บทที่ 5 ข้าต่างหากที่เป็นฮ่องเต้
ในหอเหวินยวน มีขุนนางใหญ่หลายคนก้าวเดินออกมาอธิบายแทนหนิงไป๋
“ฝ่าบาทมาได้จังหวะพอดีเลย มหาราชบัณฑิตเหอหลี่ทำผิดฐานลบหลู่หัวหน้าผู้บังคับบัญชา ขอฝ่าบาทมีพระราชโองการปลดตำแหน่งมหาราชบัณฑิตจากหอเหวินยวนของเหอหลี่ และส่งเขาเข้าคุก รอการประหารด้วยเถิด!”
ซื่อหลางฝ่ายซ้ายต้วนฮว๋าเอ่ยขึ้น เรียกเสียงสนับสนุนได้โดยมาก
หลินจื่อโม่มองตามทิศทางที่พวกเขาชี้
เหอหลี่ที่รูปร่างซูบผอมยืนอยู่ตรงนั้นราวกับต้นสนที่อยู่ริมหน้าผา ดูอ่อนแอสู้แรงลมไม่ไหว แต่ร่างเขากลับยืดตรงทระนงมั่น
ยามเผชิญหน้าคำกล่าวหาของเหล่าขุนนาง เหอหลี่ยังคงสีหน้าหนักแน่นไม่ไหวติง ดูมีแววทระนงในตัว
“เล่ามาอย่างละเอียดสิ”
หลินจื่อโม่พลันสนใจเขาขึ้นมา
ตอนนี้คนเดียวที่อยู่ข้างกายรับใช้เขาคือเซี่ยหยุนที่เป็นองครักษ์วังหลวงรองผู้บังคับบัญชา ส่วนในราชสำนักนั้นเขายังคงโดดเดี่ยวหัวเดียวกระเทียมลีบ
เหอหลี่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ออกมาโดยละเอียด
“ชาวบ้านที่ไม่มีตำแหน่งคนหนึ่ง?”
หลินจื่อโม่หรี่ตาลงเล็กน้อย ปรายตามองไปทางหนิงไป๋ที่นั่งอยู่ตรงตำแหน่งอำมาตย์นายกเหมือนเดิม
“เจ้าเป็นแค่คนธรรมดา เข้ามาในตำหนักเฉียนชิงได้อย่างไรกัน? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรจะมา ไสหัวออกไปซะ!”
เขาไม่ชอบหน้าหมอนี่นานแล้ว
ฮ่องเต้อย่างตนเดินเข้ามา แกเป็นคนธรรมดาไม่มีตำแหน่งอะไรนั่งอยู่ตรงนั้น ไม่มีแม้แต่ความเคารพขั้นพื้นฐานต่อฮ่องเต้เลยสักนิด ในใจเขาได้จัดหนิงไป๋เข้ารายชื่อคนที่ต้องฆ่าเรียบร้อยแล้ว
ทันใดนั้นสีหน้าหนิงไป๋ที่เดิมสบายๆกลับหน้าเปลี่ยนสีเขียวซีดสลับไป
เขาเป็นลูกชายของอำมาตย์นายก ซ้ำยังมีพี่สาวเป็นไทเฮา เคยโดนเหยียดหยามเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ยิ่งไปกว่านั้นยังโดนต่อหน้าเหล่าขุนนางเน่ย์เก๋อ เท่ากับทำเขาขายขี้หน้าไม่มีชิ้นดี ในตอนนี้เขาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดี นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ทั่วทั้งในหอเหวินยวน ก็มีแต่สายตาทะมึนของมหาราชบัณฑิตเหอหลี่วาบประกายแปลกใจขึ้นมา สายตาเขาอดจับจ้องไปที่ฮ่องเต้คนนี้ไม่ได้
ในราชสำนักกระทั่งชาวประชาในเมืองหลวง ไม่รู้ว่าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับฮ่องเต้คนนี้แค่ไหน โดยเฉพาะเรื่องบังคับแต่งเซี่ยเฟิ่งชิงแห่งตระกูลเซี่ยเป็นฮองเฮา ยิ่งลือสะพัดไปไกลในจิงตู
ที่น่าแปลกที่สุดคือ ฮ่องเต้ที่เดิมเป็นแค่หุ่นเชิด เสนอให้ปลดตำแหน่งพ่อของเซี่ยเฟิ่งชิง อำมาตย์นายกกลับเห็นด้วยเสียดื้อๆ เลยยิ่งเป็นการพิสูจน์ความโหดร้ายไร้คุณธรรมของจีจิ่งเหวินเข้าไปอีก
ต้วนฮว๋าซื่อหลางก้าวออกมาแก้สถานการณ์ของหนิงไป๋พลางว่า “กราบทูลฝ่าบาท การที่กั๋วจิ้วเหยียมาจัดการข้อราชกิจเพราะได้รับอนุญาตจากไทเฮาและอำมาตย์นายกเป็นพิเศษพ่ะย่ะค่ะ!”
“ต้วนซื่อหลาง ท่านคงลืมไปแล้วกระมังว่า ข้า ต่างหากที่เป็นฮ่องเต้แห่งต้าเหยียน!”
น้ำเสียงหลินจื่อโม่แฝงแววอำมหิต สายตาประกายวาบดุจไฟ ปรายมองไปยังต้วนฮว๋า เขาตกใจแทบสำลัก มองฮ่องเต้ตรงหน้าอย่างตกใจหวาดหวั่น
ฮ่องเต้นี่แข็งแกร่งแบบนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
เดิมเขาอยากจะคัดค้านโต้เถียง แต่ฮ่องเต้ก็คือฮ่องเต้ เป็นผู้ที่อยู่เหนือชาวประชาอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม!
ต่อให้ฮ่องเต้คนนี้จะเป็นเพียงหุ่นเชิดก็ตามที
“มหาราชบัณฑิตเหอ ชาวบ้านธรรมดาเข้ามายุ่งข้อราชการในหอเหวินยวนโดยไม่ได้รับการเรียกตัวมาเข้าเฝ้า ควรมีโทษสถานใด?”
หลินจื่อโม่ไม่สนใจเขา แต่กลับถามเหอหลี่ขึ้นมา
“กราบทูลฝ่าบาท ผู้เข้ามาร่วมว่าข้อราชการในหอเหวินยวนโดยพลการ มีโทษฐานทำเกินกว่าหน้าที่ ควรจะจับตัวเข้าคุก รอการประหาร!”
เหอหลี่พลันรู้สึกตัวทันที พลางพูดกฎหมายมารยาทของต้าเหยียนออกมา จากนั้นยังเสริมว่า “อีกอย่าง หนิงไป๋เป็นชาวบ้านธรรมดา เข้าเฝ้าฝ่าบาทกลับไม่คุกเข่าถือเป็นการลบหลู่เบื้องสูงอย่างมาก ตามกฎหมายต้าเหยียนแล้ว ผู้ไม่เคารพฮ่องเต้ ต้องประหารทั้งตระกูล!”
หนิงไป๋ตกใจหน้าซีดเผือด แต่ยังปากแข็งเถียงว่า “ฝ่าบาท ข้าเพียงแบ่งเบาภาระให้ท่านพ่อเท่านั้น อีกอย่างเรื่องนี้ไทเฮาทรงอนุญาตแล้วด้วย”
“ฝ่าบาท วังหลังไม่อาจก้าวก่ายงานราชกิจได้ ถึงไทเฮาจะฐานะสูงส่ง แต่มิมีสิทธิ์เข้ามายุ่งเรื่องข้อราชกิจ!”
เหอหลี่ย้อนอย่างไว
หนิงไป๋ถึงรู้ตัวเสียทีว่า การที่ตนมานั่งเมินฮ่องเต้อยู่ที่นี่นั้นเป็นการกระทำที่โง่งมแค่ไหน
กฎหมายแต่ละข้อที่ออกมาจากปากเหอหลี่ ทำให้เขาไม่อาจนั่งต่อไปไปได้ โดยเฉพาะเซี่ยหยุนในชุดเกราะด้านหลังหลินจื่อโม่ ยิ่งทำให้เขาเริ่มมีสีหน้าหวาดหวั่นและหวาดกลัว
“ฝ่าบาท ข้าเป็นน้องชายแท้ๆของไทเฮา เป็นกั๋วจิ้วเหยีย มิใช่ชาวบ้านธรรมดา ฝ่าบาทมิควรถูกคนชั่วหลอกเอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”
เขาลุกขึ้นมา ลังเลชั่วครู่ สุดท้ายคุกเข่าลงไป แต่ดวงตาที่หลุบต่ำลงกลับเต็มไปด้วยความเคียดแค้นอาฆาต
เขาแค้นยิ่งนัก!
นี่เป็นเรื่องที่ทำเขาขายขี้หน้ามากที่สุดนับแต่เกิดมา
เกียรติของเขา ฐานะอันสูงส่ง โดนฉีกกระชากขาดวิ่นไม่มีชิ้นดีในตอนนี้
“ที่นี่คือหอเหวินยวน เป็นสถานที่เน่ย์เก๋อสรุปข้อราชการของทั้งประเทศ ที่นี่ไม่มีกั๋วจิ้วเหยีย มีเพียงฮ่องเต้และข้าราชการ!”
“เจ้าเป็นคนธรรมดา กล้าเข้ามาหอเหวินยวนโดยพลการก็เป็นโทษตายแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังกล้าลามปามละเมิดถกเถียงข้อราชการ ต่อให้จับเจ้าห้าม้าแยกร่างก็ไม่เป็นการลงโทษหนักเกินไปดอก!”
หลินจื่อโม่ไม่ได้คิดจะปล่อยเขาไปง่ายๆแบบนี้ “องครักษ์วังหลวงอยู่ที่ใด?!”
ด้านนอกประตู พลันได้ยินเสียงกระทบกันของเสื้อเกราะกับเหล็ก องครักษ์วังหลวงกองหนึ่งพุ่งเข้ามาทันที
“ฝ่าบาทมิได้น่ะพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ให้อำมาตย์นายกมาจัดการจะดีกว่า”
ต้วนฮว๋าเริ่มร้อนรนละ หากหนิงไป๋มาตายที่นี่ น่ากลัวว่าพวกเขาทุกคนต้องโดนอำมาตย์นายกเคียดแค้นหมายหน้าไว้แน่ ตำแหน่งเสนาบดีที่อำมาตย์นายกเดิมสัญญากับเขาไว้คงไม่มีทางเป็นจริงแล้วแน่แท้
“อำมาตย์นายก อำมาตย์นายก...”
หลินจื่อโม่ตบที่เท้าแขนของบัลลังก์มังกรฉาดใหญ่ ตะคอกว่า “ดูท่าในสายตาต้วนซื่อหลางแล้ว มีแต่อำมาตย์นายก แต่ไม่มีฮ่องเต้เช่นข้าเลย!”
ตอนนี้ข้อได้เปรียบที่สุดของเขาคือฐานะฮ่องเต้นี่
นอกจากอำมาตย์นายกจะทำการก่อกบฏอย่างเปิดเผย ไม่เช่นนั้นฐานะฮ่องเต้นี้จะกดทับหัวไว้อย่างแน่นอน
“ทหาร!”
“ไทเฮามีพระราชเสาวนีย์ ไทเฮารับสั่ง...”
เวลานี้มีเสียงแหลมปรี๊ดดังมาจากด้านนอก และเดินเข้ามาในหอเหวินยวนพลางร้องตะโกนมาตลอดทาง
“ไทเฮามีพระราชเสาวนีย์ รับสั่บให้ฝ่าบาทไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักอี้เยว่โดยด่วน”
เรื่องนี้แพร่ไปถึงไทเฮาเร็วมากอยู่นะนี่
หลินจื่อโม่ขมวดคิ้ว
ถึงไทเฮาจะไม่อาจยุ่งข้อราชกิจได้ แต่หากเขาไม่เคารพไทเฮา ก็เท่ากับอกตัญญู
สำหรับต้าเหยียนที่ยึดหลักกตัญญูเป็นหลักปกครองใต้หล้า ก็ถือเป็นโทษมหันต์
หลินจื่อโม่รู้ดีว่า วันนี้จะเอาโทษหนิงไป๋ถึงตายคงเป็นไปไม่ได้แล้ว แต่พอมองดูต้วนฮว๋าซื่อหลางนั่น เขาไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายเอาเสียเลย
ต้วนฮว๋าผู้นี้ช่างเป็นสุนัขรับใช้ของอำมาตย์นายกดีๆนี่เอง!
“กลับไปกราบทูลไทเฮาด้วยล่ะ บอกว่าข้ากำลังว่างานราชกิจอยู่ พอจัดการเสร็จแล้ว ข้าจะไปถวายพระพรไทเฮาเอง!”
“ไทเฮามีรับสั่ง ต้องการพบฝ่าบาทเดี๋ยวนี้ จะล่าช้ามิได้เด็ดขาด!”
“บังอาจ!”
หลินจื่อโม่โกรธจัด
แต่ละคน ถ้าไม่ใช่เอาอำมาตย์นายกมากดดันตน ก็เอาไทเฮามากดดันตน หากตนยังไม่โต้ตอบ คงได้แต่เป็นฮ่องเต้หุ่นเชิดไปตลอดแน่
เขาไม่ต้องการแบบนี้
“ไล่มันออกไป!”
องครักษ์วังหลวงที่เข้ามาในหอเหวินยวนพวกนี้ล้วนเป็นทหารคนสนิทของเซี่ยหยุน พอเซี่ยหยุนผงกหน้าสั่ง พวกเขาก็ลากขันทีผู้นี้ออกไปด้านนอกอย่างไม่ลังเลทันที
“ต้วนฮว๋า!”
ความเดือดดาลของหลินจื่อโม่พุ่งไปที่ซื่อหลางคนนี้ทันที “เจ้าเป็นซื่อหลางของเน่ย์เก๋อ คำก็อำมาตย์นายก สองคำก็อำมาตย์นายก เจ้ากำลังเมินเฉยต่อข้างั้นรึ?!”
“กระหม่อม มิบังอาจ...”
“งั้นทำไมเจ้ายังไม่คุกเข่าลงอีก?!”