บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 วันเกิดคุณปู่

หลังจากที่สามคนแม่ลูกเสร็จธุระจากที่ห้างสรรพสินค้าแล้วก็พากันตรงกลับบ้าน ใจของเขมิกานั้นโลดแล่นเป็นที่สุด ที่เส้นทางการเดินทางกลับสู่วงการบันเทิงของเธอได้ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ชาติก่อนเพราะเธอเริ่มต้นที่ได้ทำในสิ่งที่รักช้า นั่นทำให้เธออดที่จะเสียใจไม่ได้ที่ต้องมาสูญเสียเวลาแห่งความสุขความสมหวังไปอย่างรวดเร็ว ชาตินี้เธอจะทำทุกอย่างให้ชีวิตของเธอมีความสุข และใช้ชีวิตใหม่นี้ให้คุ้มค่าที่สุด

“น้องเข็มคะ น้องเข็มอยากเป็นนักแสดงเหมือนกับคุณอาจิ๋วไหม” เรียวเอ่ยถามน้องสาวตัวน้อยตอนที่ทั้งคู่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นหลังจากกลับมาจากห้างสรรพสินค้าแล้ว

“อยากค่ะ พี่เรียวก็รู้ว่าเข็มชอบร้องเพลง ชอบแสดงออก” เด็กหญิงเขมิกาบอกพี่ชายที่ห่างกันเพียง3ปีอย่างจริงจังจนคนเป็นพี่ชายยิ้มออกมา

“พี่ก็คิดว่าถ้าน้องเข็มได้เป็นนักร้องนักแสดงเหมือนกับคุณอาจิ๋ว น้องเข็มจะต้องทำได้ดีแน่ๆ และที่สำคัญอาจิ๋วที่อยู่บนสวรรค์ก็จะมองมาที่น้องเข็มอย่างภูมิใจ ที่หลานสาวตัวน้อยนั้นเดินตามรอยเท้าของคุณอา” เด็กชายวัย8ปีเอ่ยขึ้นกับน้องสาว เขมิกาส่งยิ้มให้กับพี่ชายก่อนที่จะหยิบอะคูเลเล่ตัวใหม่มาดีด และร้องเพลงออกมาจนคนรับใช้ในบ้านที่กำลังทำความสะอาดอยู่แถวนั้นมองมาที่คุณหนูทั้งสองอย่างชื่นชมไม่ได้ ‘ดูท่าคุณหนูเข็มจะเดินตามรอยเท้าคุณอาของเธอจริงๆ’ สาวใช้คนนั้นคิดในใจ ทุกคนยังคงคิดถึงจิราภรเสมอแม้เธอจะจากโลกใบนี้ไปนานถึง6ปีแล้วก็ตาม

กริ๊ง...........กริ๊ง...........กริ๊ง...........

เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นขณะที่สองพี่น้องกำลังนั่งเล่นดนตรีกันอยู่ คนรับใช้ที่เสร็จงานทำความสะอาดพอดีจึงเข้าไปรับสาย

“สวัสดีค่ะ บ้านโชติกุลค่ะ”

“สวัสดี อ้อยใช่ไหม ขอสายยัยหนูเข็มหน่อย บอกคุณปู่โทรมา” เสียงของชายวัยกลางคนดังขึ้นปลายสาย

“ค่ะคุณท่าน กรุณารอสักครู่นะคะ” อ้อยตอบด้วยน้ำเสียงนอบน้อม ผ่านไปไม่ถึง5นาที เด็กหญิงเขมิกาก็มารับโทรศัพท์ที่อยู่ตรงห้องรับแขก

“ฮัลโหลสวัสดีค่ะคุณปู่” เสียงเล็กกรอกไปตามสาย

“น้องเข็มหรอลูก เป็นไงบ้างเรา ปู่กับย่าไม่เห็นหน้าหนูมาสองอาทิตย์แล้ว เมื่อไหร่คุณแม่เราจะพามาเยี่ยมปู่กับย่าอีกล่ะ นี่คุณย่าบ่นคิดถึงพี่เรียวกับน้องเข็มตลอดเลยนะลูก” พงศกรเอ่ยถามหลานสาวสุดที่รักด้วยน้ำเสียงเอ็นดู

“เดี๋ยววันเกิดคุณปู่เราค่อยเจอกันนะคะ น้องเข็มกับพี่เรียวก็คิดถึงทั้งคุณปู่และคุณย่ามากๆ เลยค่ะ” คำตอบของเด็กหญิงวัยห้าขวบย่างหกขวบเรียกเสียงหัวเราะจากปลายสายได้เป็นอย่างดี ทำให้อดนึกถึงบุตรสาวที่ลาลับโลกใบนี้ไปแล้วไม่ได้ จิราภรช่างอาภัพนัก ไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าหลานสาว และไม่มีแม้แต่โอกาสได้มีชีวิตครอบครัวของตนเอง

“แล้วคุณย่าไปไหนหรอคะ” เขมิกาเอ่ยถามบิดาในอดีตชาติ เธอคิดถึงอ้อมกอดของท่านทั้งสองเหลือเกิน

“คุณย่าไปไหว้พระทำบุญ9วัดกับเพื่อนๆ เขาน่ะ ปู่ขี้เกียจไป” พงศกรบอกหลานสาวตัวน้อย

“ดีจังค่ะ น้องเข็มก็ชอบทำบุญ คุณปู่ต้องทำบุญเยอะๆ นะคะ จะได้สบายตอนที่เราไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว” คำพูดของเด็กหญิงวัยห้าขวบหลานสาวสุดที่รักทำเอาคุณปู่วัยหกสิบงุนงงอยู่ไม่น้อย อายุแค่นี้แต่ดูเหมือนจะรู้เรื่องอะไรเยอะแยะเชียว

“จ้ะๆ ปู่สะดวกทำทานมากกว่า แต่เดี๋ยวปู่จะทำบุญบ่อยๆ นะ” เขาบอกหลานสาวตัวน้อย

“คุณปู่ขาแค่นี้ก่อนนะคะ เดี๋ยวน้องเข็มจะเตรียมของขวัญวันเกิดไปให้” เขมิกาเอ่ยลาคุณปู่เพื่อที่จะได้ไปซ้อมดนตรีต่อ เธอเตรียมร้องเพลงและเล่นดนตรีเป็นของขวัญวันครบรอบวันเกิดให้คุณปู่ที่เธอรัก

“จ้าๆ แล้วปู่จะรอนะหลานปู่ บอกเจ้าเรียวด้วย อย่าซนให้มาก แล้วเจอกันนะลูก” สองปู่หลานร่ำลากันก่อนที่จะวางสายไป

“ใครโทรมาน่ะลูก” กาญจนาเดินเข้ามาในห้องรับแขกหลังจากที่ไปทำของว่างให้บุตรทั้งสองเสร็จจึงเดินกลับมา ซึ่งห้องนั่งเล่นต้องเดินผ่านห้องรับแขกไปอีกที จึงทำเธอได้ยินบุตรสาวคุยกับใครบางคนพอดี

“คุณปู่น่ะค่ะ ท่านคงจะเหงา คุณย่าหนีไปทำบุญกับเพื่อนๆ ทิ้งคุณปู่อยู่บ้านคนเดียว” คำตอบของบุตรสาวตัวน้อยเรียกรอยยิ้มจากมารดาได้เป็นอย่างดี ก็แม่สามีของเธอเป็นแบบนี้ประจำตั้งแต่สูญเสียบุตรสาวคนเล็กไปอย่างไม่มีวันกลับ นางก็หันหน้าเข้าวัด ทำบุญและทานเพื่อเป็นกุศลให้บุตรสาวได้เกิดในภพภูมิที่ดี

“เดี๋ยวเราก็จะไปเยี่ยมท่านทั้งสองแล้ว น้องเข็มได้บอกคุณปู่ไหมคะลูก” กาญจนาเอ่ยถามบุตรสาว

“น้องเข็มบอกแล้วค่ะ ว่าเจอกันวันเกิดคุณปู่ คุณปู่ดีใจใหญ่เลยค่ะ ตอนน้องเข็มบอกว่ามีของขวัญไปให้คุณปู่ด้วย” เขมิกาเล่าให้มารดาฟัง

“จ้ะ ไปเถอะลูก แม่เตรียมขนมกับนมมาให้หนูกับพี่เรียวแล้ว” กาญจนาชวนบุตรสาวกลับไปยังห้องนั่งเล่นที่มีเรียวนอนดูการแข่งขันฟุตบอลรออยู่

สองแม่ลูกพากันเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น ก่อนที่เขมิกาจะเริ่มซ้อมเพลงที่ตนเองจะนำไปร้องและเล่นให้คุณปู่ฟัง ทำเอากาญจนา และเรวัตต่างมองอย่างชื่นชม เวลานี้กาญจนาคิดแล้วว่าบุตรสาวของเธออาจจะกำลังมาเป็นตัวแทนของจิราภร ที่คอยสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนที่ได้พบเห็นเธอ

และแล้วงานวันคล้ายวันเกิดครบรอบ60ปีของคุณปู่พงศกรก็มาถึง งานถูกจัดขึ้นภายในสวนบริเวณบ้านหลังใหญ่ที่เคยเป็นอดีตที่อยู่อาศัยของซุปตาร์สาวจิราภร โชติกุล บ้านที่เคยมีความสุข รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเมื่อก่อนตอนนี้ดูหม่นหมองแปลกๆ เขมิกาอดที่จะน้ำตาซึมกับภาพที่เห็นไม่ได้ บิดากับมารดาของเธอยังลืมเธอไม่ได้จริงๆ ท่านคงยังจมอยู่กับอดีต ทุกสิ่งทุกอย่างภายในบ้าน รวมไปถึงห้องนอนและรูปภาพของเธอยังคงอยู่ ราวกับว่าเธอนั้นยังไม่ได้จากไปไหน เธอจะทำวิธีไหนให้บิดากับมารดาหลุดพ้นจากความทุกข์ในอดีต ถึงแม้เธอจะสิ้นบุญจากพวกท่านในชาติก่อนแล้ว หากแต่เธอก็ยังมีวาสนาได้กลับมาตอบแทนพระคุณของพวกท่านในชาตินี้แทน

“สวัสดีครับ/ค่ะคุณพ่อคุณแม่” สองสามีภรรยาเอ่ยทักทายผู้สูงวัยกว่าทันทีที่มาถึง ส่วนเขมิกาและเรวัตนั้นมาถึงที่บ้านของคุณปู่กับคุณย่าก่อนบิดาและมารดานานแล้ว เพราะทั้งคู่นั้นยังคงติดเคลียร์งานของตนก่อนที่จะเดินทางมาสมทบกับบุตรทั้งสองภายหลัง

“ไหว้พระเถอะลูก” สองสามีภรรยาบอกบุตรชายและลูกสะใภ้

“ตาเรียวบอกแม่ว่ามีแมวมองมาติดต่อน้องเข็มไปแคสติ้งนักแสดงเด็กหรอหนูกาญ” นางน้อมจิตเอ่ยถามลูกสะใภ้คนสวยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ค่ะคุณแม่ เห็นว่าให้ลองไปอาทิตย์หน้า ละครจะเปิดกล้องแล้ว กาญยังสองจิตสองใจอยู่ว่าจะให้ลูกไปลองดีหรือเปล่า” กาญจนาตอบแม่สามี

“แล้วกาญถามลูกหรือยัง น้องเข็มอยากไปไหม” เสียงของเผ่าภูมิเอ่ยถามขึ้น สำหรับเขาถ้าลูกอยากทำอะไรเขาก็สนับสนุน หากมีโอกาสได้ทำก็ทำ ดีกว่าไม่มีแม้แต่โอกาสให้ทำแล้ว เช่นการดูแลน้องสาวที่รักของตน เขาไม่มีโอกาสที่จะทำมันอีกแล้ว เพียงแค่คิดก็ได้แต่เก็บความเศร้าไว้ในใจ

“น้องเข็มบอกอยากลองดูค่ะ กาญก็เห็นว่าลูกสาวของเรามีความสามารถนะคะ วันนั้นกาญพาน้องเข็มไปซื้ออะคูเลเล่ตัวใหม่ น้องเข็มดันไปลองที่ร้าน เล่นอะคูเลเล่ไม่พอลูกสาวตัวน้อยของเราดันร้องเพลงสากลจนคนฟังอึ้งกันเป็นแถบๆ เลยค่ะ และวันนั้นก็พอดีกับเจ๊เอกที่แกเคยเป็นแมวมองชวนน้องจิ๋วเข้าวงการมาเจอเข้าพอดี เลยชวนกาญให้พาน้องเข็มไปลองแคสติ้งดูค่ะ” กาณจนาเล่าให้สามี และผู้ใหญ่ทั้งสองฟัง

“แม่ก็ว่าน้องเข็มแกเกิดมาพร้อมพรสวรรค์นะ สนับสนุนลูกๆ ไปเถอะ อย่าให้มันช้าไปจนไม่มีโอกาสได้ทำมันอีก” นางน้อมจิตออกความเห็น ก่อนที่น้ำเสียงจะเศร้าลงเมื่อนึกถึงเรื่องราวในอดีตที่กว่าตนจะอนุญาตให้บุตรสาวได้เดินไปตามความฝัน ก็เหลือเวลาในการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ของบุตรสาวเพียงสามปี หากเธอรู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้เธอคงสนับสนุนจิราภรมาตั้งแต่เด็กๆ พงศกรเอื้อมมือมากุมมือของภรรยาเอาไว้ พร้อมกับบีบเล็กน้อยเพื่อให้คลายความเศร้ายามที่นึกถึงเรื่องราวในอดีด

“พ่อก็เห็นแบบนั้นแหละ น้องเข็มหน้าตาดีมาตั้งแต่เกิด ใครๆ ก็ทักว่าเป็นดาราเด็ก พ่อยังนึกอยู่ว่าจะส่งหลานไปเป็นนักแสดง ไม่นึกว่าจะมีคนมามองเห็นแววของหลานสาวของเราก่อน” พงศกรเอ่ยขึ้นบ้าง

“พี่ก็ไม่ขัดข้องนะ ถ้าน้องเข็มอยากลอง กาญก็พาลูกไปเถอะ ครอบครัวเราสนับสนุนอยู่แล้ว อีกอย่างน้องเข็มเป็นเด็กหัวไว เรื่องการเรียนพี่เลยไม่ค่อยห่วงลูกเท่าไหร่ กาญก็คอยดูแลตารางเวลาให้ลูกก็แล้วกันนะครับ” เผ่าภูมิหันไปบอกภรรยา ก่อนที่สายตาของผู้ใหญ่ทั้งสี่จะทอดมองไปยังร่างของเด็กๆ ชายหญิงที่กำลังนั่งซ้อมเพลงกันอยู่

“เพลงนี้น้องเข็มกับพี่เรียวขอมอบให้กับคุณปู่ค่ะ ขอให้คุณปู่มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ไม่เจ็บไม่ป่วย อยู่กับน้องเข็มและพี่เรียวไปนานๆ” เสียงหวานของเด็กหญิงตัวน้อยที่มีใบหน้าสวย มีผิวขาวดุจน้ำนมข้าวเอ่ยออกมาขณะที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ด้านหน้ากับพี่ชายเมื่อถึงเวลาที่ต้องมอบของขวัญให้กับคุณปู่ เสียงปรบมือดังขึ้นจากบรรดาผู้ใหญ่ทั้งสี่ และคนรับใช้อีกสามคนที่อยู่ดูแลบ้านหลังนี้มานาน กาญจนาหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายทอดสดในเฟสบุ๊คของเพจร้านสปาของตน โดยตั้งชื่อว่า ‘โชว์จากหลานสาวและหลานชายสุดที่รักของคุณปู่พงศกรและคุณย่าน้อมจิต เนื่องในงานวันคล้ายวันเกิดครบรอบ60ปีของคุณปู่พงศกร โชติกุล’

พอเขมิกาเริ่มดีดอะคูเลเล่ เสียงของเด็กน้อยชายหญิงก็ดังประสานกันขึ้นในเพลงที่ฟังแล้วไพเราะจับใจ ซึ่งใจความในเนื้อเพลงนั้นมีความหมายเกี่ยวกับการทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง แล้วหันมามีความสุขกับปัจจุบัน ผู้ใหญ่ทั้งสี่น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว แม้แต่คนรับใช้ที่มายืนชมโชว์ของคุณหนูทั้งสองก็ยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ราวกับว่าเพลงนี้นั้นมันดังมาจากปากของจิราภรฝากให้กับคนที่กำลังจมอยู่ในอดีตที่มีเธอ ให้ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แม้แต่คนที่เข้ามาชมไลฟ์สดต่างอดที่จะซาบซึ้งและเพลิดเพลินไปกับเสียงหวานๆ ของเด็กหญิงไม่ได้ ส่วนเรวัตนั้นทำหน้าที่เป็นเพียงคอรัสให้กับน้องสาวเท่านั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel