บทที่ 6 อิสระที่ข้าต้องการ 1/2
“อะไรนะ!! นี่นางจะกำเริบเสิบสานมากเกินไปแล้วกระมัง ใยเมื่อก่อนไม่เห็นนางจะตอบโต้กลับผู้ใด ท่านพี่เจ้าคะคราแรกข้าเองก็ยังไม่อยากเชื่อสักเท่าใดนัก เพราะหย่าเออร์เล่าให้ฟังว่ามู่หลินหว่านตบตีฮุ่ยเหมยบาดเจ็บเมื่อวานยามเช้า แต่พอวันนี้กลับเกิดเรื่องกับพวกแม่ครัวจนกระทบเรื่องอาหารไปทั้งจวน ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้วนะเจ้าคะท่านพี่ อีกไม่กี่วันที่จวนของเราจะมีงานเลี้ยงน้ำชาแขกเหรื่อมากมาย หากนางเกิดเป็นบ้าขึ้นมาในวันงานละก็พวกเราคงขายหน้าแย่เจ้าค่ะ”
“หึ นังเด็กคนนี้ข้าอุตส่าห์ให้ที่อยู่ที่กินไม่ต้องไประเหเร่ร่อนข้างนอก ยังไม่รู้จักสำนึกบุญคุณสร้างปัญหาไม่รู้จักจบจักสิ้น ในเมื่อนางปีกกล้าขาแข็งถึงเพียงนี้ก็ให้ออกไปใช้ชีวิตเองก็แล้วกัน พ่อบ้านมู่ไปตามนางมาพบข้าที่ห้องทำงานเดี๋ยวนี้” มู่อวี่เฉินเองก็ไม่อยากให้บุตรสาวคนนี้อยู่ในจวนเท่าใดนัก เพราะตนเองมิได้รักใคร่เอ็นดูอะไรในตัวนางแม้จะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของตนก็ตาม
“ขอรับนายท่าน”
พ่อบ้านมู่รับคำและรีบไปยังกระท่อมเก่า ๆ ด้านหลังจวนทันที มู่หลินหว่านกำลังนั่งคิดอยู่ว่าจะเลือกใครเป็นเหยื่อ เพื่อสร้างเรื่องในวันจัดงานเลี้ยงก็มีเสียงเรียกดังขึ้นเสียก่อน
“มู่หลินหว่านนายท่านเรียกให้เจ้าไปพบที่ห้องทำงาน รีบตามข้าไปเดี๋ยวนี้อย่ามัวชักช้ายืดยาดออกมาได้แล้ว”
“แอ๊ด หือ ท่านเสนาบดีมู่ต้องการพบข้าด้วยเรื่องอันใด รบกวนพ่อบ้านมู่แจ้งให้ทราบสักหน่อยเถิด ข้าจะได้รู้ว่าควรทำตัวอย่างไรยามที่เข้าไปพบท่านเสนาบดีมู่”
“หึ แล้ววันนี้เจ้าไปก่อเรื่องอันใดเอาไว้ที่ห้องครัวเล่า อย่าบอกว่าเจ้าลืมสิ่งที่ตนเองเพิ่งกระทำไปนะมู่หลินหว่าน”
“อ้อ ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เองสงสัยจะโมโหหิวกันสินะ ขอบใจที่อุตส่าห์มาตามเชิญพ่อบ้านมู่นำทางเถิด”
‘นายหญิงหรือว่าเราจะได้ออกจากจวนนี้ก่อนเวลา หากเป็นเช่นนั้นย่อมดีกับตัวท่านน่ะสิเจ้าคะ’
‘จริงด้วยเสี่ยวลวี่หากเป็นเช่นที่เจ้าว่ามาก็ดี แต่พวกเรายังไม่ได้ไปที่ห้องเก็บสมบัติเลยนะ หากถูกไล่ออกจากจวนทันทีจะทำอย่างไรเล่า’
‘เรื่องนี้นายหญิงไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะปล่อยให้เสี่ยวลวี่จัดการเอง ท่านต้องได้หนังสือตัดขาดกับตระกูลนี้มาให้ได้ก็พอเจ้าค่ะ’
‘ได้ฝากเจ้าด้วยนะเสี่ยวลวี่ไว้ข้าได้รับอิสระเมื่อไหร่ จะทำขนมของโปรดที่ข้าชอบให้เจ้าลองกินดู’
‘ขอบคุณเจ้าค่ะนายหญิง’
เสี่ยวลวี่คุยกับมู่หลินหว่านเสร็จก็หายไปทันที สถานที่ที่เสี่ยวลวี่ไปนั้นไม่ใช่ที่ไหนแต่เป็นห้องเก็บสมบัติ เมื่อเห็นว่าคนตระกูลนี้ทำร้ายเจ้านายของตนมากเพียงใด ความเมตตาที่จะทิ้งเงินทองไว้ให้สักเล็กน้อยก็ไม่มีอีกต่อไป เสี่ยวลวี่เก็บสมบัติทั้งหมดเข้าในมิติบ้านสวนทั้งหมด เพียงพริบตาในห้องที่เคยอัดแน่นไปด้วยหีบมากมาย กลับว่างเปล่าเหลือเพียงเศษฝุ่นละอองไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น
เมื่อมาถึงภายในห้องทำงานของเสนาบดีมู่ นางเองยังไม่ทันจะได้ทำความเคารพมู่หลินหว่านต้องออกแรงปกป้องตนเอง เนื่องจากคนเป็นบิดาลุกขึ้นเดินเข้ามาหาหวังจะตบหน้า เพราะสัญชาตญาณที่มีจึงยกมือขึ้นปัดมือหนาได้ทัน ก่อนที่มันจะฟาดลงมาบนใบหน้าเรียวอย่างแรงเสียก่อน
“หมับ! ยังไม่ทันให้ข้าได้ทำความเคารพตามมารยาท เสนาบดีมู่ก็คิดจะใช้ความรุนแรงต่อสตรีอ่อนแอแล้วงั้นหรือ”
“นี่เจ้า! ดี ดีจริง ๆ อยู่อาศัยกินนอนในจวนของข้ายังกล้าโต้เถียงกับเจ้าของจวน ไหนจะทำร้ายบ่าวไพร่จนบาดเจ็บอีกหลายคนใครให้ความกล้านี้แก่เจ้า” เสนาบดีมู่ไม่คิดว่าจะถูกมือบางยกขึ้นมาปัดป้อง มิหนำซ้ำแรงที่นางใช้จับมือตนคล้ายกับคนไม่เคยเจ็บป่วยสักนิด
“เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องให้ใครมามอบความกล้าให้ข้าหรอกเจ้าค่ะ และใช่จวนนี้เป็นของตระกูลมู่ที่มีท่านเป็นเจ้าของ แต่ก่อนที่ตระกูลท่านจะยิ่งใหญ่ได้ถึงทุกวันนี้ คิดทบทวนดูสักนิดก่อนจะพูดมันออกมาจะดีกว่าไหมเจ้าคะ ว่าใครที่คอยช่วยเหลือท่านทุกอย่างเพื่อสนับสนุนท่าน ขอเพียงให้คนเช่นท่านสอบผ่านจอหงวนเข้ารับราชการ ใครจะคิดว่าคนที่มารดาของข้ารักมากกลับเป็นคนที่ร้ายกาจ ทรยศหักหลังเมื่อได้ดิบได้ดีเป็นขุนนางเรืองอำนาจ ท่านคงจะภูมิใจในตนเองมากกระมังเสนาบดีมู่” มู่หลินหว่านตอบกลับอย่างไม่กลัวและสบตายามที่พูดอยู่ตลอดเวลา
“เจ้าอย่ามาเปลี่ยนเรื่องที่ตนเองกระทำความผิด จะยอมรับโทษแต่โดยดีหรือจะให้ข้าออกคำสั่งไล่เจ้าออกไปจากที่นี่ จวนของข้าไม่เลี้ยงคนอกตัญญูไว้ให้เปลืองเงินทอง หากจะอยู่ที่นี่ต้องรู้จักสงบเสงี่ยมอย่าได้สร้างปัญหาขึ้นมาอีก ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายนะมู่หลินหว่าน” มู่อวี่เฉินไม่ยอมรับว่าสิ่งที่บุตรสาวคนรองพูดออกมาคือเรื่องจริง
“ฮึ ใครจะไปอยากอยู่ในจวนที่เหมือนนรกกันล่ะเจ้าคะ ยามนี้สบโอกาสที่จะกำจัดข้าไปให้พ้นได้เสียที เมื่อข้าไปตายอยู่ด้านนอกท่านก็ไม่ต้องถูกผู้คนครหา แต่จะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากชาวบ้านแทน เอาเป็นว่าข้ามู่หลินหว่านไม่ต้องการอยู่ที่นี่อีก รบกวนท่านเสนาบดีมู่มอบหนังสือตัดขาดความสัมพันธ์ เป็นตายไม่เผาผีไม่ว่าจะยากจนหรือร่ำรวยเงินทองมีชื่อเสียง จะไม่ขอมีส่วนข้องเกี่ยวใด ๆ ต่อกันอีกไปตลอดชีวิต หรือจะให้ดีรบกวนท่านตัดชื่อข้ากับท่านแม่ออกจาก
ผังตระกูลได้ก็ยิ่งดีเจ้าค่ะ”
“อวดดีเหมือนแม่ของเจ้าไม่มีผิดหากข้ารู้ว่าแม่ของเจ้า จะเป็นสตรีหัวแข็งต่อต้านสามีก่อนที่นางจะตายเช่นนี้ คงไม่คิดแต่งนางมาเป็นภรรยาให้เสียเวลาหรอก หน้าที่ของสตรีมิคิดจัดการแต่ชอบสอดมือมายุ่งเรื่องของบุรุษ หากเจ้าต้องการเช่นนั้นก็ดีเหมือนกันข้าจะได้เชิญไต้ซือมาทำบุญล้างความอัปมงคล ที่อยู่ในจวนมานานหลายปีให้หมดไปซะ พ่อบ้านมู่เตรียมหมึกกับกระดาษให้ข้าวันนี้ต้องไม่มีนางเสนอหน้าอยู่ในจวนนี้อีก อย่าลืมลบชื่อของนางออกจากผังตระกูลทั้งแม่ทั้งลูก”
“ไอหยา ขอบคุณท่านเสนาบดีมู่มาก ๆ เลยเจ้าค่ะ หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปขอเพิ่มอีกหนึ่งอย่างได้หรือไม่ ป้ายวิญญาณของท่านแม่ข้าต้องการนำติดตัวไปด้วย หวังว่าท่านจะยกให้แต่โดยดีถึงอย่างไรท่านก็ไม่ต้องการอยู่แล้ว มิสู้มอบให้ข้าเป็นสมบัติติดตัวไปเสียจะดีกว่าเจ้าค่ะ” มู่หลินหว่านลอยหน้าลอยตาเอ่ยขอป้ายวิญญาณมารดา โดยไม่สนใจว่ายามนี้เสนาบดีมู่จะมีสีหน้าท่าทางเช่นไร
เสนาบดีมู่รีบนั่งลงเขียนหนังสือตัดขาดให้มู่หลินหว่าน ที่สำคัญเขาไม่อนุญาตให้นางใช้แซ่มู่อีกต่อไป แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่มู่หลินหว่านให้ความสนใจ นางกลับไปใช้แซ่ของมารดาแทนก็มิได้มีปัญหาอันใด หรือจะสร้างตระกูลใหม่ขึ้นมาเป็นของตนเองก็ย่อมได้ ตราประทับของตระกูลมู่ประทับบนกระดาษเรียบร้อย นี่คือสิ่งที่มู่หลินหว่านต้องการมากที่สุดในเวลานี้ เมื่อได้มันมาอยู่ในมือนางไม่รอช้ารีบก้มหัวลงขอบคุณ และกล่าวอำลาเสนาบดีมู่อย่างรวดเร็ว
“หมับ! ขอบคุณท่านเสนาบดีมู่ที่ยินดีมอบหนังสือฉบับนี้ให้ข้า หวังว่านับต่อจากไปพวกเราจะไม่ต้องพบกันอีกนะเจ้าคะ ลาก่อน ลาขาด ลาจากตระกูลที่น่ารังเกียจตลอดไปเจ้าค่ะ อ้อ แต่หากบังเอิญได้พบเจอรบกวนอย่าได้เอ่ยทักทาย หรือชวนพูดคุยเนื่องจากตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราไม่รู้จักมักจี่เป็นเพียงคนแปลกหน้าเท่านั้น ขอตัว” มู่หลินหว่านชิงพูดขึ้นอย่างรวดเร็วจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
“........!?”
เสนาบดีมู่ยังไม่ทันได้ตอบโต้อันใดมู่หลินหว่านก็ออกไปจากห้องทำงานแล้ว นางรับป้ายวิญญาณของมารดามาจากมือพ่อบ้านมู่ และออกจากจวนโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย พวกบ่าวไพร่ที่แอบดูอยู่ต่างพากันแปลกใจไปตาม ๆ กัน ที่มู่หลินหว่านไม่มีท่าทีอาลัยอาวรณ์ให้เห็นสักนิด ส่วนในใจของมู่หลินหว่านนั้นกลับกล่าวคำสาบานอยู่เงียบ ๆ ให้กับทุกคนในจวนตระกูลมู่
‘พวกเจ้าทั้งหมดใช้ชีวิตกันให้มีความสุขไปก่อนเถิด หากวันใดที่ข้าสามารถมีขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่า ขอสาบานว่าจะทำให้พวกเจ้าทั้งนายทั้งบ่าวอยู่มิสู้ตายกันทุกคน’