บทย่อ
ลืมตาตื่นมาก็ดันมีหลัวซะงั้น แบบนี้มันไม่ได้นะ อย่างน้อยก็ให้โอกาสได้เลือกบ้างสิ มือสังหารอันดับหนึ่งอย่างเธอ จะไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างอยู่ใต้อาณัติใครแน่ จะมีสามีทั้งที ยังไงเธอก็ต้องได้เลือกเอง
1. ค่ำคืนอันหนาวเหน็บ
แสงจันทร์บนท้องนภา พร่าเลือนจนแทบมองไม่เห็น เพราะถูกบดบังจากเงามืดของเมฆสีดำทะมึน ซึ่งลอยมาปิดเป็นระยะ ส่งสัญญาณให้รู้ว่าอีกไม่นานสายฝนคงได้โปรยลงมา
ทว่าดึกดื่นเช่นนี้ ผู้คนล้วนแต่อยู่ในเรือนชานของตนกันทั้งนั้น ไม่มีใครอยากออกมาให้เปียกเล่น เหมือนใครบางคนที่กำลังเดินทอดน่องไปตามเส้นทาง ซึ่งไม่รู้เลยว่าจุดหมายอยู่ที่ใด
“ข้าไม่อยากอยู่แล้ว ฮึก…ใจร้าย…ใจร้ายเหลือเกิน” เสียงตัดพ้อแว่วมาแผ่วเบา เสียงลมที่พัดโหมอยู่ยังฟังชัดกว่าอีก
สองเท้ายังคงก้าวเดินต่อไป จนมาหยุดที่คลองน้ำสายหลักของเมืองหลวงแห่งนี้ จากนั้นก็มีเสียงเรียกแว่วมาแต่ไกล
ทว่าไม่ทันแล้ว เมื่อคนเหม่อลอยไร้สติเกิดคิดน้อยขึ้นมา เจ้าของร่างนี้ไม่ยินดีกลับไปมีชีวิตอดสู่เช่นแต่ก่อนอีกแล้ว ภาพที่เห็นและเสียงที่ได้ยิน มันช่างบีบหัวใจจนไม่อาจทนต่อไปได้อีก
“ข้าไม่ได้พึงใจนางตั้งแต่แรก ที่แต่งเข้ามาก็เพราะท่านพ่อบังคับ แต่ก็ดี เก็บไว้ใช้เป็นไม้กันหมา เอาไว้ข้าถูกใจใครเมื่อใด ค่อยเฉดหัวนางออกจากจวนก็ยังไม่สาย อ่าส์…เบา ๆ หน่อย” ถ้อยคำเหล่านี้มันออกมาจากปากของใต้เท้าหนุ่มหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพร สามีคุณหนูหานซูอัน ซึ่งทั้งคู่พึ่งแต่งงานกันได้แค่ห้าวันเท่านั้น ทว่าตั้งแต่ไหว้ฟ้าดินจบ อีกฝ่ายก็ไม่เคยมาร่วมหอหรือให้นางได้พบหน้าเลย
กระทั่งคืนนี้ที่หานซูอันแอบย่องมาหาเขาถึงเรือนใหญ่ และได้พบกับภาพบาดตาและคำพูดบาดหูจากผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี เขากำลังร่วมรักกับสตรีนางหนึ่งภายในห้อง และไม่ใช่แค่เขาแต่ยังมีสหายหน้าตาดีอยู่อีกมุมของฉากกั้น
นี่จึงเป็นสาเหตุให้นางคิดจบชีวิตตนเอง เพื่อให้คนใจร้ายได้สำนึกเสียบ้าง อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาถูกหลายฝ่ายตำหนิ
เพราะหานซูอัน เป็นถึงบุตรสาวของหมอหลวงอันดับหนึ่งของเมือง ราชวงศ์ทุกพระองค์เชื่อใจมากกว่าขุนนางในราชสำนักเสียอีก นี่จึงเป็นสาเหตุที่จวนสกุลเถาอยากเกี่ยวดองด้วย เพราะตระกูลนี้ผู้คนนับหน้าถือตามาก ทว่าช่วงหลังสุขภาพร่างกายหมอหลวงหานไม่ค่อยดีนัก หากมารับรู้ว่าบุตรสาวกระโดดน้ำเพื่อปลิดชีพตนเองประชดสามี ผู้เป็นพ่อคงได้ตรอมใจตายตามกันไปเป็นแน่ เพราะตระกูลนี้เหลือกันเพียงสองคนพ่อลูกเท่านั้น
“แย่แล้ว ไปแจ้งคุณชายเร็ว” บ่าวของจวนที่วิ่งตามฮูหยินน้อยมารีบร้องตะโกนบอกสหาย ก่อนที่พวกเขาจะกระโดดลงไปช่วยเอาร่างนายหญิงขึ้นมาจากน้ำ ซึ่งมันคงสายไปแล้ว
ร่างเล็กนอนแน่นิ่งไร้ลมหายใจอย่างน่าเวทนา ในมือยังกำปิ่นที่บิดาให้ในวันส่งตัวแน่น ใครดึงมันก็ไม่หลุด
“รีบพาฮูหยินกลับจวนก่อน อย่าเอะอะโวยวายเด็ดขาด ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เฉินหลี่เอ่ย ก่อนจะช้อนอุ้มเอาร่างไร้วิญญาณกลับจวนเพื่อให้ผู้เป็นนายตัดสินใจว่าจะทำเช่นไร หากให้คนรู้ว่าหานซูอันปลิดชีพตนเพราะสามีเป็นเหตุคงไม่ดีนัก
เถาอวี้หรานมองร่างของภรรยาที่พึ่งแต่งเข้ามาด้วยแววตาเศร้า ภายในใจรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยที่ทำให้นางคิดสั้น เขาเองก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าหานซูอันจะอ่อนแอจนรับการกระทำเขาไม่ได้ เรื่องหาความสุขมันเป็นปกติของบุรุษอยู่แล้ว
ภายหน้าเขาก็ต้องแต่งอนุเข้ามา ข้อนี้นางก็รับรู้ แต่เหตุไฉนมาตรอมใจจนปลิดชีพตนเอง เพียงเพราะเขาเอาสตรีจากหอนางโลมมาปรนนิบัติ ซึ่งอันที่จริงคือองค์ชายสี่ต้องการต่างหาก แต่จะให้เขานั่งดูเฉย ๆ มันก็กะไรอยู่ จึงต้องจัดเผื่อตนเองด้วย
หรือเป็นเพราะคำพูดที่เขาเอ่ยกับสหายกันนะ
จนแล้วจนรอดเถาอวี้หรานก็ยังคิดว่าการตัดสินใจของนางนั้นไม่สมควร หากไม่พอใจอยู่ก็บอกเขาสิ เขาเต็มใจจะหย่าให้อยู่แล้ว เหตุใดต้องมาปลิดชีพตนเองเช่นนี้
หรือว่านางรักเขาอย่างที่บิดาเขาบอก ทว่าเขาไม่ได้รักนางนี่ เรื่องพวกนี้มันบังคับกันได้เสียที่ไหน นางควรเข้าใจแล้วต่างคนต่างอยู่เสีย มิใช่ทำให้เขาต้องมาลำบากเพราะการตายของนาง
นัยน์ตาคมจ้องมองสตรีที่อยู่ในชุดนอนสีขาวนิ่ง ทั้งตำหนิทั้งสงสารในคราวเดียว มาถึงยามนี้เถาอวี้หรานก็ยังคิดว่าตนนั้นไม่ผิด เป็นหานซูอันต่างหากที่อ่อนแอ
ก่อนแต่งงานเขาก็บอกนางแล้วว่าไม่ได้รัก และคงไม่มีวันนั้นด้วย เพราะเห็นกันมานาน หากจะมีใจคงรู้สึกไปนานแล้ว เขาเองยังยื่นข้อเสนอว่าจะหย่าให้เมื่อครบหนึ่งปี หากนางไม่อยากอยู่ในจวนสกุลเถาแล้ว จะไปเขาก็ไม่รั้ง
ทว่านางก็ยังยืนยันว่าจะรอ แต่ผ่านไปได้แค่ห้าวัน สตรีผู้นี้ก็สร้างเรื่องให้เขาด้วยการจบชีวิตตนเองเสียอย่างนั้น จะไม่ให้ชายหนุ่มหงุดหงิดได้เยี่ยงไร หากบิดานางรู้คงต่อว่าเขายกใหญ่เป็นแน่ ไหนจะบิดาเขาอีก แค่คิดหูก็อื้อรอแล้ว
“เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” เสียงทุ้มขององค์ชายสี่ดังขึ้น แววตาคนผู้นี้หม่นลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อเห็นร่างของฮูหยินสหายนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง เพราะเขาเองก็มีส่วนผิดในวันนี้
“ข้าให้คนแจ้งข่าวท่านพ่อและหมอหลวงแล้ว”
“เจ้าจะยอมรับผิดหรือ” ถามหยั่งเชิงดู เขาก็รู้ว่าสหายนั้นเป็นคนหัวแข็ง เกาอวี้หรานคงคิดว่าตนไม่ผิดเหมือนเคย และแน่นอนว่าต้องไม่ยอมรับแน่ว่าเรื่องมันเกิดเพราะตนเอง
“ไม่มีทาง นางอ่อนแอเอง บุรุษเรือนใดบ้างไม่หาความสุขใส่ตัว ข้าบอกนางแล้วว่าไม่รู้สึกอันใด ดีแค่ไหนที่ไม่ใช้นางเป็นที่ระบาย บอกให้หย่าก็ทำยึกยัก สุดท้ายก็มาจบชีวิตตนเองเพราะบุรุษ โง่เขล่าสิ้นดี” ถ้อยคำก่นด่าดังลั่นห้อง ยามนี้องครักษ์หนุ่มรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก กำลังมีความสุขอยู่แท้ ๆ ดันถูกขัดเพราะคนสนิทแจ้งว่าฮูหยินมาแอบดู จากนั้นนางก็วิ่งออกไปนอกจวน พอให้คนออกไปตามก็ได้รับข่าวร้ายว่านางสิ้นแล้ว
เป็นใครจะไม่อารมณ์เสียกันบ้าง
ทว่า! ยังไม่ทันที่สหายจะได้เอ่ยอันใด เสียงแหบพร่าจากใครบางคนก็แว่วมาให้ทั้งคู่ต้องหันไปมอง
“น้ำ ขอน้ำหน่อย” มือซีดเซียวยกขึ้นควานหาบางสิ่ง เพราะรู้สึกคอแห้งมากจนต้องรีบลุกขึ้นมามองหาสิ่งที่ตนเอ่ยถึง
สองหนุ่มยืนมองพร้อมกับกะพริบตาถี่ คนที่หมดลมหายใจไปแล้วกำลังลุกก้าวลงจากเตียง พอนางหันมาเห็นพวกเขาจึงหยุดชะงักการกระทํา ก่อนจะขมวดคิ้วเป็นปม
“พวกนายเป็นใคร มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ชี้หน้าทั้งคู่ด้วยความมึนงง ทว่าคำถามนี้ยังไม่ได้คำตอบมือเล็กก็ยกขึ้นมาประกบหัวตนเอาไว้ นางรู้สึกปวดร้าวขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ
ต่อมาภาพมากมายก็แล่นอยู่ในหัว เรื่องราวเก่าก่อนของเด็กน้อยคนหนึ่งจนกระทั่งเติบโตและแต่งงาน ทุกช่วงเวลาไม่มีขาดหายไปเลย โดยเฉพาะสาเหตุที่ทำให้นางคิดสั้น
“นะ…นี่เจ้ายังไม่ตายหรือ” เถาอวี้หรานเดินมาหยุดข้างเตียง มองฮูหยินตนที่กำลังคลายมือออกจากหัวช้า ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขา ซึ่งแววตานี้ดูอาฆาตอย่างไรไม่รู้
และยังไม่ทันได้คำตอบอันใดกลับมา คนบนเตียงก็ยกเท้าขึ้นถีบกล่องดวงใจเขาเสียแล้ว
“เป็นเพราะนาย ฉันถึงต้องตาย”
#จุกแทน ลูกสาวเราก็แรงเกิ้น 5555