บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ถูกใจแมวมอง

หลังจากทานอาหารเสร็จ สามคนแม่ลูกก็เดินไปยังโซนขายสินค้าประเภทของใช้และเครื่องประดับ กาญจนาตั้งใจว่าจะซื้อนาฬิกาเป็นของขวัญวันเกิดให้กับคุณพ่อของสามี และตั้งใจที่จะซื้อเครื่องดนตรีให้กับบุตรสาวเพราะที่เคยมีอยู่นั้นก็เก่ามากแล้ว

“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิงสนใจเรือนไหนแจ้งได้เลยนะคะ” พนักงานสาวยิ้มแย้มรีบเอ่ยทักทายทันทีที่มีลูกค้าเข้าร้านมา

“สวัสดีค่ะ สนใจนาฬิกาของผู้ชาย อายุประมาณ60ปีน่ะค่ะ” กาญจนาบอกพนักงานด้วยรอยยิ้มเช่นกัน พนักงานสาวกุลีกุจอหยิบนาฬิกาแบรนด์ดังแต่ละแบรนด์ขึ้นมาวางบนเคาน์เตอร์ให้ลูกค้าคนสวยที่มาพร้อมกับเด็กน้อยหน้าตาสวยหล่อทั้งสองคน เธอคาดว่าทั้งสามน่าจะเป็นแม่ลูกกัน ‘ว่าแต่ลูกสาวนี่น่าจะสักห้าหกขวบได้ ทำไมน้องเค้าถึงหน้าตาดีจังนะ ใบหน้าสวยราวกับตุ๊กตาเลย โตขึ้นมานี่ต้องสวยมากแน่ๆ’ พนักงานสาวคิดในใจขณะมองไปที่เด็กหญิงที่ยืนอยู่ข้างมารดา

“เอาเรือนนี้แหละค่ะ ช่วยห่อให้หน่อยได้ไหมคะ” เสียงหวานกาญจนาดึงสติของพนักงานที่กำลังมองใบหน้าสวยหวานของบุตรสาวอย่างเคลิบเคลิ้ม

“อะ..เอ่อ ได้ค่ะ กรุณารอสักครู่นะคะ” พนักงานสาวตอบก่อนที่จะเดินไปที่ด้านหลังเคาน์เตอร์และจัดการห่อนาฬิกาด้วยกระดาษห่อของขวัญที่ทางร้านเตรียมไว้ห่อให้ลูกค้าที่มาเลือกซื้อนาฬิกาไปเป็นของขวัญสำหรับคนพิเศษ ใช้เวลาเพียงไม่นานพนักงานสาวก็เดินกลับมา

“ได้แล้วค่ะคุณลูกค้า ทั้งหมดหนึ่งแสนหกพันบาทค่ะ” สิ้นเสียงพนักงานสาวเด็กหญิงตัวน้อยก็ตาโตพรางคิดในใจ ‘นี่พี่สะใภ้ซื้อของขวัญวันเกิดให้คุณพ่อเป็นแสนเลยหรือเนี่ย พี่สะใภ้ของเธอนี่เป็นคนดีจริงๆ เธอช่างโชคดีนักที่ได้เกิดใหม่มาเป็นลูกสาวของพี่สะใภ้คนนี้’ กาญจนายื่นบัตรเครดิตแบล๊คการ์ดสีดำของตนให้กับพนักงานขาย เธอรับไปอย่างนอบน้อม ก่อนที่จะส่งคืนในเวลาต่อมา

“อะ..เอ่อ ขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ หนูน้อยคนนี้เป็นดาราใช่ไหมคะ” พนักงานสาวทำใจกล้สเอ่ยถามอย่างเกรงใจ กาญจนาส่งยิ้มให้

“ไม่ใช่ค่ะ แต่คุณอาของเธอเคยเป็นดาราอยู่ค่ะ” เธอตอบอย่างเป็นมิตร

“อ๋อ พอจะบอกให้ทราบหน่อยได้ไหมคะ เพื่อดิฉันจะรู้จัก” พนักงานสาวเอ่ยถามขึ้น

“คุณอาของน้องเสียไปตั้งแต่ปี50แล้วล่ะค่ะ น้องจิ๋ว จิราภร โชติกุลยังไงละคะ” น้ำเสียงเศร้าๆเอ่ยออกมา เด็กน้อยทั้งสองต่างมองใบหน้าหวานของมารดา โดยเฉพาะน้องเข็ม ซึ่งเธอก็คือบุคคลที่มารดาพูดถึงในอดีตชาติ พนักงานสาวถึงกับตาโต เธอจำข่าวเหตุการณ์ตอนนั้นได้ดี ที่ทำให้คนวงการและแฟนๆละครพากันเศร้าไปทั้งประเทศ

“เอ่อ ดิฉันขอโทษคุณลูกค้าด้วยนะคะ ดิฉันไม่น่าจะถามออกไปเลย” พนักงานสาวยกมือไหว้ก่อนที่จะเอ่ยขอโทษอย่างรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรค่ะ น้องจิ๋วไปสบายแล้ว บางทีน้องอาจจะกำลังมองดูพวกเราอยู่ที่ไหนสักแห่ง” กาญจนาบอกก่อนที่จะปลอบใจตนเอง ‘ใช่ค่ะ จิ๋วอยู่ข้างๆพี่กาญมา5ปีแล้วค่ะ’ จิราภรในร่างของเขมิกาคิดในใจ สามแม่ลูกพากันเดินออกจากร้านไป

“คุณแม่ครับ จะไปไหนกันต่อครับ เมื่อกี้ที่คุณแม่พูดถึงใช่คุณอาจิ๋วใช่ไหมครับ” เด็กน้อยเอ่ยถามมารดาขณะที่เดินเคียงข้างกันมา

“จะพาน้องเราไปดูอะคูเลเล่ตัวใหม่น่ะจ้ะ ลูกอยากได้อะไรไหมครับ..... ใช่แล้วลูกคุณอาจิ๋วที่เคยอุ้มเรียวไปเที่ยวไงลูก ตอนนั้นลูกยังเล็กๆอยู่ อาจิ๋วรักเรียวมากเลยนะ เสียดายที่อาจิ๋วไม่ได้เห็นน้องเข็ม” กาญจนาตอบบุตรชายก่อนที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงยามมองไปที่บุตรสาวตัวน้อย

“เรียวไม่อยากได้อะไรครับ แต่เรียวอยากฟังน้องเข็มเล่นอะคูเลเล่พร้อมกับร้องเพลงให้เรียวฟังดีกว่า” เด็กชายเรวัตบอกมารดาก่อนที่จะหันไปมองใบหน้าสวยของน้องสาวแล้วส่งยิ้มให้

“น้องเข็มว่าอาจิ๋วต้องมองเข็มจากบนฟ้าแน่ๆเลยค่ะ” เด็กหญิงเอ่ยปลอบใจมารดา ‘เธอก็มาอยู่ใกล้พี่กาญนี่แล้วไง ได้เห็นทั้งครอบครัวเลย’ เขมิกาคิดในใจ

กาญจนาส่งยิ้มให้บุตรสาวและบุตรชาย ก่อนที่จะยื่นมือบางไปลูบผมของบุตรสาวไปมา แล้วเปลี่ยนไปจับมือเล็กเดินตรงไปยังร้านขายเครื่องดนตรีสากลที่มีอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าเคนแห่งนี้

ร้านขายเครื่องดนตรี

“ขอลองหน่อยได้ไหมคะ” เสียงหวานเล็กๆเอ่ยถามพนักงานขาย

“หนูเล่นเป็นหรือคะ” พนักงานสาวเอ่ยถามเด็กหญิงตัวน้อยที่มีเค้าโครงหน้าสวยจนคนโตต้องแอบอิจฉาด้วยความสงสัยว่าเด็กวัยนี้ไม่น่าจะเล่นเป็น กาญจนาเดินตามเข้ามาสมทบได้ยินเข้าพอดี หลังจากที่เธอยืนคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอกร้าน แต่เธอก็หาได้เหวี่ยงใส่พนักงานขายแต่อย่างใด กลับส่งยิ้มไปให้แทน

“น้องเข็มเล่นเป็นครับ แถมร้องเพลงเพราะด้วย” เรียวรีบอวยน้องสาวของตนทันที

“ให้ลูกสาวของดิฉันลองหน่อยนะคะ” เสียงหวานของกาญจนาดังขึ้น พนักงานเลยหยิบอะคูเลเล่ที่แม่หนูน้อยทำท่าสนใจมาให้ลอง

เด็กหญิงเขมิกา โชติกุลโชว์พรสวรรค์ของตนทั้งร้องทั้งเล่น อวดสายตาคนมองจนมีหลายๆคนที่กำลังเดินผ่านหน้าร้านไปต้องเดินย้อนกลับมาฟัง จึงได้เห็นร่างเล็กๆของเด็กหญิงที่มีใบหน้าสวยกำลังดีดอะคูเลเล่ตัวเล็กสีชมพูพร้อมกับร้องเพลงสากลอย่างชัดเจน สำเนียงถูกต้องแถมเพราะมากอีกต่างหาก ขณะนั้นมีแมวมองจากโมเดลลิ่งแห่งหนึ่งกำลังเดินผ่านไปพอดี จึงรีบเดินกลับมาดู ก่อนที่จะเข้าไปคุยด้วยเมื่อหนูน้อยเล่นจนจบและได้รับเสียงปรบมือจากบรรดาลูกค้า พนักงานและคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแล้ว 'ก็คนมันเกิดมาเพื่อที่จะเป็นดาวอยู่ที่ไหนมันก็ย่อมเปร่งแสงสว่างให้คนได้มองเห็น’ คำนี้ใช้พูดในตอนนี้คงจะไม่ผิดมากนัก

“สวัสดีค่ะหนูน้อย”เสียงทักทายจากเจ๊เอก แมวมองของโมเดลลิ่งชื่อดังซึ่งเขมิกาจำเขาได้ดี เขาเป็นนักปั้นมือทองและเขาก็เป็นคนปั้นจิราภรในภพก่อนขึ้นมาจนโด่งดัง เจ๊เอกคนนี้ถือว่าเป็นคนดี จริงใจและชอบมอบโอกาสให้เธอได้เดินทางสายซุปตาร์ตั้งแต่เรียนจบ

“สวัสดีค่ะ” เด็กหญิงเขมิกาส่งยิ้มหวานให้และยกมือไหว้ก่อนที่จะเอ่ยทักทายผู้ที่เข้ามาทักทายเธอ

“น้องหนูนี่ลูกสาวของคุณแม่ใช่ไหมคะ” เจ๊เอกส่งยิ้มให้หนูน้อยก่อนที่มองเลยไปยังหญิงสาววัยสามสิบที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังของเด็กหญิง และมีเด็กชายยืนเคียงข้างเธออยู่

“ใช่ค่ะ น้องเข็มเป็นลูกสาวคนเล็กของดิฉันเอง” กาญจนาตอบด้วยรอยยิ้ม

“คืออย่างนี้ค่ะ ทางโมเดลลิ่งเอสมีเดียกำลังมองหาดาราศิลปินเด็กที่มีความสามารถด้านการดนตรีมาแสดงรับบทเป็นลูกสาวของพระนางพอดี คุณแม่พอที่จะสนใจให้น้องลองไปแคสดูได้ไหมคะ” เจ๊เอกอธิบายด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะยื่นนามบัตรให้กับกาญจนา เธอยื่นมือบางของตนไปรับนามบัตรมาก่อนที่จะมองไปยังบุตรสาวตัวน้อย เธอมองเห็นมาตลอดว่าบุตรสาวนั้นมีพรสวรรค์เรื่องการร้องและการเล่นดนตรีมากเพียงใด หากให้บุตรสาวได้แสดงความสามารถในสิ่งที่ตนถนัดให้คนอื่นได้เห็นก็คงจะดีไม่น้อย

เจ๊เอกนั่งยองๆมองใบหน้าสวยหวานของเด็กหญิงตัวน้อยอย่างอดที่จะชื่นชมไม่ได้ มองไปทางพี่ชายที่น่าจะโตกว่าหลายปีก็ยังไม่หน้าตาดีที่เท่ากับน้องสาว

“หนูชื่ออะไรจ๊ะ กี่ขวบแล้วเอ่ย” เจ๊เอกเอ่ยถามขึ้นด้วยความเอ็นดู เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับแม่หนูน้อยตรงหน้านี้มากนัก

“หนูชื่อน้องเข็มค่ะ เด็กหญิงเขมิกา โชติกุล อายุ5ขวบย่าง6ขวบค่ะ” เธอตอบเจ๊เอกไปอย่างฉะฉานจนอีกฝ่ายนึกเอะใจกับนามสกุลของเด็กน้อย

“เอ ขอโทษนะคะคุณแม่ ไม่ทราบว่าคุณแม่เป็นอะไรกับน้องจิ๋ว จิราภร โชติกุลหรอคะ” เจ๊เอกเอ่ยถามคุณแม่ยังสาวไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“ยัยจิ๋วเป็นน้องสาวของสามีดิฉันเองค่ะ ส่วนเด็กๆก็เป็นหลานแท้ๆของยัยจิ๋ว” กาญจนาตอบไปตามตรง ทำเอาคนเป็นแมวมองแอบตกใจ ก่อนที่จะมองใบหน้าเล็กที่ดูสวยเกินวัยตรงหน้า เธอกำลังยิ้มหวานส่งมาให้เขา ไม่ผิดแน่ เด็กคนนี้อาจจะกลายมาเป็นตัวแทนของคนเป็นอาที่ล่วงลับไปแล้วก็ได้ โมเดลลิ่งสาวประเภทสองคิดในใจก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างพอใจ และยืนขึ้นเพื่อคุยกับมารดาของเด็กหญิงตัวน้อยที่เขารู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก

“น่าเสียดายน้องจิ๋วนะคะ ถ้าน้องยังอยู่ตอนนี้น้องก็คงจะดังกว่าเมื่อก่อนมาก” เจ๊เอกเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ถึงจะผ่านมา6ปีแล้วที่จิราภรเสียชีวิตไป หากแต่โมเดลลิ่งสาวสองก็หาได้ลืมน้องสาวที่น่ารักคนนั้นไม่ เธอยังคงส่งยิ้มให้เขาเสมอทุกครั้งที่เขาหลับตา

“คุณแม่อย่าลืมพาน้องมาแคสติ้งให้ได้นะคะ อีก3วันที่สตูดิโอเอสมีเดีย ตรงกับวันเสาร์พอดี เริ่มแคสเวลา9โมงเช้า อย่าทิ้งให้ความสามารถของน้องสูญเปล่าเพราะไม่มีใครได้มองเห็นเลยนะคะ ให้น้องได้แสดงออกและให้ความสุขกับคนอื่นเหมือนกับคุณอาของน้องที่เคยทำได้มาแล้วเถอะนะคะ” เจ๊เอกย้ำผู้เป็นมารดาของเด็กหญิงตัวน้อย ก่อนที่จะเอ่ยราวกับอ้อนวอน เขากำลังมองเห็นอะไรในตัวของเด็กน้อยคนนี้ แววตาที่แสดงออกมาถึงความมุ่งมั่นเหมือนกับรุจิภาไม่มีผิด แล้วจะให้เธอปล่อยโอกาสนี้ในการที่จะปั้นดาวดวงใหม่มาประดับวงการหลุดลอยไปได้อย่างไร

เจ๊เอกเดินจากไปหลังจากย้ำกับมารดาของเด็กหญิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะเขามีงานที่ต้องไปทำต่อจึงไม่มีเวลามากพอที่จะได้คุยรายละเอียดให้มากกว่านี้ แต่เขาก็ยังคิดว่าเขายังโชคดีอยู่ไม่น้อยที่มาทำธุระที่นี่วันนี้ จึงได้เจอกับว่าที่ดาวดวงใหม่ที่เตะหูและเตะตานักปั้นมือฉกาจแบบเขาเข้าอย่างจัง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel