บทที่ 6 ควบคุมน้องสาวของสามี
ทะเลาะกันเสร็จคราวนี้ พระอาทิตย์ก็ขึ้นสูงแล้ว
เฉิงเทียนหยวนไปตัดฟืนต่อ ส่วนแม่เฉิงรีบไปทำอาหารกลางวันที่ครัว
เซวียหลิงก็ไม่ได้ว่าง ช่วยยกฟืนเข้าไปในห้องครัว เห็นหลิวอิงแม่สามีกำลังถูมืออย่างลำบากใจอยู่ในครัว เห็นตัวเองเดินเข้าไป ก็รีบหันข้างบังเอาไว้
เธอแอบรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติ ฉวยโอกาสตอนวางฟืน เหลือบมองหญิงชราต้มข้าวต้มสองหม้อ หม้อหนึ่งมีแค่น้ำข้าว อีกหม้อหนึ่งเป็นข้าวต้มใกล้แห้ง แอบยกน้ำข้าวไปที่ห้องของตัวเอง
เซวียหลิงแอบรู้สึกสงสารอย่างอดไม่ได้
หญิงชราตั้งใจจะแอบดื่มน้ำข้าว แล้วเหลือข้าวต้มให้เธอกับเฉิงเทียนหยวนกิน
หลิวอิงเด็ดผักใบเหลือง พลางยิ้มใจดีพูดขึ้น "รอแม่ผัดอาหารก่อน อีกแป๊บเดียวก็กินได้แล้ว"
เซวียหลิงพยักหน้า เดินไปที่ห้องตัวเอง เปิดกล่องสินสอดทองหมั้น แล้วหยิบเนื้อตากออกมาหนึ่งถุง
"แม่ นี่เนื้อตากที่พ่อฉันแดดเดียวเอง ให้ฉันเอามาให้คุณแม่กับพ่อลองชิมค่ะ"
ตระกูลเฉิงใช้ชีวิตลำบากยากแค้นมาโดยตลอด ช่วงเทศกาลหรือวันปีใหม่ถึงจะได้กลิ่นหอมของเนื้อบ้าง หลิวอิงแอบกลืนน้ำลาย ปฏิเสธแบบอ้อมๆ ว่าเนื้อตากเยอะขนาดนี้ มันแพงเกินไปแล้ว
เซวียหลิงจงใจพูดขึ้น "ที่บ้านฉันคนน้อย แดดเดียวไว้เยอะมาก บางครั้งกินไม่หมดก็เสียดายของ พ่อฉันยังบอกฉันอีกว่า ต่อไปช่วงเทศกาลหรือวันปีใหม่จะส่งมาให้เรา ให้เราช่วยกินค่ะ"
หลิวอิงฟังจบ ก็วางใจในที่สุด
"งั้น......งั้นแม่จะเอาไปต้มสักชิ้น วันนี้อาหยวนก็อยู่บ้าน ให้เขากินเนื้อสัตว์บ้าง"
หลังจากนั้นสักพัก กลิ่นหอมของเนื้ออันเย้ายวนก็ลอยออกมาจากห้องครัว
เฉิงเทียนหยวนสับฟืนอยู่ที่ลานบ้านตลอด เซวียหลิงเดินเข้าเดินออก ถึงเขาจะไม่ได้เงยหน้า และไม่ได้เอ่ยปาก แต่ก็รู้อย่างชัดเจน
นี่เธอทำอะไร? เอาใจใส่คนในบ้านอย่างต่อเนื่อง?
ภาพที่เธอด่าและโวยวายใหญ่โตเมื่อวานยังคงชัดเจน หรือเพราะเมื่อคืนเขาออกตัวขอหย่ากับเธอ เธอก็เลยดีใจ? รู้สึกผิด?
คิดถึงตรงนี้ ส่วนลึกหัวใจเขาก็เกิดความอึดอัด
เซวียหลิงเห็นในห้องค่อนข้างสกปรก จึงหยิบไม้กวาดเข้าไปทำความสะอาด
ทำความสะอาดได้ครึ่งเดียว ทางห้องครัวก็มีเสียงผู้หญิงฉุนเฉียวดังขึ้น "แม่! เรามีเนื้อตากชิ้นเดียว พี่เหมยเป็นคนให้ฉันมา! แม่ต้มมันหมดได้ยังไง?"
เซวียหลิงเลิกคิ้ว----เฉิงเทียนฟาง?!
เฉิงเทียนหยวนมีน้องสาวคนหนึ่งชื่อเฉิงเทียนฟาง ตอนเด็กกว่าเธอหกปี ปีนี้อายุสิบสี่
เมื่อคนทั้งสองครอบครัวย้ายออกจากปากซอยต้าหูถง แม่เฉิงก็ท้องลูกคนหนึ่ง หลังจากกลับมาถึงหมู่บ้านตระกูลเฉิงก็คลอดลูกสาวตัวน้อยคนนี้
เฉิงเทียนฟางไม่ชอบเรียนหนังสือ คุยเล่นกับพวกคุณน้าคุณป้าในหมู่บ้านทั้งวัน เลิกเรียนกลางคันตั้งแต่เด็ก คิดทุกวันว่าอยากแต่งงานในเมืองใหญ่เป็นคุณนายครอบครัวเศรษฐี
เฉิงเทียนหยวนเขียนจดหมายโน้มน้าวเธอ เอาเงินเก็บที่ประหยัดอดออมส่งให้เธอไปเรียนหนังสือ แต่เธอมักจะโดดเรียนอยู่บ่อยๆ เดินเตร็ดเตร่ต้นหมู่บ้านท้ายหมู่บ้านทั้งวัน
ชาติที่แล้ว เฉิงเทียนฟางไม่ชอบเซวียหลิงมากๆ พูดจาไร้ความปรานี แถมชอบฟ้องพี่ใหญ่ของเธอ พูดว่าร้ายเซวียหลิง
ไม่เพียงเท่านี้ เธอยังแพร่ข่าวลือกับคนในหมู่บ้านด้วยว่าเซวียหลิงเป็นโรค จนเซวียหลิงถูกหลายๆ คนแอบด่า
เซวียหลิงเป็นอารมณ์ร้อนปากร้าย จะทนโกรธได้ที่ไหน ทะเลาะกับเฉิงเทียนฟางวันละสามมื้อ โวยวายจนบ้านไม่สงบ พ่อแม่สามีซื่อๆ ก็ถูกโกรธจนร้องไห้ไปหลายครั้ง
เฉิงเทียนฟางยังคงเอะอะโวยวายในห้องครัว "แม่! เนื้อตากอันนั้นของฉันนะ! แม่กับพี่ทำเกินไปแล้ว! จะต้มเนื้อตากฉันก็ไม่บอกสักคำ ฉันไม่ยอมนะ!"
หลิวอิงอธิบายอย่างอ่อนโยน "หนู นี่ไม่ใช่เนื้อตากชิ้นนั้นของเธอ พวกนี้เป็นเนื้อตากที่พี่สะใภ้เธอเอามาจากในเมือง เป็นครั้งแรกที่พี่สะใภ้เธอมากินข้าวกับพวกเรา กลางวันต้องกินดีๆ สักมื้อ"
เฉิงเทียนฟางฟังแล้วรู้สึกโกรธ พูดด้วยความฉุนเฉียว "ขนาดนั้นเลยเหรอ? ไม่ได้มีแค่เธอนะที่มีเนื้อตาก ภูมิใจทำไม? ทำไมแม่ต้องดีกับเธอขนาดนั้นด้วย? แม่คือแม่สามี เธอสิควรทำดีกับแม่!"
หลิวอิงรีบทำท่าชู่ว์ให้เงียบ
"หนู อย่าพูดส่งเดช"
เฉิงเทียนฟางทำเสียงฮึดฮัด เบือนหน้าหนีไม่พูดอะไร
เธอคือลูกสาวคนเล็กในครอบครัว พี่ชายโตกว่าเธอสิบเอ็ดปี ยอมเธอทุกอย่าง
ต่อมาเฉิงเทียนหยวนไปทำงานในอำเภอ ที่บ้านก็มีแค่เธอที่เป็นวัยรุ่น พ่อแม่ก็รักเธออยู่แล้ว เธอเลยถูกเลี้ยงจนมีนิสัยเสียเอาแต่ใจและหยิ่งผยอง
เซวียหลิงจำได้รางๆ ว่าชาติที่แล้วเฉิงเทียนฟางชอบไปนู่นไปนี่ตลอดเวลา โดนนักเลงในเมืองล่วงละเมิดทางเพศ สุดท้ายก็ขายเธอให้เป็นเมียใครสักคนในภูเขาทางเหนืออย่างโหดเหี้ยม มีชีวิตที่อนาถมาก
บางทีเธออาจจะต้องเตือนพ่อแม่สามีไว้ก่อน หวังว่าจะช่วยชีวิตหล่อนได้
เซวียหลิงทิ้งขยะ ล้างมือแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว
"แม่ ให้ฉันช่วยนะ"
หลิวอิงเห็นเธอก็หน้าถมึงทึง หันหลังวิ่งออกไปเดินเล่น จนถึงเวลากินข้าวถึงจะกลับมากิน
เซวียหลิงวางชามและตะเกียบเรียบร้อย เฉิงเทียนหยวนช่วยเสิร์ฟอาหาร
หลิวอิงยิ้มแล้วพูดว่า "สุขภาพร่างกายพ่อไม่ดี เขาต้องกินในห้อง แม่จะไปอยู่กับเขาข้างใน พวกเธอคู่รักหนุ่มสาวกินด้วยกันเถอะ"
เซวียหลิงฟังออกทันที นึกถึงน้ำข้าวเจือจาง ก็รีบส่งสายตาให้กับเฉิงเทียนหยวน
"เราเข้าไปกินกับพ่อแม่กันเถอะนะ"
เฉิงเทียนหยวนนึกถึงร่างแม่ยกชามน้ำข้าวเงียบๆ เมื่อครู่นี้ทันที ก็เดาออกได้อย่างรวดเร็ว
"โอเค ยกกับข้าวเข้าไปกันเถอะ"
หลิวอิงกับพ่อเฉิงเห็นว่าปกปิดไม่ได้แล้ว ก็รีบซ่อนน้ำข้าว
เฉิงเทียนฟางวิ่งกระโดดเข้ามา หยิบตะเกียบขึ้น คีบเนื้อตากชิ้นใหญ่ที่สุดเข้าปากทันที
เฉิงเทียนหยวนจ้องมองเธอ "ก่อนกินข้าวไม่ต้องล้างมือเหรอ?"
"อ่อ......" เฉิงเทียนฟางวิ่งออกไปล้างมือ กลับมาก็กินเนื้อตากอย่างต่อเนื่อง
เซวียหลิงช่วยตักเนื้อตากและกับข้าวให้พ่อเฉิงและแม่เฉิง แล้วตัวเองค่อยเริ่มกิน
เฉิงเทียนหยวนเห็นท่าทางเอาใจใส่ของเธอ แล้วมองน้องสาวที่กินคนเดียว ใบหน้าหล่อเย็นชาก็บูดบึ้ง
หลังกินข้าวอิ่ม เซวียหลิงก็ช่วยแม่สามีทำความสะอาดโต๊ะอาหาร
เฉิงเทียนฟางกำลังแคะฟัน นั่งไขว่ห้าง แล้วพูดเสียงฮึดฮัด "แม่ แม่มีลูกสะใภ้แล้ว เพลิดเพลินความสุขได้แล้ว! งานพวกนี้ให้พี่สะใภ้ทำก็พอ!"
หลิวอิงแอบจ้องเขม็งเธอ แล้วก้มหน้าทำความสะอาดต่อ
เซวียหลิงเห็นสีหน้าเฉิงเทียนหยวนไม่ดีแล้ว กลั้นไว้ไม่ให้เกิดโทสะ
ดูเหมือน มีคนช่วยเธอจัดการ "เสี่ยวกูจื่อ*" ตัวแสบคนนี้
เฉิงเทียนฟางเห็นแม่ตัวเองไปล้างจาน ก็ด่าสาดเสียเทเสียทันที
"พี่! พี่ไม่ว่าพี่สะใภ้ล่ะ! ทำไมให้แม่ไปล้างจาน? ดูพี่สะใภ้ขี้เกียจของพี่สิ!"
"หุบปาก!" เฉิงเทียนหยวนดุด่าด้วยเสียงเย็นชา "พูดแบบนี้ได้ยังไง!"
พ่อเฉิงทำหน้าตึงเครียด แล้วพูดเสียงเข้ม "อาฟาง งานในบ้านไม่ได้แบ่งว่าใครเป็นคนทำ พี่สะใภ้เธอขยันมากนะ ยุ่งมาตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงตอนนี้ ดูเธอสิ นอนจนพระอาทิตย์ขึ้น ออกไปเล่นไม่หยุดจนกลับบ้านมาทันกินข้าวเที่ยง!"
หลิวอิงยิ้มขอโทษขอโพยเซวียหลิงซ้ำไปซ้ำมา แล้วพูดเสียงอ่อนโยน "หลิงหลิง อาฟางยังเด็ก ไม่รู้ประสีประสา เธออย่าใส่ใจที่น้องพูดส่งเดชเลยนะ"
เซวียหลิงยิ้มนิดๆ ส่ายหน้า แล้วพูดขึ้น "พ่อแม่ พวกท่านไม่ต้องห่วงนะคะ ฉันไม่ทะเลาะกับเธอหรอกค่ะ"
"งั้นก็ดี! งั้นก็ดี!"
"ใครอยากทะเลาะกับเธอ?! ฉันโกรธแล้ว! ฉันไม่สนใจพวกท่านแล้ว!" เฉิงเทียนฟางกระทืบเท้า แล้วรีบวิ่งออกไปจากประตู
เฉิงเทียนหยวนขมวดคิ้วแน่น แอบรู้สึกว่าน้องสาวคนนี้มีปัญหาค่อนข้างมาก
"พ่อครับ แม่ครับ หลังจากอาฟางไม่เรียนหนังสือแล้วก็ชอบไปนู่นไปนี่ แบบนี้ไม่ได้นะ"
พ่อแม่ชอบลูกคนเล็ก หลิวอิงกับเฉิงมู่ไห่ก็ไม่ยกเว้น ถอนหายใจแล้วพูดว่าเธอยังเด็ก
เซวียหลิงเห็นดังนั้น ก็ถือโอกาสพูดขึ้น "อายุสิบสามสิบสี่ ก็เป็นเด็กวัยรุ่นแล้ว ตอนนี้พวกค้ามนุษย์มีเยอะมาก ชอบมาหลอกสาวน้อยในชนบท อายุประมาณนี้จะชอบโดนหลอกง่ายที่สุดนะคะ เราต้องคอยดูแลน้องให้มากๆ"
พ่อเฉิงกับแม่เฉิงตกใจกลัว รู้สึกว่าเธอพูดมีเหตุผล
"ไม่กี่วันก่อน ลูกสาวบ้านหนึ่งในหมู่บ้านตระกูลโอวหยางก็โดนหลอกจับตัวไป! หาอยู่หลายเดือน ไม่มีข่าวเลยด้วย"
เฉิงเทียนหยวนทำหน้าบูดบึ้งแล้วพูดขึ้น "ตอนบ่ายก็หางานสบายๆ ให้เธอทำ เงินเท่าไรไม่สำคัญ ยั้งเธอไว้ได้ก็พอ"
ช่วงปีที่ผ่านมานี้พ่อเฉิงล้มป่วย เฉิงเทียนหยวนก็กลายเป็นเสาหลักของครอบครัว
เขาวางแผนแบบนี้ พ่อแม่ก็จำเป็นต้องเห็นด้วย