บทที่ 2 คืนแต่งงาน
คราวนี้ เธอจะไม่ทำอะไรโง่ๆ อีกแล้ว
เซวียหลิงเบ้ปาก ปรับโทนเสียงให้อ่อนลง
"เมื่อกี้ฉันงงอยู่ ก็เลยพูดจาเกินไป เราสมรสกันแล้ว ทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันแล้ว เป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการ คืนนี้คือคืนแต่งงานของเรา นายไปนอนข้างนอก ถ้ามันแพร่กระจายออกไปจะขายหน้าแค่ไหน!"
เฉิงเทียนหยวนผลุบดวงตาเย็นชาลง ปลายจมูกทำเสียงฮึดฮัด "เธอยังกลัวขายขี้หน้าอีกเหรอ? ก่อนหน้านี้เธอโวยวายใหญ่โต ถึงจะมีเกียรติ เธอก็ทำลายมันไปจนหมดแล้ว!"
เซวียหลิงรู้ตัวว่าก่อนหน้านี้ทำเกินไป อยากให้เขาให้อภัยโดยทันทีมันเป็นไปไม่ได้
เธอกดเสียงทุ้ม "ถึงจะขายหน้าไปแล้วก็พยายามแก้ตัวไม่ได้เหรอ? ฉันขายขี้หน้าไปแล้ว นายก็อยากด้วยหรือไง? คืนนี้ถ้านายไปนอนข้างนอก คนที่จะขายหน้าจริงๆ ก็มีแต่นาย"
เฉิงเทียนหยวนตกตะลึงเล็กน้อย ถึงปากจะไม่พูด แต่ในใจต้องยอมรับว่าเธอพูดมีเหตุผล
คนทั้งหมู่บ้านตระกูลเฉิงรู้กันหมดว่าวันนี้เขาแต่งงาน และผู้ที่แต่งด้วยคือสาวจากเมืองหลวง
ตามกฎการแต่งงานที่นี่ คู่บ่าวสาวทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินแล้วก็เข้าเรือนหอ เช้าวันต่อมาญาติสนิทมิตรสหาย ชาวบ้านในหมู่บ้านก็จะมาหาเจ้าสาวเพื่อรับขนมมงคลกิน
ถ้าให้คนตาดีพบว่าเขาไปนอนที่ห้องเก็บฟืนในคืนแต่งงาน ไม่แน่มันอาจแพร่กระจายจนรู้ทั้งหมู่บ้าน จะต้องขายหน้ามากแค่ไหน
เกียรตินี้ เขาเสียมันไปไม่ได้จริงๆ
ชาติที่แล้วเซวียหลิงทำงานเป็นประธานหญิงบริษัทมายี่สิบกว่าปี ได้ฝึกฝนการมองอันเฉียบแหลมมานานแล้ว
เห็นเขาเริ่มผ่อนคลาย ก็รีบหาทางเกลี้ยกล่อมเขา
"ยังไงเตียงมันก็ใหญ่ นายนอนฝั่งหนึ่ง ส่วนฉันนอนอีกฝั่งหนึ่ง"
เฉิงเทียนหยวนยังคงรู้สึกเหยียดหยาม พูดเสียงเรียบ "ในเมื่อตัดสินใจจะหย่าแล้ว งั้นก็อย่ายุ่งยากนักเลย ฉันจะไปนอนโซฟาไม้ตรงนั้น"
เธอดูถูกตน ไม่อยากใช้ชีวิตกับตน เขาก็จะหาโอกาสหย่ากับเธอ
ยังไงก็รู้จักกัน ตอนเด็กเป็นเพื่อนบ้าน เขาจะคลุมเครือกับเธอไม่ได้ สักวันเธอจะเจอความสุขของตัวเองในอนาคต จะไม่ให้อีกฝ่ายดูถูก
เซวียหลิงฟังจบแล้ว ในดวงตาก็ไร้สี แต่ส่วนลึกภายในใจกลับยากที่จะซ่อนความประทับใจ
อย่าดูถูกคนยากจน ชาติที่แล้วเธอดูถูกที่เขายากจนและไม่มองการณ์ไกล ถูกลูกผู้พี่ทำให้ลุ่มหลงและคะยั้นคะยอเลยหนีออกจากตระกูลเฉิง
จนกระทั่งหลายสิบปีต่อมา เธอถึงได้รู้ว่าชายคนนี้มีความรับผิดชอบ สุดท้ายก็ใจกว้างให้อภัยเธออีกด้วย ดูแลเธอจนเสียชีวิตด้วยโรคภัย
ในตอนนี้เทียบไม่ได้กับโลกที่เต็มไปด้วยแสงสีในอนาคต โดยเฉพาะอยู่ในเขตชนบท การถือพรหมจรรย์ของหญิงสาวยังถูกมองว่าสำคัญมาก
ถึงแม้เธอจะเอ่ยปากก่อน เขายังต้องขีดเส้นชัดเจนกับตัวเอง เพื่อไม่ให้ความบริสุทธิ์เธอปนเปื้อน ให้เธอสามารถแต่งงานกับผู้อื่นในอนาคตได้อย่างราบรื่น
ผู้ชายคนนี้ ใจเย็นและเจียมเนื้อเจียมตัว ใจดีและมีความรับผิดชอบ เป็นลูกผู้ชายตัวจริง
เธอมองสำรวจชายหนุ่มที่ทำความสะอาดโซฟาไม้ แล้วแอบตัดสินใจ
เฉิงเทียนหยวน อย่าไปคิดเลย ยังไงฉันก็จะพึ่งพานายตลอดชีวิตนี้!
ในค่ำคืนอันมืดมิด ในบ้านอิฐดินมีโคมระย้าอันเดียวส่องสว่างอยู่ สีเหลืองสลัวไม่ชัดเจน
คู่บ่าวสาวแยกที่กันนอนภายในห้อง คนหนึ่งนอนเตียง คนหนึ่งนอนโซฟา
ก่อนหน้านี้เซวียหลิงนั่งรถต่อรถมาหลายวัน กลางทางสั่นโคลงเคลงอย่างมาก หลังจากอาบน้ำเสร็จหัวแตะหมอนก็หลับทันที
เฉิงเทียนหยวนบนโซฟาไม้พลิกไปมานอนไม่หลับ คิดถึงแผนการทำมาหากินของครอบครัวในอนาคต คิดว่ากำลังจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์เลวร้ายที่แก้ไขไม่ได้ ในใจก็วุ่นวาย
คราวนี้คุณพ่อป่วยหนักมาก หมอในอำเภอออกหนังสือแจ้งอาการป่วยหนักแล้วด้วย โชคดีที่ช่วยเหลือได้ทัน คุณพ่อเลยได้ชีวิตกลับมา
ค่าจ้างครึ่งปีแรกของเขาใช้ไปกับค่ารักษา ญาติและผองเพื่อนที่สามารถให้ยืมเงินได้ คุณแม่ก็ไปยืมมาหมด รวมกับที่ยืมในอดีต ก็เป็นหนี้รวมๆ แล้วหนึ่งพันกว่าหยวน
แต่งงานครั้งนี้ยืมมาอีกหนึ่งร้อยหยวน แปดสิบแปดหยวนใช้เป็นค่าสินสอด นั่งรถไปจดทะเบียนสมรสในเมืองใช้อีกสิบหยวน ส่วนอื่นๆ จ่ายไม่ไหวแล้ว ได้แต่หน้าด้านไปปรึกษากับพ่อตาตระกูลเซวีย
โชคดีที่พ่อตามีเหตุผลมาก ให้พวกเขาแต่งงานอยู่ด้วยกันก็พอ เรื่องอื่นไม่เป็นไร
ตอนนี้ครอบครัวยากจนข้นแค้น เขาต้องรีบหาเงิน ให้แม่ใช้สำหรับค่าใช้จ่ายในบ้าน แบบนี้เขาถึงจะกลับไปทำงานที่อำเภอได้อย่างสบายใจ
สองวันนี้เขาต้องหาวิธีจัดการในบ้านให้เรียบร้อยก่อน......
ค่ำคืนเงียบสงบมาก หญิงสาวบนเตียงมีเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ และไม่รู้ว่าได้รับเชื้อจากเธอหรือเปล่า เขาก็ผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
......
เช้าตรู่วันต่อมา ข้างนอกมีเสียงตัดฟืนดังขึ้น
เฉิงเทียนหยวนลืมตาขึ้น รีบลุกขึ้นแต่งตัว ทำความสะอาดโซฟาไม้ จากนั้นก็เข้าห้องน้ำด้านหลังเพื่อไปล้างหน้าแปรงฟัน
ตอนเขาเดินกลับมา เซวียหลิงยังไม่ตื่น
เดิมทีเฉิงเทียนหยวนไม่อยากสนใจเธอ แต่คิดว่าอีกเดี๋ยวญาติและเหล่าชาวบ้านจะมาเยี่ยมเจ้าสาวที่บ้าน จึงจำเป็นต้องเดินไปที่ข้างเตียงใหญ่
"เซวียหลิง! เซวียหลิง! รีบตื่น!"
เซวียหลิงบนเตียงยังคงนอนหลับอย่างงัวเงีย ได้ยินเสียงของเขา ก็พึมพำถามขึ้น "ฟ้ายังไม่สว่างเลยไม่ใช่เหรอ?"
เฉิงเทียนหยวนพูดเสียงเข้ม "ข้างนอกสว่างแล้ว รีบลุก! เดี๋ยวจะมีหลายคนมารับขนมมงคล เธอรู้ใช่ไหมว่าควรทำยังไง?"
ในที่สุดเซวียหลิงก็ตื่นขึ้นบ้างแล้ว กระเด้งนั่งขึ้นมาทันที
"ทำยังไงอ่า?"
เธอสวมชุดนอนตัวบาง คอเสื้อกว้าง เผยให้เห็นลำคอและไหล่ขาวหิมะค่อนข้างเยอะ ผมเผ้าค่อนข้างยุ่งเหยิง ดวงตากลมโตงัวเงีย ริมฝีปากเชอร์รี่เบะขึ้นมา ไม่ได้เอาแต่ใจและปากจัดเหมือนเมื่อวาน มีเสน่ห์และน่ารักขึ้นเยอะ
เฉิงเทียนหยวนเห็นแล้วตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง
เซวียหลิงขยี้ตา คิดว่าเขาไม่ยอมตอบ จึงอธิบายด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "ฉันไม่รู้ประเพณีการแต่งงานของพวกนายที่นี่ นายบอกฉันหน่อยสิ"
เฉิงเทียนหยวนได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว หันใบหน้าหล่อเย็นชาไป หลบเลี่ยงไม่อยากมองอีก
"ไม่ซับซ้อน เจ้าสาวแค่รับผิดชอบการเสิร์ฟขนมมงคลและชา ผู้ใหญ่จะดื่มชาเพื่อฉลอง คนอื่นๆ จะแบ่งขนมให้คนละสองลูก"
เซวียหลิงพยักหน้า แล้วลุกขึ้นอย่างว่องไว
"ได้! ฉันรู้แล้ว!"
เธอเร่งรีบกระโดดลงมา สวมเสื้อโค้ต พับผ้าห่มอย่างรวดเร็วเสร็จ ก็สวมรองเท้ารีบเดินไปล้างหน้าแปรงฟัน
เฉิงเทียนหยวนรู้สึกประหลาดใจอย่างอดไม่ได้
เมื่อก่อนพ่อตาตระกูลเซวียบอกว่าเธอโตมาด้วยการปรนเปรอและเอาใจ จะมีปัญหานิดๆ หน่อยๆ โดยเฉพาะชอบไม่ลุกจากเตียง บางครั้งก็ช้าครึ่งชั่วโมงกว่า ต้องให้เขากระตุ้นเธอเยอะๆ อย่าให้เหล่าญาติเห็นแล้วหัวเราะเยาะ
เขาจะรู้ได้ยังไงว่าเซวียหลิงในตอนนี้กลับเนื้อกลับตัวใหม่แล้ว ชีวิตยุ่งวุ่นวายตลอดปี ฝึกฝนให้เธอได้นิสัยดีมาโดยไม่กล้าเสียเวลาแม้แต่นิดเดียว
แปรงฟัน ล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า หวีผม เสร็จเรียบร้อยภายในห้านาที จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินออกมา
ในเวลานี้ ท้องฟ้ายังคงสว่าง เฉิงเทียนหยวนตัดฟืนอยู่ในลาน ในห้องครัวมีเปลวไฟ แต่ไม่มีใครอยู่ในนั้น
เซวียหลิงเดินไป เก็บฟืนอย่างคล่องแคล่ว มัดมันแล้วหอบไปที่ห้องครัว
เฉิงเทียนหยวนเหลือบเห็นแผ่นหลังตระหง่านของเธอ ก็แอบประหลาดใจที่สาวบอบบางเมืองกรุงอย่างเธอ จะริเริ่มทำงานที่ใช้แรงงาน
เซวียหลิงเห็นไฟในเตากำลังจะมอด ก็รีบเติมฟืนให้ แล้วเป่ามัน
ไฟในเตาลุกโชนออกมา ฟืนในฤดูใบไม้ร่วงมันแห้ง มันจึงไหม้อย่างรวดเร็ว
เธอเดินออกมาจากห้องครัว แล้วถามเสียงดัง "พี่หยวน น้ำกำลังจะเดือด จะใช้ทำอะไร"
เฉิงเทียนหยวนแผ่นหลังแข็งทื่อเล็กน้อย ตอบว่า "......ใช้ประคบแขนพ่อ เธอไปเรียกแม่มาเอาไปก็พอ"
ตอนเด็กๆ อยู่ที่ปากซอยต้าหูถง เธอเรียกเขาว่า "พี่หยวน" ชอบมาวอแวให้เขาแบกเธอขึ้นหลัง อ้อนให้เขาพาเธอออกไปเล่น หลายปีผ่านไปได้ยินมันอีกครั้ง ก็รู้สึกทั้งคุ้นเคยและไม่สนิทสนม
"เฮ้อ!" เธอรีบเดินไปที่บ้านอิฐดินอีกห้อง