บทที่ 5
คำต่อว่ากลายๆ ส่งผลให้หญิงสาวเม้มปากแน่น ไหนจะคำว่า 'เรียกร้องความสนใจ' อีก
คนมันป่วยมั้ย? ถ้าไม่ป่วยคงไม่ต้องถึงขนาดแอดมิทที่โรงพยาบาลหรอก เอื้อมนางถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไรของวันก็ไม่อาจนับได้..อีกทั้งยังนึกสงสารร่างเดิมไม่น้อย..ขนาดเธอเป็นคนอื่นมาอาศัยอยู่ในกายหยาบ..ความรู้สึกน้อยใจยังตีตื้นขึ้นมาเป็นริ้วๆ
มือเล็กพิมพ์แล้วก็ลบข้อความอยู่อย่างนั้น..ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจจะไม่ส่งไป..จากที่พี่สาวร่างเดิมบอก..บ้านอยู่หลังโรงพยาบาลก็ตามนั้น
ร่างเพรียวระหงตัดสินใจโยนมือถือลงกระเป๋า ก่อนจะเดินจ้ำอ้าวออกจากห้อง..ความรู้สึกกระฉับกระเฉงที่ไม่มีมานานตั้งแต่หลังมารดาเสียชีวิต..ชวนให้ใจฟูเป็นที่สุด
สมบัติใดๆ บนโลกนี้ ก็แลกกับสุขภาพที่แข็งแรงไม่ได้..หล่อนผ่านมันมาแล้ว
และจากการคุยกับนางพยาบาลก็สันนิษฐานได้ว่า..บ้านของปาริชาตอยู่ซอยหลังโรงพยาบาลแห่งนี้นั่นเอง
ด้านหลังโรงพยาบาล
เพียงข้ามถนนเยื้องออกมาไม่ไกล..ก็เจอประตูรั้วยาวจนสุดสายตา พื้นที่บริเวณใกล้ๆ กัน ก็มีรั้วหรูยาวพาดไปอีกฝั่งถนน..จนหญิงสาวชักไม่แน่ใจว่าคือหลังไหนกันแน่ ด้วยถนนเส้นนั้นมีคฤหาสน์หลังใหญ่ติดกันอยู่สองที่
เอื้อมนางจึงเดินมาหยุดตรงป้ายชื่อบ้าน...ซึ่งเห็นเพียงบ้านเลขที่..และพอมองลอดประตูเข้าไป..ก็เห็นคฤหาสน์สีขาว..ที่ใหญ่กว่าบ้านเก่าเธอหลายเท่า
ความลังเลใจวาบผ่านดวงตาคู่สวย..ในขณะที่ท้องฟ้ามืดสนิท..มีเพียงแสงไฟข้างทางส่องลงมา..ยังดีมีป้าวัยกลางคนท่าทางใจดี ผู้อยู่ในชุดยูนิฟอร์มแม่บ้าน..กำลังถือถุงร้านสะดวกซื้อมายืนอยู่ด้านหลัง และมองคุณหนูของบ้านด้วยท่าทางงงงวย
"คุณอ้ายยืนทำอะไรอยู่คะ?"
"หืม..อะ..เอ่อ..ปะ..เปล่า พอดีฉันกำลังหากุญแจบ้านอยู่นะ"คุณหนูตัวปลอมอ้อมแอ้มตอบ คนอายุมากกว่าขมวดคิ้วเล็กน้อย..ก่อนเปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบสนิทตามความเคยชิน
"ทำไมต้องหากุญแจด้วยล่ะคะ ทำไมไม่กดกริ่งให้ตาส่วยเปิดประตูให้"แม่บ้านพูดพร้อมกับชี้ไปที่ อินเตอร์คอมข้างกำแพง..ปาริชาตยิ้มรับมึนๆ ก่อนที่คนอายุมากกว่าจะพูดเสริมว่า
"แต่ตอนนี้คุณอ้ายเดินตามอิ่มเข้าประตูเล็กก่อนเถอะค่ะ"
ภายในครรลองสายตา..เธอเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่สไตล์ยุโรป..บ่งบอกฐานะของตระกูลเศวษฐกิจได้เป็นอย่างดี
ขณะที่เอื้อมนางเหม่อมองบ้านหลังใหม่ แม่บ้านที่เดินนำก็หายตัวไปแล้ว ไม่ทันได้ถามทางไปห้องของตน
คำแรกที่ผุดขึ้นมาในหัว..คือซวยแล้วไง ยังดีเมื่อเดินเข้ามาภายในตัวคฤหาสน์ความทรงจำบางอย่างก็วาบขึ้นมาเป็นฉากๆ ผสมกับข้อมูลบางอย่างที่ตรงกับส่วนที่ค้นผ่านอินเทอร์เน็ต
เดิมบนพื้นดินแห่งนี้เป็นเพียงบ้านหลังน้อย ก่อนที่คนเป็นพ่อจะผันตัวเองจากอาชีพนายแพทย์ขึ้นเป็นเจ้าของกิจการโรงพยาบาลเต็มตัว
โดยทุนส่วนใหญ่ก็มาจากตระกูลคุณนายปิ่น..ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ตรงข้ามบ้านจึงเป็นสาขาแรกที่เปิดบริการ อีกทั้งยังเป็นที่ดินของตระกูลฝั่งมารดานั่นเอง
พอคุณธนงเกียรติจับทิศทางธุรกิจได้ถูก..โดยวางตำแหน่งธุรกิจเป็นโรงพยาบาลเอกชนขนาดกลางที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ ซึ่งในช่วงระยะเวลานั้นคู่แข่งที่เป็นโรงพยาบาลเอกชนด้วยกันเองยังน้อย..โรงพยาบาลของตระกูลจึงทำรายได้ก้าวกระโดด จนสามารถขยายสาขาไปทั่วทุกมุมเมือง ลามไปจนถึงเขตปริมณฑล..บ้านหลังน้อย..จึงเปลี่ยนเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่ตามฐานะที่สูงขึ้น
จากความทรงจำที่วาบเข้ามา..ห้องนอนใหม่ของปาริชาตนั้นอยู่ชั้นสาม และอยู่ฝั่งเดียวกับเด็กแฝดทั้งสอง..คนตัวเล็กหันซ้ายแลขวาก่อนจะเดินไปยังลิฟต์ที่อยู่ฝั่งเดียวกัน
ภายในห้องนอนของหญิงสาว..เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนตกแต่งด้วยโทนสีขาวทองดูหรูหรา กลางห้องมีเตียงใหญ่ขนาดหกฟุต คนตัวเล็กโยนกระเป๋าแบรนด์เนมหรูลงบนที่นอน ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนด้านข้างอย่างคนหมดแรง..จริงอยู่ร่างนี้แข็งแรงกว่าร่างเก่า ทว่าตัวเธอก็พึ่งพ้นจากอาการป่วยไข้จึงหลงเหลืออาการอ่อนเพลียไม่น้อย
ความตั้งใจแรกเริ่มที่จะงีบเอาแรง..กลับกลายเป็นผล็อยหลับโดยไม่รู้ตัว
จวบจนเสียงที่นอนยวบลง..พร้อมกับน้ำหนักตัวด้านข้างลำตัว ส่งผลให้คุณหนูตัวปลอมสะดุดตื่น..อาจเพราะเผลอนอนหลับไปหลายชั่วโมง บรรยากาศรอบด้านจึงเงียบสงัด
เห็นเพียงแต่เงาเฟอร์นิเจอร์รางๆ จากแสงจันทร์ที่ส่องลอดม่านเข้ามา คนตัวเล็กผินหน้าไปมองที่มาของเสียง..เงาตะคุ่ม ที่มาพร้อมกับลมหายใจอุ่นๆ..ส่งผลให้ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง ก่อนที่ร่างบางจะกระโจนลงจากเตียงนอนแทบไม่ทัน
"ทำอะไรของเธอ..หืม..อ้าย"เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าทักขึ้น เจ้าของห้องคนใหม่แต่ร่างเดิมรีบเดินไปเปิดไฟทันที
ภาพที่เห็นคือชายหนุ่มสุดหล่อที่กำลังลุกขึ้นนั่งบนเตียง มือใหญ่ขยี้หูขยี้ตา พร้อมกับหาวใส่เธอซะงั้น..เอื้อมนางถึงกับพูดไม่ออก
จะบอกว่าเขาเป็น 'หัวขโมย' ก็คงไม่ใช่..เพราะคงไม่มีโจรที่ไหนที่จะเรียกชื่อเธอได้ถูก
"นะ..นายเป็นใครกัน..เข้ามาในห้องฉันได้ยังไง?"
"หึ..พูดบ้าอะไรของเธอนะอ้าย มานอนดีๆ ดิ เราง่วงแล้ว"ไอ้คนหน้าหล่อผู้เป็นแขกไม่ได้รับเชิญ เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด มือใหญ่เปลี่ยนมาเสยผมอย่างรำคาญเล็กน้อย
"นอน?"
"อือ..หรือว่าที่ตื่นนี้ เพราะเหนียวตัว?"ดวงตาคมกริบกวาดตามองเจ้าของห้องตั้งแต่หัวจรดเท้า..เล่นเอาคนแอบนอนทั้งที่ยังไม่ทันได้อาบน้ำหน้าร้อนเห่อ
แต่นั้นก็เรื่องของเธอมั้ย? เธอจะนอนทั้งที่ไม่ได้อาบน้ำมันก็เรื่องของเธอ..ว่าแต่อีตาบ้านี่เป็นใครก่อน
"หรือว่าหิว?" เมื่อเพื่อนสาวยังคงเงียบ คำถามจึงถูกยิงมาต่อเนื่อง
"งั้นเดี๋ยวตงไปหาไรให้กิน..อ้ายไปอาบน้ำรอพลางๆ ก่อนละกัน"ไม่ทันให้คนตัวเล็กปฏิเสธ..ผู้ชายตัวโตในเสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นก็เดินออกจากห้องไปราวกับเป็นบ้านของตัวเอง!
ปาริชาตตัวปลอมรีบวิ่งหน้าตื่นไปล็อกประตูห้องทันที ก่อนร่างบางจะเดินมาทิ้งตัวนั่งทึ้งศีรษะตัวเองอยู่ตรงปลายเตียง
บ้านนี้มันอะไรกันแน่เนี่ย...มีแต่คนแปลกๆ หล่อนจะบ้าตายอยู่แล้วนะ!!
ทว่าพอเวลาผ่านไปราวๆ สิบห้านาที..แขกไม่ได้รับเชิญหน้าหล่อก็มาเคาะประตูหน้าห้อง..เล่นเอาเจ้าของห้องตัวปลอมสะดุ้งโหยง
"เห้ย..อ้ายเธอทำบ้าอะไรของเธออีกเนี่ย เปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!"
พอคนในห้องยังเงียบ...คนตัวโตด้านนอกชักร้อนใจ...เสียงเคาะประตูจึงเปลี่ยนเป็นเสียงทุบประตูดังลั่นแทน
"อ้าย!! ตงบอกให้เปิดประตูไง"น้ำเสียงชายหนุ่มเริ่มร้อนรน..สักพักเสียงเคาะประตูที่ว่าจึงค่อยๆ เงียบหายไป
เอื้อมนางถึงกับถอนหายใจโล่งอก บ้านหลังนี้มันแปลกไปแล้ว!!!
ทว่าก็เพียงครู่เดียวเสียงก๊อกแก๊กตรงประตูก็ดังขึ้น ส่งผลให้คนตัวเล็กถึงกับเบิกตากว้าง
เมื่อไขประตูได้..ร่างสูงใหญ่รีบถลาเข้ามาในห้องทันที..มือของคนตัวโตเข้ามาจับต้นแขนของหญิงสาวพลิกตัวเจ้าหล่อนไปมา..ราวกับจะหาร่องรอยบางแผล..ก่อนจะถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นเนื้อตัวสาวไร้รอยขีดข่วนใดๆ
ทว่าริ้วความโกรธรุนแรงที่เธอไม่ค่อยเข้าใจก็กระแทกใส่เต็มแรง..ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของชายแปลกหน้าบูดบึ้ง..ดวงตาคมกริบแข็งกร้าว..ก่อนคำสถบหยาบคายจะผุดออกมา..ให้คนโดนว่าตัวแข็งทื่อ
"เธอเป็นเหี้ยอะไรอีกห๊ะอ้าย!!!"
"..."
“แล้วเนี่ยทำไมยังไม่ไปอาบน้ำอีก?”
“…”
“เงียบ? หรือว่าอ้ายงอนที่เราไม่ได้ไปรับที่โรงพยาบาล”น้ำเสียงชายหนุ่มที่ชื่อว่า ‘ตง’ ติดจะเครียด ก่อนที่ไอ้คนพูดเองเออเองจะคว้าแขนเจ้าของห้องให้มานั่งโซฟารับแขก..ใบหน้าหล่อเหลามุ่นเล็กน้อย ปาริชาตตัวปลอมถึงกับหน้าเหวอ
“เห้อ เลิกงอนได้แล้ว..ก็อ้ายไม่โทรหาตง..ตงไลน์ไปก็ไม่ตอบ แล้วตงจะรู้มั้ย..ว่าอ้ายจะกลับตอนไหน”
“คือ...”
“นั่งรอตรงนี้ก่อนละกัน เดี๋ยวเราไปเอาข้าวต้มกุ้งมาให้” พูดจบขายาวๆ ก็จ้ำอ้าวออกไปหน้าห้อง และเข้ามาพร้อมถาดใส่ข้าวต้ม..ปากไอ้ผู้ชายตรงหน้าก็ยังพร่ำบ่นไม่หยุด
“เคยบอกหลายครั้งแล้วใช่มั้ย ว่าอย่าล็อกห้อง..ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาใครจะช่วยทัน”
...
ยัยน้องของเราจะโบ๊ะมั้ยยยยย แล้วผู้ที่อยู่ๆ โผล่มานี่อีก...อะไรยังไงกันเนี่ยยยย