บทที่ 11 นี่พระเอกหรือตัวร้าย 1.1
เหมันต์กระชับแก้วเก็บความเย็นในมือก่อนจะเดินตามหาเจ้าของเพราะเธอคนนั้นลืมเอาไว้บนหลังคารถของเธอ เหมันต์เดินตรวจตราพูดคุยกับผู้จัดการที่นี่เล็กน้อยเพราะวันนี้ต้องการมาออกกำลังกายอย่างเดียว เขาเลยไม่ได้เคร่งเรื่องงานอะไรมากและที่นี่ก็อยู่ตัวอยู่แล้ว ฟิตเนสแห่งนี้เป็นหนึ่งในธุรกิจที่เหมันต์สร้างขึ้นมาด้วยตัวเองไม่รวมกับธุรกิจโรงแรมของตระกูลเพราะเป็นคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายเขาเลยสร้างมันขึ้นมาและคัดสรรทุกอย่างที่ดีที่สุด ทั้งพนักงาน เทรนเนอร์ที่มากไปด้วยประสบการณ์และอุปกรณ์ที่ดีที่สุดและทันสมัยทุกอย่างล้วนผ่านการคัดเลือกจากเขามาเป็นอย่างดี ผลต่างกำไรในแต่ละเดือนก็ไม่น้อยเลยทีเดียวถือว่าคุ้มกับการลงทุน
เมื่อวานเขาก็เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศหลังจากไปติดต่อธุรกิจที่นั่น เกือบเดือนที่เขาหัวหมุนอยู่กับงานที่เข้ามาไม่หยุดกว่าจะจัดการงานได้ก็ทำเอาร่างกายทรุดโทรมลงไปมาก ขนาดมาวันนี้เขายังไม่ได้โกนหนวดเคราเลยด้วยซ้ำส่องกระจกเมื่อเช้าดูหน้าหมองอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายก็เหมือนจะต้องการออกกำลังกาย และคิดไม่ผิดที่เข้ามาวันนี้เพราะคนที่สร้างความแปลกใจให้เขาไม่รู้จบนั้นดันเข้ามาพร้อมกัน หลังจากช็อกกับนิ้วกลางที่ชูให้ในครั้งนั้นทำเอาเขาอึ้งกิมกี่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อนและเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่เขาโดนชูนิ้วกลางใส่แถมยังเป็นคนที่คอยตามเขาติดเป็นเงาตามตัวแสดงตัวตนให้คนอื่นเห็นว่าเธอนั้นมีความสัมพันธ์กับเข้ายังไง
แต่นี่อะไรเธอเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ นั่นคือสิ่งที่เขาคิดในตอนนั้นแต่กลับคราวนี้สิ่งที่ไม่น่าเชื่อสายตาก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ความเปลี่ยนแปลงของผู้หญิงคนนั้นทำเอาเขาตะลึงอย่างไม่เชื่อสายตาในตอนแรกขับรถตามรถคันหนึ่งเข้ามานั้นเขาเพียงรู้สึกคุ้น ๆ กับรถคันนั้นพอเข้าขับเข้ามาจอดข้าง ๆ ก็รอดูคนที่จะลงมาจากรถอยากรู้ว่าเป็นคนที่ทำเขาเอาไว้เจ็บแสบหรือเปล่าในตอนที่ผู้หญิงคนนั้นลงมาจากรถทำเอาเขาขยี้ตาอยู่หลายครั้ง เธอเปลี่ยนไปจนแทบจะจำเค้าเดิมไม่ได้รูปร่างนาฬิกาทรายของเธอทำเอาเขาหายใจสะดุดไปชั่วขณะและในตอนที่เห็นเดินออกห่างจากตัวรถเขาก็กำลังจะลงจากรถแต่พอเห็นเธอหันหลังกลับมาอีกทำเอาเขาตกใจขาที่ก้าวลงมาข้างหนึ่งชักกลับเข้ามาในรถแล้วปิดประตูทันที ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำแบบนั้นไปทำไม เขามองเธอที่กำลังคลานเข่าหาอะไรสักอย่างภายในรถและท่านั้นมันทำเอาเขาถึงกับลืมหายใจ ก้นงอนจนอยากจะขย้ำให้เนื้อปลิ้นยังไม่รวมเอวเว้าเข้ารูปกับหน้าอกขนาดใหญ่และมันเป็นความคิดที่ทำให้เขาตัวชา เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนโรคจิตที่แอบมองผู้หญิงแถมผู้หญิงคนนั้นยังเป็นคนที่เขาเกลียดแต่ถึงอย่างนั้นสายตาไม่รักดีกลับมองเธออย่างไม่วางตาจนเธอเดินลับตาเข้าไปด้านใน
เหมันต์ยังคงเรียกสติที่กำลังฟุ้งซ่านให้กลับเข้าที่ คงเป็นเพราะช่วงนี้นอนน้อยของขาดถึงได้คิดอะไรแบบนี้ สงสัยจะต้องเข้าไปหาเพื่อน ๆ สักหน่อยเพื่อจะหาที่ระบายได้บ้าง หลังจากคิดฟุ้งซ่านอยู่ในรถเขาก็ลงจากรถแต่สายตาดันไปปะทะกับแก้วเก็บความเย็นที่เธอลืมไว้เขาเดินไปหยิบแก้วเก็บความเย็นที่สีสันสะดุดตาแล้วเดินเข้าไปด้านใน ในตอนที่เขาเข้ามายังเห็นเธอยืนคุยอยู่กับพนักงานประชาสัมพันธ์ เขายิ่งนิ่งอึ้งไปใหญ่
การพูดคุยเล่นกับพนักงานนั่นคืออะไรเท่าที่รู้จักเธอมาไม่มีสักครั้งที่ผู้หญิงคนนั้นจะเข้าไปเฉียดคนที่อยู่ต่ำกว่า แล้วไหนจะพูดคุยหยอกล้อกันเล่นนี่อีก มันเกินกว่าคำว่าแปลกไปมากเหมือนกับไม่ใช่ตัวตนของผู้หญิงคนนั้น คนเราจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เลยเหรอนอกจากผีเข้า เหมันต์คิดก่อนจะมองผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาอ่านยาก หลังจากยืนแอบฟังจนผู้หญิงคนนั้นเดินผละออกไปเขาก็ยังได้ยินสองสาวพนักงานพูดเรื่องของเธอไม่หยุด แต่สิ่งที่ได้ยินก็ทำเอาเขายืนขบกรามแน่น เขาไม่ติดที่สองสาวพูดชื่นชมผู้หญิงคนนั้นแต่สายตาที่พวกเธอมองไปที่ผู้หญิงคนนั้นมันดูแปลก ๆ มันเหมือนกับสายตาของผู้ชายที่กำลังมองผู้หญิงสักคนแล้วมันทำให้เขารำคาญตาอย่างถึงที่สุดผู้หญิงพวกนี้เป็นอะไรไปหมด สงสัยจะบ้ากันไปใหญ่
เหมันต์เดินครุ่นคิดหลังจากทิ้งสายตาเชือดเฉือนให้พนักงานแล้วเดินเข้าไปด้านในด้วยอารมณ์ที่ยังไม่เข้าที่
เบลล์ที่เดินเอาสัมภาระเข้ามาเก็บในตู้ล็อกเกอร์เธอหยิบแอร์พอดขึ้นมาใส่หูก่อนจะเปิดเพลงแดนซ์ที่ชื่นชอบ เธอโยกหัวตามจังหวะแดนซ์ปากก็ขยับตามไปด้วย พอมีแอร์พอดใส่อยู่ก็เหมือนกับมีโลกส่วนตัวเธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้ไม่ได้มีเพียงเธอที่อยู่คนเดียว หลังจากเธอเตรียมของเสร็จก็ปิดล็อกตู้ในตอนที่เธอหันมาก็ดันชนเข้ากับร่างใหญ่ของใครบางคน ด้วยความปากไวคำพูดติดปากก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง
"ขอโทษค่..."ทันทีที่เห็นว่าใครอยู่ตรงหน้าคำพูดนั้นก็หายไป เบลล์เบี่ยงตัวออกห่างและเงียบปากเพราะกำลังเจอมารผจญในรูปแบบของคู่หมั้นเพราะไม่อยากจะพูดด้วยเธอจึงคิดจะเลี่ยงและไม่คิดว่าผู้ชายคนนั้นจะจับแขนรั้งเธอไว้อีกครั้งเบลล์ตวัดสายตามองพ่อพระเอกที่ทำตัวแปลก ๆ ปกติต้องหนีเธอไม่ใช่มาจับเธอเอาไว้แบบนี้
"ต้องการอะไร" เสียงแข็งพอ ๆ กับดวงตาถามออกไป เหมันต์ที่มองออกว่าเธอไม่ได้ยินดีที่เจอเขาเท่าไรนัก มือหนายื่นแก้วเก็บความเย็นไปตรงหน้าเธอเห็นเธอ เบลล์ที่เห็นแก้วของเธออยู่ในมือของคู่หมั้นก็รีบคว้ามันและเอาเข้าไปเก็บในล็อกเกอร์ของเธอพลางคิดว่าช่วงนี้ขี้ลืมบ่อยซะจริง เบลล์ทำหน้าหงิกงอไม่คิดจะขอบคุณด้วยซ้ำ
"แล้วไม่คิดจะขอบคุณไม่คิดจะทักทายคู่หมั้นหน่อยเหรอ" เหมันต์ถามด้วยน้ำเสียงยียวนมองใบหน้าที่ดูเหมือนจะกำลังสาปส่งเขา ไม่เจอกันนานเธอน่ามองแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรใบหน้าไร้เครื่องสำอางของเธอเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยอย่างคนสุขภาพดี เครื่องหน้าดูสวยเด่นชัดอย่างไม่ต้องศัลยกรรมเพิ่มไม่น่าเชื่อเพียงแค่เธอน้ำหนักลดก็เหมือนกับว่าเป็นคนละคนและใช่ขนาดคำพูดแต่ละคำที่ออกมาจากปากของเธอยังแตกต่างจากเมื่อก่อน
"คิด.." เบลล์ตอบออกไปแบบทิ้งช่วงพอเห็นสายตาเหมือนกับจะพอใจในคำตอบของเธอ ก่อนที่เธอจะพูดต่อให้จบประโยค
"คิดว่าทำไมวันนี้ถึงซวย" พูดจบเบลล์ก็สะบัดมือออกทันทีแต่ยังไม่ทันที่เธอจะเดินออกมือหนาก็กระชากเธออีกครั้งและครั้งนี้ก็แรงพอที่จะทำให้เธอเข้าไปในอ้อมแขนของเขา เบลล์ร้องอุทานด้วยความตกใจมือบางยกขึ้นดันหน้าอกแกร่งของผู้ชายตรงหน้าที่รู้ว่ามันแข็งอุดมไปด้วยมัดกล้ามเนื้อเพียงใดแต่เธอไม่ควรจะมาพึงพอใจอะไรแบบนี้นะเบลล์ตอนนี้หน้าสิ่วหน้าขวาน เบลล์ที่เกือบหลุดโฟกัสเงยหน้าสบตาที่เต็มไปด้วยความดุดัน ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้แบบนี้ต้องตาต่อฟันต่อฟัน เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปโดยที่เธอเดาไม่ออกหลังจากเธอเขียนบทของเธอเองแต่เธอก็จะไม่ยอมให้พระเอกมาทำร้ายชีวิตนางร้ายที่กำลังจะสุขสงบ เบลล์มองคนแก่กว่าที่ทำหน้านิ่งคิ้วขมวดดูก็รู้ว่ากำลังสะกดกลั้นเพียงใด เป็นไงล่ะเจอคำพูดที่ไม่คิดว่าจะได้ยินละสิพ่อหน้าอ่อน
"นี่เธอจะมากไปแล้วนะเบลล์ฉันแก่กว่าเธอหลายปีให้ความเคารพกันบ้าง" เหมันต์หน้าตึงพูดเสียงเข้มมือหนายังจับมือของเบลล์ยึดไว้ไม่ยอมปล่อยผิดกับแต่ก่อนที่ไม่เคยคิดอยากจะเข้าใกล้ด้วยซ้ำ