริบ

ทันทีที่มาถึงคฤหาสน์ใหญ่ตระกูลมู่ ภายในห้องโถงส่วนหน้า นอกจากคนตระกูลมู่ที่ออกมาต้อนรับมู่ฉีหลิน ยังมีใต้เท้าฉางและฉางฮูหยินอยู่ด้วย

“เอ่อ...”

ใต้เท้าฉางขยับปากด้วยท่าทีลังเลเหมือนจะพูดกับมู่ฉีหลิน แต่ในท้ายที่สุด ชายสูงวัยก็เลือกหุบปาก ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เห็นอย่างนั้น มู่ฉีหลินจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถาม

“ใต้เท้าฉางมาที่ตระกูลมู่เวลานี้เพราะมีธุระกับข้าใช่หรือไม่ ท่านมีอะไรก็พูดออกมาเถอะ ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้นก็ได้”

เพราะถูกอบรมมาในตระกูลนักรบ มู่ฉีหลินจึงพูดเสียงดังฟังชัด

“อึก!”

ใต้เท้าฉางกับฮูหยินของเขาสะดุ้งทีหนึ่ง ก่อนจะหันมองหน้ากัน

“มีอะไรอย่างนั้นหรือ” มู่ฉีหลินถามย้ำอีกครั้ง

ใต้เท้าฉางสูดหายใจลึก ก่อนพูดออกมา

“พวกเรามาที่นี่เพื่อ...เอ่อ ขอเลื่อนกำหนดการแต่งงานออกไปก่อน”

“คงมีเหตุผลกระมัง”

คำถามนั้นเป็นของเจ้าบ้าน ‘มู่ซื่อจื่อ’ บิดาของมู่ฉีหลิน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมกลาโหม

ฉางฮูหยินหันไปทางเจ้าบ้านและพยักหน้าถี่รัว

“มี มีเหตุผลจริงแท้แน่นอน!”

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบว่ามาเถอะ”

“ค...คือว่าเซียนเอ๋อร์ของพวกเราตอนนี้ไม่สบายหนัก ถ้าจัดพิธีแต่งงานทันทีเกรงว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้กับท่านแม่ทัพ และตระกูลมู่ ถ้านางหายดีเมื่อไร พวกเราค่อยดำเนินจัดงานแต่งได้หรือไม่”

ท้ายประโยค ฉางฮูหยินลดเสียงเบาลงเรื่อยๆ และยังส่งสายตาประหม่าให้กับมู่ฉีหลินเป็นระยะ

“ไม่สบายหรือ แล้วนางเป็นอะไรล่ะ” มู่ฮูหยินถาม น้ำเสียงและสีหน้าเหมือนไม่เชื่อสักเท่าไร

“นางซุ่มซ่ามเผลอทำตัวเองตกน้ำ แต่รับรองได้ อีกไม่กี่วันนางก็หายเป็นปกติแล้ว” ฉางฮูหยินรีบอธิบายอย่างร้อนรน

“ตกน้ำหรือ” มู่ฉีหลินพึมพำ อดจะเป็นห่วงคู่หมั้นไม่ได้

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว นางทำตัวเองตกน้ำ” ฉางฮูหยินยังยืนยันหนักแน่น

“ทำไมถึงจู่ๆ ก็ตกน้ำกันนะ” มู่ฮูหยินตั้งคำถามแบบลอยๆ

ใต้เท้าฉางกับฉางฮูหยินหันมองหน้ากันเงียบๆ อีกครั้ง และทันใดนั้นเอง ฉางฮูหยินก็โพลงออกมา

“เซียนเอ๋อร์ดีใจเกินไปเจ้าค่ะ ดีใจที่จะได้แต่งงานกับแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ยิ่งได้ยินว่าท่านแม่ทัพกำลังจะกลับเมืองหลวงก็ยิ่งเหม่อลอย นางคงตั้งตารอคอยจนไม่เป็นอันทำอะไร แหม...เจ้าลูกคนนี้ช่างกระไร ชอบทำให้ผู้อื่นเป็นห่วงอยู่เรื่อย!”

ขณะพูด มุมปากของฉางฮูหยินกระตุกไปด้วย

“อย่างนี้นี่เอง ในเมื่อบุตรสาวของใต้เท้าฉางไม่สบาย เช่นนั้นก็ไม่มีทางเลือก ต้องเลื่อนวันแต่งงานออกไปก่อน ทางนี้จะรายงานกับฮ่องเต้เอง พวกท่านทั้งสองสบายใจได้” ใต้เท้ามู่ผู้เป็นเจ้าบ้านบอกอย่างใจกว้าง

ได้ยินอย่างนั้น ทุกคนในตระกูลมู่ต่างพยักหน้าด้วยความเข้าใจ รวมไปถึงมู่ฉีหลินด้วย

“ขะ...ขอบคุณใต้เท้ามู่ที่เข้าใจ!” ใต้เท้าฉางพูดด้วยความซาบซึ้ง

มู่ฉีหลินไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ในเมื่อว่าที่ฮูหยินไม่สบายก็ไม่มีทางเลือกอื่น คงต้องเลื่อนวันแต่งงานออกไปก่อน