ข้าคือ "คุณหนูลู่เพ่ย "
บทที่ 5 ข้าคือ 'คุณหนูลู่เพ่ย'
ชายทั้งสองตาพากันมองมาที่เสี่ยวลี่เหมย ดวงตาแวววาวจู่ ๆ ก็มีสตรีรูปงามมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเขาจึงเอ่ยถาม
"แม่นาง ไม่ทราบว่าท่านเป็นสตรีบุตรสาวของตระกูลใดกันถึงได้งดงามราวกับนางฟ้าเช่นนี้ และที่แม่นางมานั่งร่วมโต๊ะกับพวกข้ามีเรื่องอันใดหรือขอรับ" เสี่ยวลี่เหมยพยายามควบคุมอารมณ์โมโหเอาไว้ก่อนจะแสยะยิ้มมุมปากราวนางมารร้าย เอ่ยถามเรื่องที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่
"ข้าเป็นเพียงสตรีผู้ต่ำต้อยไม่สำคัญอันใด เมื่อครู่ข้าได้ยินพวกท่านกันกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานมีเรื่องอันใดกันหรือเจ้าคะ ข้าเองก็อยากรับรู้ด้วย ข้าได้ยินพวกท่านกำลังเอ่ยถึงคุณหนูตระกูลลู่ใช่หรือไม่เจ้าคะ? "
"ใช่แล้ว แม่นางช่างแตกต่างจากนางมากนัก หากเป็นแม่นางผู้นี้จะมีผู้ใดบ้างไม่อยากแต่งงานด้วย ฮ่า ฮ่า" เสี่ยวลี่เหมยกำหมัดแน่นก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างเชื่องช้า
"แล้วพวกท่านเคยเห็นนางหรือเจ้าคะ ถึงนำเรื่องนางมาเอ่ยเช่นนี้ให้เสียหาย"
"แม่นาง ไม่ว่าผู้ใดในใต้หล้านี้ไม่รู้จักหรอกนะขอรับ เพียงแค่นางเดินหนึ่งก้าวสามารถทำให้แผ่นดินแทบยุบสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว ชาวบ้านลือกันช่างไม่เหมาะสมกับท่านอ๋องที่รูปงาม หากเป็นแม่นางสตรีที่งดงามไร้ที่ติเช่นนี้น่าจะเหมาะสมยิ่งกว่าเป็นไหน ๆ" เขายังคงกล่าวว่าเสี่ยวลี่เหมยอย่างสนุกปาก เสี่ยวลี่เหมยลุกขึ้นยืนพร้อมยิ้มกว้าง
"อย่างนั้นหรือ เมื่อครู่ท่านถามข้าใช่หรือไม่ว่าข้ามาจากตระกูลใด ข้าจะบอกให้ท่านได้รู้ ข้ามีนามว่า ‘คุณหนูลู่เพ่ย’ บุตรสาวผู้เดียวของใต้เท้าลู่ไป๋เหวิน และข้าเองก็คือแม่หมูในเล้าที่พวกท่านกำลังเอ่ยถึงอย่างสนุกสนานอย่างไรล่ะ หากข้ารูปงามอย่างที่พวกท่านบอกแล้วเหตุใดข้าถึงไม่เหมาะสมกับท่านอ๋องกันนะ " เมื่อสิ้นคำพูดของเสี่ยวลี่เหมยชายทั้งสองพากันหน้าเสียรีบหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะบอกว่าตนนั้นไม่เคยพบเจอคุณหนูลู่เลยสักครา
"แฮะ ๆ คุณหนูผู้งดงามเป็นคุณหนูของใต้เท้าลู่ไป๋นี่เอง ข้ามีตาหามีแววไม่ ข้าเองไม่เคยพบเจอหน้าคุณหนูหรอกขอรับ เพียงได้ยินเขาเล่าต่อกันมาเท่านั้น จากนี้ข้าจะนำไปแจ้งต่อทุกคนเองว่าคุณหนูมิใช่หมูในเล้าแต่เป็นนางฟ้านางสวรรค์มาจุติต่างหาก ขอคุณหนูโปรดอภัยให้ข้าด้วยนะขอรับ เดี๋ยวข้าจะไปจัดการกับผู้ที่ต่อว่าคุณหนูเสีย ๆ หาย ๆ เอง และอีกอย่างคุณหนูช่างเหมาะสมกับท่านอ๋องมากราวกิ่งทองใบหยกเลยขอรับ" ชายทั้งสองเริ่มเยินยอปอปั้นให้ตนเองไม่ต้องรับโทษทันที
"ฮึ ก็ได้! ครั้งนี้ข้าจะไม่เอาเรื่องหากข้าได้ยินผู้ใดเอ่ยถึงข้าเสียหายอีกล่ะก็ข้าจะจัดการให้หมด" พูดจบเสี่ยวลี่เหมยก็วางเบี้ยลงบนโต๊ะพร้อมบอกให้ลี่อินกับไป๋เซ่อออกมาจากโรงเตี๊ยม
"เราเดินทางกันต่อเถอะ ข้าไม่อยากอาหารแล้ว" สาวใช้ยืนอ้าปากค้างกับการกระทำของคุณหนูหากเป็นเมื่อก่อนคุณหนูของนางคงวิ่งออกจากโรงเตี๊ยมไปแอบร้องไห้ แต่ครั้งนี้คุณหนูสามารถต่อว่ากู้ศักดิ์ศรีของตนเองได้อย่างเหลือเชื่อ
"เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ"ทั้งสองได้ตอบรับพร้อม ๆ กัน และเดินตามหลังเสี่ยวลี่เหมยออกจากโรงเตี๊ยม
ทั้งสามก็ได้เดินทางต่อไม่ไกลนักก็ถึงจวนของท่านอ๋อง รถม้าก็ได้หยุดเคลื่อนไหว เสี่ยวลี่เหมยเดินลงมาพร้อมกวาดตามองจวนของท่านอ๋อง จู่ ๆ ความทรงจำของลู่เพ่ยก็ผุดเข้ามาอีกรอบ
ภาพความทรงจำที่นางพยายามเอาอกเอาใจบุรุษรูปงามที่ไม่เคยสนใจนางเลยสักครั้ง แต่นางก็ไม่เคยโมโหใส่เขาเลยทั้งที่เขาเมินนางเสมอมา ทำราวกับนางเป็นเพียงอากาศ เวลาพบเจอก็มักแสดงสีหน้าอย่างชัดเจนว่าอึดอัดที่มีนางอยู่ข้าง ๆ แต่ทว่านางยังคงแสดงความรู้สึกที่นางมีต่อเขาไม่จางหายทั้งที่เขาไม่สนใจนางเลยแม่แต่น้อย ทำให้เสี่ยวลี่เหมยรู้สึกเจ็บลึกที่อกข้างซ้ายราวกับร่างนี้ที่รู้สึกทุกครั้งที่เขาหยามความรู้สึกนาง
อึก!!
"ทำไมกัน ทำไมฉันต้องเจ็บที่อกด้วย นี่มันไม่ใช่ความรู้สึกของฉันสักหน่อยทำไมฉันต้องเจ็บปวดด้วยนะ ลู่เพ่ยนางสงสารจัง ดีแล้วที่ฉันจะมาถอดหมั้นในวันนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาทำให้นางรู้สึกเสียใจขนาดนี้ทำไมยังทนได้อยู่นะ ไม่รักตัวเองบ้างเลย ในเมื่อฉันมาอยู่ร่างเธอฉันจะทำให้เธอรู้จักคุณค่าของตัวเองเอง"เสี่ยวลี่เหมยใช้มือทาบที่อกพรางคิดในใจ เมื่อความเจ็บแปล๊บหายไปนางเงยหน้าขึ้นอย่างสง่าพร้อมย่างเท้าก้าวเข้าไปยังจวนท่านอ๋องอย่างหนักแน่นอย่างไรเสียบุรุษก็เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะร่างเก่าหรือร่างใหม่ก็ไม่เคยพบรักจริง ๆ เสียทีนางจึงตัดสินใจไม่ขอมีความรักให้เจ็บช้ำจะดีกว่า
"คุณหนูมาจากที่ใดหรือขอรับ " จู่ ๆ ก็มีบ่าวรับใช้เดินเข้ามาถามเสี่ยวลี่เหมยที่เห็นนางเดินเข้ามาอย่างคุ้นเคย
"ข้าคุณหนูลู่เพ่ย ท่านอ๋องอยู่หรือไม่ข้าต้องการพบโดยด่วน" บ่าวรับใช้ตะลึงยืนอึ้งอยู่พักใหญ่จนไป๋เซ่อต้องถามย้ำอีกครั้ง
"นี่เจ้าไม่ได้ยินหรือ คุณหนูของข้าถามว่าท่านอ๋องอยู่หรือไม่? "
"อยู่ อยู่ขอรับเชิญตามข้าน้อยมาเลยขอรับ" เขาตั้งสติได้ก็พาเสี่ยวลี่เหมยเดินไปหาท่านอ๋องที่ตำหนักของเขา จวนของท่านอ๋องเองก็กว้างใหญ่พอสมควร จนเสี่ยวลี่เหมยอดคิดไม่ได้เหตุใดเขาต้องการอำนาจคอยหนุนหลังด้วยทั้ง ๆ ที่อยู่เช่นนี้ก็สบายดีอยู่แล้ว หรือว่าเขาจะมีแผนการใหญ่อันใดคงมิใช่จะชิงบัลลังก์หรอกนะ เสี่ยวลี่เหมยครุ่นคิดฟุ้งซ่านจนมาถึงตำหนักของท่านอ๋อง
"คุณหนูลู่โปรดรอข้าอยู่ด้านนอกสักครู่ข้าน้อยจะเข้าไปบอกแก่ท่านอ๋องให้ว่าคุณหนูมาขอเข้าพบนะขอรับ" บ่าวได้บอกก่อนที่ตนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน
"ท่านอ๋องคุณหนูลู่เพ่ยขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ"
"ไปบอกนางว่าข้าไม่ว่างและวันนี้ก็ไม่ให้ผู้ใดเข้าพบหากนางมีเรื่องอันใดไม่รีบร้อนก็ให้นางกลับไปเสียก่อน แล้วค่อยมาในคราวหลัง " น้ำเสียงเย็นชาได้เอ่ยออกมาเมื่อรู้ว่าผู้ใดขอเข้าพบ
"พ่ะย่ะค่ะ" บ่าวรับใช้รับคำสั่งพร้อมเดินออกมาบอกเสี่ยวลี่เหมยที่ยืนรออยู่ด้านนอก
"คุณหนูลู่เพ่ย ท่านอ๋องบอกว่าวันนี้ไม่ว่างให้ท่านเข้าพบโปรดกลับไปเรือนไปก่อนแล้ววันหน้าค่อยมาใหม่เถิดขอรับ"
"เฮอะข้าคิดไว้แล้วไม่มีผิด " อย่างที่เสี่ยวลี่เหมยคิดไว้ในใจ เขาเบื่อลู่เพ่ยจนไม่อยากพบหน้ามีหรือที่นางจะยอมกว่านางจะเดินทางมาถึงและมีเรื่องที่สำคัญที่นางต้องทำให้สำเร็จในวันนี้เสียด้วย
"คุณหนูเรากลับกันดีไม่เจ้าคะ"
"ไม่! ข้ามาถึงขั้นนี้แล้ว จะกลับได้อย่างไร ท่านอ๋องไม่ว่างที่จะให้ข้าเข้าพบหรือว่าไม่อยากพบหน้าข้ากันแน่ เจ้าหลีกไปข้าจะเข้าไปหาท่านอ๋อง ต่อให้ท่านอ๋องไม่อยากพบข้า แต่ว่าข้าต้องพบเขาให้ได้" เสี่ยวลี่เหมยผลักบ่าวรับใช้ให้ออกจากประตูก่อนจะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่เกรงกลัว ลี่อินเห็นดังนั้นรีบบอกให้ไป๋เซ่อไปหยุดคุณหนูก่อนที่ท่านอ๋องจะโมโห
"ไป๋เซ่อเจ้ารีบไปห้ามคุณหนูเร็วเข้าสิ"
"ไม่เอาเจ้าไม่เห็นหรือไงว่าคุณหนูมุ่งมั่นขนาดไหน อีกอย่างข้ามั่นใจว่าคุณหนูตัดสินใจว่าจะทำสิ่งใดต้องทำให้ได้และอีกอย่างคุณหนูของเรามิใช่คนเดิมอีกต่อไป " ไป๋เซ่อยืนยิ้มไม่เข้าไปห้ามแถมยังปลาบปลื้มที่เห็นคุณหนูเปลี่ยนไปอีกด้วย ส่วนลี่อินโมโหที่บอกไป๋เซ่อไม่ได้รีบตามคุณหนูเข้าไปด้านในกลัวว่าจะเกิดอันใดขึ้นอีก