บท
ตั้งค่า

คู่หมั้นของข้า

บทที่ 3 คู่หมั้นของข้า

เสี่ยวลี่เหมยเดินออกมาจากห้องของตนโดยมีลี่อินพยุงให้เดินออกมา ร่างกายนี้เหนื่อยง่ายเหลือเกินเพียงก้าวเท้าออกมาเพียงไม่กี่ก้าวทำเอานางหายใจเหนื่อยหอบ สายตาของนางเหลียวมองไปรอบ ๆ ในเรือนแห่งนี้ช่างกว้างใหญ่นักเป็นวาสนาของนางเสียจริงที่ได้มาอยู่ในร่างของบุตรสาวขุนนางเสียเพียงอย่างเดียวคือสุขภาพของนางในตอนนี้ ป้ายเหนือประตูสลักตัวอักษรด้วยทองคำวาววับบ่งบอกความมั่งคั่งของตระกูล

"ลี่อินวัน ๆ ข้าทำอันใดบ้างก่อนที่ข้าจะนอนไม่รับรู้อยู่หลายวัน" แม้จะมีภาพความทรงจำแต่ก็มิได้รับรู้ทุกเรื่องราว นางจึงอยากรู้ว่าทำอันใดบ้าง

"คุณหนูมิได้ทำอันใดเจ้าค่ะ มีเพียงกินนอนเดินเล่นเท่านั้น แล้วก็มีบางครั้งที่จะออกไปหาท่านจวิ้นอ๋องเจ้าค่ะ" ลี่อินรีบเล่าให้ฟังทันที เสี่ยวลี่เหมยคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย พร้อมทวนชื่อที่ลี่อินเอ่ยมาเมื่อครู่อย่างแผ่วเบา

"จวิ้นอ๋อง แล้วจวิ้นอ๋องคือผู้ใดกัน"

"ท่านจวิ้นอ๋องนามของเขาคือ ‘จวิ้นอ๋องเจียวหั่ว’ เป็นคู่หมั้นคู่หมายของคุณหนูอย่างไรล่ะเจ้าคะ คุณหนูลืมได้อย่างไรกัน" ไป๋เซ่อที่ยืนถือร่มอยู่ด้านหลังก็เอ่ยขึ้น

"อย่างนั้นหรือ" เสี่ยวลี่เหมยที่ตายจากความรักและเสียใจมาก หากจะให้นางอยู่ในร่างนี้นางจะไม่มีความรักนางครุ่นคิดในใจ จะถอนหมั้นกับท่านจวิ้นอ๋องผู้นี้ให้ได้ แต่ก่อนที่นางจะไปหาเพื่อถอนหมั้นนางจะต้องทำให้ร่างกายนี้แข็งแรงเสียก่อน

หลายวันต่อมาที่เสี่ยวลี่เหมยมาใช้ชีวิตเป็นคุณหนูลู่ นางควบคุมอาหารแถมยังออกกำลังกายจนตอนนี้ร่างกายอวบอ้วนเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี จนสาวใช้พากันแปลกใจเมื่อก่อนแค่เพียงคุณหนูเดินเหินก็เหนื่อยหอบแต่ทว่าตอนนี้นางกลับตื่นแต่เช้าตรู่เพื่อออกมาวิ่งอ้อมเรือน มิหนำซ้ำยังวิ่งทั้งเช้าและเย็น

"คณหนูท่านไม่สบายตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ พักหลังตั้งแต่คุณหนูฟื้นขึ้นมาข้าว่าคุณหนูเปลี่ยนไป " ลี่อินที่เป็นห่วงคุณหนูก็ถามขึ้น

เสี่ยวลี่เหมยจิบน้ำชามองทอดสายตาดูบรรยายกาศแดดอ่อน ๆ กำลังสาดส่องดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน

"ข้าสบายดี เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงที่ข้าทำเช่นนี้เพราะอยากให้ร่างกายของข้าในตอนนี้แข็งแรงขึ้นต่างหาก ไหนล่ะของที่ข้าให้เจ้าจัดเตรียมมาให้" เสี่ยวลี่เหมยวางจอกน้ำชาลงพร้อมหันไปมองสาวใช้

"นี่เจ้าค่ะ ข้าน้อยได้จัดเตรียมมาให้แล้ว " ไป๋เซ่อเดินถือจานที่จัดเตรียมผลไม้มาวางไวบนโต๊ะให้คุณหนู

"ว่าแต่ผลไม้เพียงเท่านี้คุณหนูจะอิ่มหรือเจ้าคะ ช่วงนี้คุณหนูไม่ค่อยกินอาหารด้วยข้ากังวลเหลือเกินว่าร่างกายของคุณหนูจะทรุดตัวอีก " ไป๋เซ่อสายตาเศร้าสร้อยที่เห็นคุณหนูผู้ที่มักกินทุกอย่างแต่ช่วงนี้กินเพียงแค่น้อยนิดก็เกิดเป็นห่วง

"ที่ข้ากินเท่านี้เพราะข้าต้องรักษาสุขภาของข้าอย่างไรล่ะ พวกเจ้าเลิกกังวลเถอะนะสิ่งที่ข้าทำทั้งหมดก็เพื่อร่างกายนี้ ไม่เห็นหรือว่าช่วงนี้ข้าไม่ค่อยเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อน ข้าจะนั่งเล่นอยู่ที่นี่สักครู่เจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ "

"เจ้าค่ะ " ทั้งสองโค้งตัวคารวะก่อนจะไปทำงานของตน ปล่อยให้เสี่ยวลี่เหมยได้อยู่เพียงลำพัง

นางครุ่นคิดถึงชีวิตที่อยู่อีกมิติ ไม่รู้ว่าร่างของตนจะเป็นเช่นไรบ้าง แค่คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาก็ทำให้เสี่ยวลี่เหมยโมโหยิ่งนัก เซียวจ้านปานนี้คงสุขสมหวังกับผู้หญิงคนนั้น คงไม่เสียใจกับการตายของเธอแม้แต่น้อยสินะ ตั้งแต่มาอยู่ในร่างนี้ของมิตินี้มีบางครั้งที่เสี่ยวลี่เหมยยังคงรู้สึกเสียใจที่ถูกกระทำเช่นนั้น แต่ตอนนี้เมื่อเธอนึกย้อนกลับไปกลับทำให้เธอสมเพชตัวเองที่ให้ค่าเสียน้ำตาให้ผู้ชายที่ไม่รักดี

"ทำไมนะ ทำไมฉันต้องเสียน้ำตาให้กับผู้ชายแบบนั้นด้วย หากวันนั้นฉันไม่เสียใจและรักตัวเองมากปานนี้ฉันก็คงไม่ตายแถมไม่ต้องมาอยู่ในร่างอ่อนแอแบบนี้ด้วย เฮ้อ ! " เสี่ยวลี่เหมยยพึมพำออกมาแผ่วเบา กำมือแน่นอย่างโกรธแค้น ความรักความจริงใจที่เธอมอบให้แต่สิ่งที่เขาตอบแทนคือการนอกใจ ยิ่งคิดหัวใจของเสี่ยวลี่เหมยยิ่งเจ็บใจ

"ไม่ได้การละ ต่อจากนี้ฉันต้องรักตัวเอง ถึงแม้ร่างนี้ไม่ใช่ของฉันก็ช่างเถอะ ฉันจะไม่มีความรักอีกต่อไป"เสี่ยวลี่เหมยลุกขึ้น ออกกำลังกายอีกครั้งอย่างเข็มงวด จนวันเวลาผ่านพ้นมาหนึ่งฤดู นางปรับตัวเองเข้ากับผู้คนในยุคสมัยนี้อย่างง่ายดายโชคดีที่มีความทรงจำของร่างนี้โผล่มาครั้งคราว ทำให้นางใช้ชีวิตได้ดีไม่มีผู้ใดเคลือบแคลง

ยามเฉิน(07.00) หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จสิ้น เสี่ยวลี่เหมยก็ได้แต่งแต้มประทินโฉมปักปิ่นสวยงาม ก่อนออกจากห้องมิลืมที่จะชื่นชมร่างกายของตนเองในตอนนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าปรากฏอย่างชื่นใจที่เห็นการเปลี่ยนแปลงคุ้มค่าเหลือเกินที่นางอดทนเฝ้าออกกำลังกายมาหนึ่งฤดู

"วันนี้คุณหนูงดงามยิ่งนัก จะออกไปเดินเล่นที่ตลาดหรือเจ้าคะ" ลี่อินยิ้มกว้างมองดูนายหญิงของตนอย่างภูมิใจ

"ข้ามีเรื่องสำคัญกว่าเดินตลาดเสียอีก ไป๋เซ่อเรื่องที่ข้าให้เจ้าจัดเตรียมเสร็จสิ้นหรือยัง" เสี่ยวลี่เหมยตอบลี่อินก่อนจะหันไปถามไป๋เซ่อ

"ข้าน้อยได้บอกให้บ่าวเตรียมรถม้าไว้แล้วเจ้าค่ะ " ลี่อินคิ้วขมวดชนกันอย่างสงสัย

"คุณหนูจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ แล้วเรื่องที่ว่าสำคัญนั้นคือเรื่องใดกันข้าน้อยงงงวยไปหมดแล้ว" เสี่ยวลี่เหมยแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะเดินนำสาวใช้ทั้งสองออกมานอกห้องก่อนจะหันหันไปตอบลี่อิน

"หากเจ้าอยากรู้ก็ตามข้ามาสิ เดี๋ยวจะได้รับรู้เองว่าเรื่องที่สำคัญของข้าคือเรื่องอันใด" เสี่ยวลี่เหมยก้าวเท้าตรงไปยังห้องของท่านพ่อเพื่อสิ่งที่นางปรารถนาที่สุดในตอนนี้

ใต้เท้าลู่ไป๋เหวินที่กำลังนั่งนับเบี้ยอัฐของตนเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าย้ำมาใกล้ถึงตนเขาก็รีบวางเบี้ยนั้นและออกมาดูว่าผู้ใดมาหาเขาในยามเช้าขนาดนี้ ช่วงนี้เขาพอได้ยินมาว่าบุตรสาวของตนเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือสุขภาพของนาง เขาก็ดีใจมากเพียงแต่ไม่ค่อยมีเวลาที่ไปพบนางสักเท่าไหร่เพราะมีเรื่องในวังหลวงที่ยุ่งเหยิง ทำให้เขาได้เดินทางไปวังหลวงอยู่ในทุกวัน กลับมาห้องของบุตรสาวก็ดับเทียนเสียแล้ว

ทันใดนั้นเองที่เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใต้เท้าลู่ไป๋เหวินต้องชะงักเพราะสตรีที่เดินเข้ามาในห้องเขานั้น ใบหน้าคล้ายฮูหยินของเขายิ่งนัก

"ฮูหยิน ... " ใต้เท้าเผลอตัวเปล่งเสียงออกมา

"ท่านพ่อนี่ข้าเองเจ้าค่ะ หาใช่ท่านแม่ไม่" เสี่ยวลี่เหมยเดินเข้ามาใกล้พร้อมเผยยิ้มให้ชายชรา

"เจ้าช่างเหมือนแม่ของเจ้าจริง ๆ ในตอนที่นางยังเป็นสาวสะพรั่งนางงดงามที่สุดในบรรดาสตรีทั่วหล้า " ใต้เท้าลู่เดินวนมองตั้งแต่หัวจรดเท้าของเสี่ยวลี่เหมยเพื่อจ้องพินิจดูการเปลี่ยนแปลง

"อย่างนั้นหรือเจ้าคะ "

"ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงได้ผอมลงเช่นนี้ หรือว่าเจ้าเบื่ออาหารไม่ได้การแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปจัดการพ่อครัวที่ทำอาหารไม่ถูกใจเจ้าทำให้เจ้าซูบไปเช่นนี้" ใต้เท้าลู่เป็นห่วงบุตรสาวที่น่ารักของตน แก้มที่อวบอิ่มบัดนี้กลับซูบผอม แขนขาที่อวบอั้นกลับกลายเป็นผอมเนื้อแนบกระดูกจนหัวใจของผู้เป็นพ่อแทบสลาย เสี่ยวลี่เหมยรีบดึงแขนท่านพ่อก่อนที่เขาจะทำอย่างว่าจริง ๆ

"โอ๊ะท่านพ่อ ไม่ต้องเจ้าค่ะ ที่ข้าเป็นเช่นนี้เพราะข้าต้องรักษาสุขภาพท่านพ่อไม่เห็นหรือเจ้าคะ ตอนนี้ข้าสามารถเดินไปมาอย่างไม่หายใจเหน็ดเหนื่อย แถมช่วงนี้ร่างกายของข้าก็ไม่เจ็บป่วยง่ายเหมือนเมื่อก่อน ท่านพ่อวางใจไม่ต้องเป็นห่วงข้าเลยเจ้าค่ะ " ผู้เป็นพ่อสำรวจร่างกายบุตรสาวพร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอก

"ก็ได้หากเจ้าเอ่ยมาเช่นนั้นข้าเองก็พอเบาใจ ว่าแต่เจ้ามาหาข้าถึงที่นี่มีเรื่องอันใดหรือไม่"

"เอ่อ ... ท่านพ่อข้าจะไปหาท่านจวิ้นอ๋องเจ้าค่ะ "

"นั้นสินะ เมื่อก่อนเจ้ามักจะไปหาท่านจวิ้นอ๋องอยู่บ่อยครั้ง เจ้าคงจะคิดถึงสินะ ดี ๆ เช่นนั้นข้าฝากสิ่งนี้ไปให้ท่านจวิ้นอ๋องด้วยแล้วกัน"

"ข้าไม่ได้คิดถึงเจ้าค่ะ แต่ที่ข้าจะไปเพราะข้าจะไปถอนหมั้น " เมื่อคำนี้ออกมาจากปากบุตรสาวใต้เท้าถึงกับทำจดหมายที่จะฝากเสี่ยวลี่เหมยไปมอบให้แก่ท่านอ๋องหล่นลงพื้นทันที

"นี่มันเรื่องอันใด เมื่อก่อนเจ้าเองมิใช่หรือที่คอยตามติดท่านอ๋องและให้ข้าไปเจรจาให้ท่านอ๋องมาแต่งกับเจ้า เหตุใดเจ้าถึงจะถอนหมั้นในเมื่อตอนนี้เจ้าเองน่าจะพอใจ"

"ไม่เจ้าค่ะ ตอนนั้นข้าหน้ามืดตามัว อีกอย่างท่านพ่อก็เป็นใต้เท้าที่ร่ำรวยอำนาจในมือที่มีอยู่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าทำอันใดกับตระกูลของเราแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะบอกท่านพ่อนะเจ้าคะ ไม่ว่าท่านพ่อจะอนุญาตหรือไม่แต่อย่างไรวันนี้ข้าจะไปพบท่านอ๋องเพื่อถอนหมั้น " ใต้เท้ากุมศีรษะตนเองทรุดลงนั่งที่เก้าอี้อย่างอ่อนแรง ไม่คิดเลยว่าบุตรสาวที่เคยหลงใหลไม่กินไม่นอนเพราะท่านจวิ้นอ๋อง จะมาเอ่ยเรื่องถอนหมั้น

"จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร เจ้าลืมแล้วหรือว่าท่านอ๋องเป็นผู้ใด "

"ไม่เจ้าค่ะ ท่านอ๋องเป็นเพียงเชื้อพระวงศ์ที่ไม่มีอำนาจอันใดมากมายในมือ มิเช่นนั้นจะตอบรับเรื่องการหมั้นหรือเจ้าคะ ท่านพ่ออย่าลืมสิว่าวันที่ท่านพ่อไปเจรจาเรื่องการหมั้นหมายนั้นได้ยื่นข้อเสนออันใดให้ท่านอ๋อง ต่อจากนี้ข้าไม่อยากมีคนรักหรือความรักแล้วเจ้าค่ะ" ที่เสี่ยวลี่เหมยเอ่ยมาเพราะจู่ ๆ ความทรงจำเกี่ยวกับท่านอ๋องผู้นี้ก็ผุดเข้ามาในหัว เขาตอบรับข้อตกลงที่จะหมั้นหมายกับบุตรสาวใต้เท้าลู่ไป๋เพราะอำนาจบารมีเงินทองที่ใต้เท้าจะหนุนหลังสนับสนุนเขาไม่ว่าเขาจะทำอันใด หากเขายอมหมั้นกับลู่เพ่ย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel