

ตอนที่ 4 จุดพลิกผัน
จดหมายสนเท่ห์ได้ถูกส่งมาที่สกุลฉู่ เป็นข้อความที่กล่าวถึงแผนการปล้นชิงทรัพย์ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ฉู่เหยาถึงกับกำหมัดแน่น เอามือทุบโต๊ะด้วยความเกรี้ยวกราด โจรชั่วจะปล้นเรือนสกุลฉู่ ท้าทายให้วางกำลังให้หนาแน่น ขู่เอาทรัพย์สิน และที่สำคัญยังบอกว่าจะฉุดคร่าคุณหนูฉู่และสังหารทุกคนที่ขัดขวาง
ตอนแรกมีความคิดที่จะแจ้งทางการให้มาดักจับ โจรร้ายพวกนี้ แต่เพราะคำพูดท้าทายในจดหมายนั้น ได้แตะเกล็ดย้อนของฉู่เหยาเข้า ทำให้เขาไม่ต้องการที่จะพึ่งพาทางการ เก็บทุกอย่างเป็นความลับแล้วให้บ่าวไพร่วางเวรยามอย่างแน่นหนา เตรียมตัวที่จะรับมือ ด้วยตนเอง
เรื่องนี้ทำให้เสี่ยวชิ่งรู้สึกกระวนกระวายใจ เหตุใดนางจะไม่รู้ว่าจดหมายสนเท่ห์นี้เป็นฝีมือคุณหนูใหญ่ฉู่ที่เขียนอย่างลับ ๆ เมื่อวานนี้
“ตอนนี้นายท่านกำลังโมโหมาก สั่งให้บ่าวในบ้านผลัดกันเฝ้าเวรยามและเตรียมอาวุธเอาไว้ กลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว การล้อเล่นของท่านไม่ใช่เรื่องน่าขันแล้วนะเจ้าคะ” สาวใช้คนสนิทกล่าวด้วยความร้อนใจ เกรงว่าเมื่อสืบที่มาของจดหมายแล้วจะสาวมาถึงฉู่อวี่หนิง
“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าไม่ได้ล้อเล่น เสี่ยวชิ่งเจ้าเชื่อข้าเถอะ อยู่เฉย ๆ แล้วทุกอย่างจะดีเอง อย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป เอาไว้ข้าจะหาโอกาสอธิบายกับเจ้าในภายหลังเอง” เมื่อไม่รู้จะทำอย่างไรได้ จึงได้แต่ถอนหายใจออกมาด้วยความหนักอก ไม่รู้ว่าคุณหนูของตนคิดอะไรอยู่ถึงได้สร้างเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้
จะไปฟ้องนายหญิงตอนนี้ก็ไม่วายว่าคุณหนูจะถูกลงโทษอยู่ดี สิ่งใดจะเกิดก็ย่อมต้องเกิด ในเมื่อแก้ไขไม่ได้ก็คงต้องยอมรับชะตากรรม หากถึงตอนนั้นนางจะยอมรับผิดแทนฉู่อวี่หนิง แล้วบอกว่าเป็นความคิดของตนเพื่อรับโทษแทน
ฉู่อวี่หนิงไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น มือเรียวเล็กนั้นยกถ้วยชาขึ้นมาแตะริมฝีปาก มุมปากเผยรอยยิ้มขึ้นมาแล้วจิบชาเข้าไปคำหนึ่ง ก่อนจะวางลงแล้วหยิบขนมกินด้วยอารมณ์ที่เบิกบาน
************************
ในยามดึกสงัดของคืนที่เกิดเรื่อง ฉู่เหยาให้เสี่ยวชิ่งเข้ามานอนเป็นเพื่อนบุตรีและจัดเวรยามเฝ้าที่หน้าหอนอน วันนี้ในชาติก่อนหนึ่งในโจรสองคนนั้นก็จะแสร้งทำทีเข้ามาฉุดคร่านาง แล้วหลี่โม่เทียนเข้ามาช่วยเหลือเอาไว้ ก่อนที่เขาจะไล่ตามไปแล้วต่อสู้กับโจรอีกคน ทั้งสามประมือกันจนเขาได้รับบาดเจ็บแล้วปล่อยให้โจรทั้งสองนั้นหนีไป จินหงกับหลงเป่ามาถึงก็พบว่านายกองหลี่บาดเจ็บหนักแล้ว
แต่คราวนี้อยากรู้สิว่าพวกนั้นจะทำอย่างไร โจรสองคนจะเก่งกาจแค่ไหน แต่มีหรือว่าจะสู้บ่าวรับใช้ของสกุลฉู่ที่ขนกันมาซุ่มรอดักโจมตีอยู่นับสิบได้
เสียงเอะอะดังขึ้นจากด้านนอก ตามด้วยเสียง ต่อสู้กัน ฉู่อวี่หนิงอยากเดินออกไปดูสถานการณ์ด้วยตนเองแต่เสียวชิ่งกับหวาดกลัวและดึงนางเอาไว้ไม่ให้ออกไป
“คุณหนูอย่าออกไปเลยนะเจ้าคะ มันอันตราย”
“คราวนี้เจ้าเชื่อหรือยังว่าข้าหาได้ล้อเล่นไม่” ดรุณีที่เพิ่งผ่านการปักปิ่นได้สามวันกล่าวถาม
“ข้าเชื่อแล้ว แต่อย่าออกไปเลยนะเจ้าคะ”
“โจรแค่สอง แต่คนของเราเกือบยี่สิบ ข้าจะออกไปดูเสียหน่อยว่าโจรพวกนั้นเป็นใคร กินดีหมีหัวใจเสือมาหรืออย่างไรจึงกล้าบุกเข้าสกุลฉู่” พูดจบก็สวมเสื้อคลุมทับแล้วเดินออกไปตามต้นเสียงที่กำลัง พูดคุยกันหลังการต่อสู้สงบลง
เมื่อนางไปถึงก็พบว่านายกองหลี่กับผู้ติดตามทั้งสองของเขากำลังยืนหน้าเสียอยู่ตรงนั้น ในมือถือดาบ เหมือนจะเข้ามาช่วยเหลือ แต่ภาพที่เห็นก็คือโจรทั้งสองถูกจับกุมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อแผนไม่เป็น ตามที่หวังคงจะทำอะไรไม่ถูก
“เจ้าออกมาข้างนอกทำไม กลับเข้าห้องไปเดี๋ยวนี้ เสี่ยวชิ่ง พาคุณหนูใหญ่กลับห้อง” ฉู่เหยาหันมาดุบุตรีด้วยความเป็นห่วงและสั่งสาวใช้ของนางเสียงเข้ม หากแต่ก็ไม่มีเวลาที่จะมาพูดเซ้าซี้กับนางให้มากความไปกว่านี้
“ท่านเจ้าบ้านฉู่ ให้ข้านำตัวไปสอบสวนให้หรือไม่” นายกองหลี่ถามด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ
“ขอบคุณนายกองหลี่ที่จะเข้ามาช่วยเหลือ ตอนนี้เราจับโจรทั้งสองเอาไว้ได้แล้ว และจะนำตัวส่งทางการเอง ไม่ได้รบกวนท่าน” พ่อบ้านสกุลฉู่ตอบกลับด้วยความสุภาพ
“ข้าบังเอิญผ่านมาทางนี้แล้วได้ยินเสียงคนต่อสู้กันจึงเข้ามาเพื่อที่จะช่วยเหลือ ไม่คิดว่าสกุลฉู่จะป้องกันแน่นหนา และสามารถจัดการคนร้ายได้ด้วยตัวเอง น่านับถือยิ่งนัก” น้ำเสียงของนายกองวัยยี่สิบสองกล่าวอย่างสุภาพและชื่นชม หากแต่แววตาเต็มไปด้วยกังวลว่าจะถูกเปิดเผย
“ดูสิว่าพวกมันเป็นใคร เหตุใดจึงกล้าเข้ามาที่เรือนของข้า” ฉู่เหยาพยักหน้าให้บ่าวคนสนิทไปเปิดเผยใบหน้าของทั้งสอง เมื่อผ้าที่ปิดบังใบหน้านั้นถูกเปิดออก ฉู่อวี่หนิงก็พบว่าเป็นจริงคนของหลี่โม่เทียนอย่างที่คิดเอาไว้ มิน่าเล่าเขาถึงได้ทำสีหน้ากังวล เพราะหากเรื่องนี้ถึงมือทางการก็คงจะสืบมาจนถึงเขาได้ไม่ยาก
เมื่อจวนตัว หลี่โม่เทียนก็ส่งสัญญาณให้แก่โจรทั้งสองให้ทำตามแผนการสำรองที่วางเอาไว้ ทั้งสองลุกขึ้นทำทีเป็นว่าจะขัดขืนและหลบหนีไป แย่งอาวุธจากบ่าวรับใช้ในเรือนมาแล้วจะทำการต่อสู้ จินหงและหลงเป่า แสร้งทำเป็นจะช่วยจับกุม เกิดการต่อสู้กันแล้วทั้งคู่ก็สังหารผู้ร้ายลงในตอนนั้นเพื่อปิดปากไม่ให้สืบมาถึง นายของพวกตน
“คนร้ายก็ตายไปแล้วคงจะสืบหาเอาความผิดกับใครไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะนำศพของพวกมันไปจัดการให้ ท่านเจ้าบ้านฉู่ได้โปรดวางใจ” หลี่โม่เทียนรับอาสาที่จะจัดการกับร่างไร้วิญญาณของโจรทั้งสอง
ฉู่เหยาจึงต้องรับความช่วยเหลือนั้นอย่างเลือกไม่ได้ หลี่โม่เทียนจึงกล่าวลาออกไปด้วยความผิดหวัง เพราะครั้งนี้ไม่ถือว่าเป็นบุญคุณอะไรทั้งนั้น มิหนำซ้ำยังเป็นการยื่นมือเข้ามาสอดจนทำให้เสียการ สร้างความไม่พอใจแก่ฉู่เหยาที่อยากจับเป็นเพื่อนำส่งทางการ
เหตุการณ์ทุกอย่างกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง เห็นใบหน้าที่ถอดสีของเขาก่อนจากไปแล้วนางก็ยิ้มออกมาด้วยความสาแก่ใจ ก่อนจะถูกเสี่ยวชิ่งพาตัวกลับเข้าห้อง เพราะหวาดกลัวกับภาพที่คนร้ายทั้งสอง ถูกสังหารจนเลือดนองไปทั่วบริเวณ
“น่ากลัวจริง ๆ เลย คุณหนูรู้ได้อย่างไรว่าจะมีโจรมาบุกปล้นในคืนนี้ แล้วยังรู้ว่ามีสองคน” พอกลับไปถึงห้อง สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ก็กล่าวถามด้วยความสงสัย เท้าเล็ก ๆ นั้นเดินไปเดินมาด้วยความกระวนกระวาย รู้สึกใจคอไม่สู้ดีนัก
เรื่องแล้วตายแล้วเกิดใหม่พูดไปใครจะเชื่อ ไม่วายจะหาว่านางวิปลาส ฉู่อวี่หนิงจึงเลี่ยงตอบเป็นอย่างอื่นแทน “ข้าฝันน่ะ ฝันเป็นลางบอกเหตุ มันเหมือนจริงมาก”
“ความฝันหรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้วเสี่ยวชิ่ง ความฝัน ข้าก็แค่ฝันไป”
แม้จะไม่เชื่อนัก แต่ก็คงไม่มีเหตุผลอื่นมาอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เสี่ยวชิ่งจึงต้องพยักหน้าเชื่อในสิ่งที่ คุณหนูของตนอธิบายเหตุผล
ฉู่อวี่หนิงมองสาวใช้คนสนิทด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก เสี่ยวชิ่งอยู่กับนางในทุกช่วงเวลาของชีวิตตั้งแต่เด็กจนโต ชาติก่อนนางก็สิ้นใจตายไปต่อหน้า ชาตินี้ขอให้นางอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ ส่วนหลี่โม่เทียนวันนี้เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
หลังจากนี้ไปไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีชีวิตตกต่ำเพียงใด หรือจะเป็นนายกองที่ย่ำอยู่กับที่เช่นนี้ เพราะคงไม่มีวันที่เขาจะได้เฉียดใกล้นางหรือสกุลฉู่อีกต่อไปแล้ว
************************