บท
ตั้งค่า

บทที่ 27 ภรรยานอกตระกูล

จังฮูหยินเลื่อนกาน้ำชาให้บุตรสาวรินถวายองค์ชาย เมื่อองค์ชายทรงลงมือคีบอาหารแล้วจังฮูหยินจึงกล้าขยับตะเกียบตาม เมื่อวานนี้พวกนางทั้งสี่ในเรือนสกุลชิงล้วนกินแก่ตุ๋นกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ฉะนั้นวันนี้บนโต๊ะอาหารที่มีแต่ผักและเต้าหู้ก็ไม่ถือว่าชวนให้ผะอืดผะอมแต่อย่างใด รสมือของจังฮูหยินนับว่าดีเลิศ ทั้งผัดผักกาดขาวเต้าเจี้ยวและเต้าหู้ผัดถั่วงอกรสชาติละมุนลิ้นทำให้องค์ชายรู้สึกแปลกพระทัยที่นางทำออกมาได้อร่อยกว่าที่เคยเสวยในวังหลวงเสียอีก แม้แต่เต้าหู้ทอดนางก็ทำได้พอดี กรอบนอกนุ่มในกัดเข้าไปก็รู้สึกว่าชุ่มน้ำฉ่ำเนื้อ

บนโต๊ะเสวยไม่มีผู้ใดเอ่ยปากสิ่งใด? ชิงหลานที่ถูกอบรมมาอย่างเข้มงวดรู้ดีว่าในยามรับประทานอาหารห้ามพูดคุยกัน องค์ชายสิบห้าก้มหน้าก้มตาเสวยจนข้าวหมดถ้วยแล้วหันไปรินน้ำชาดื่มเอง รอจนสตรีทั้งสองวางตะเกียบลงแล้วก็เอ่ยขึ้น

“ฮูหยิบช่างทำอาหารได้เลิศรสนัก คราวหน้าข้าอยากจะมากินอีกได้หรือไม่?”

เผยมู่ซีแทบสะอึก! นางอุตส่าห์ให้มารดาทำอาหารพื้นๆ ที่ไร้เนื้อสัตว์เพื่อให้องค์ชายล่าถอยแต่นี่กลับดื้อด้านคิดจะมาจวนของนางอีก

“องค์ชายเพคะ อาหารพวกนี้ล้วนแต่ไม่คู่ควรกับโต๊ะเสวยของพระองค์ หม่อมฉันว่าที่เรือนรับรองของอำเภอเฉินน่าจะเตรียมเครื่องเสวยได้ดีกว่าที่นี่นัก”

หมิงเฉิงอวี่ทรงยิ้มน้อยๆ ตวัดพระเนตรคมหันมามองเด็กหญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ “ข้าอาจจะเห็นว่าแต่ละวันกินเนื้อสัตว์เข้าไปมากแล้ว เปลี่ยนเป็นกินผักสักวันก็คงจะดี ก็เหมือนที่เจ้ากินเนื้อไก่เข้าไปมากแล้ว วันนี้กินผักมากหน่อยก็ดีต่อสุขภาพจริงหรือไม่?”

คุณหนูชิงชะงักไปครู่ “ถ้าองค์ชายคิดเห็นเช่นนั้น ก็สามารถบอกกล่าวนายอำเภอเฉินได้นี่เพคะ พ่อครัวเรือนรับรองฝีมือดีเลิศทำผัดผักน่าจะอร่อยกว่าที่มารดาหม่อมฉันทำ”

“เจ้าพูดเช่นนี้เหมือนรังเกียจที่ข้ามาเยือนจวนของเจ้า!” เมื่อเห็นว่าเริ่มเถียงนางไม่ไหว หมิงเฉิงอวี่ก็ใช้ไม้ตายคือเอ่ยขัดขึ้นเสียงดังคล้ายจะหงุดหงิด

......อำนาจที่ตนมีหากไม่ใช้ก็คงเสียเปรียบแม่สาวน้อยคนนี้แล้ว!

เผยมู่ซีรู้ตัวรีบก้มศีรษะ “หม่อมฉันมิกล้าเพคะ”

“หากเจ้าเกรงว่าข้ามากินอาหารที่นี่แล้วจะสิ้นเปลืองล่ะก็ คราวหน้าข้าจะให้องครักษ์เตรียมวัตถุดิบมาให้จังฮูหยินก่อนก็แล้วกัน”

สองแม่ลูกจำต้องก้มหน้ารับคำ...เผยมู่ซีหงุดหงิดแต่ไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด? นี่มิใช่การมัดมือชกหรอกหรือ? องค์ชายสิบห้าประหลาดนัก ไม่รู้ต้องการสิ่งใดจึงคิดมาบังคับนางและมารดาเช่นนี้

เมื่อเห็นคนทั้งคู่ยอมจำนนต่อตนเอง องค์ชายสิบห้าก็ทรงพอพระทัย

“ในเมื่อข้ากับองครักษ์มารบกวนจวนพวกเจ้า ข้าก็ย่อมจะต้องตอบแทน เห็นว่าเรือนครัวของพวกเจ้ายังมีส่วนหนึ่งที่ถูกพายุซัดยังมิได้ซ่อม ในเมื่อข้ามาฝากท้องกินข้าวที่เรือนพวกเจ้า พรุ่งนี้จะให้คนมาซ่อมเรือนครัวให้ก็แล้ว”

จังฮูหยินได้ยินก็ตกตะลึง “จะดีหรือเพคะ เรือนของหม่อมฉันปล่อยให้หม่อมฉันซ่อมแซมเองเถิด”

“เชื่อข้าเถอะ ต่อไปข้าอาจจะมากินอาหารที่นี่บ่อยๆ คุ้มค่าซ่อมเรือนให้พวกเจ้าเป็นแน่”

เผยมู่ซีเห็นท่าทางเอาแต่ใจขององค์ชายสิบห้าแล้วรู้สึกเอือมระอา นี่เขาไม่คิดเลยหรือไรว่าเจ้าของบ้านพอใจหรือไม่? เมื่อใดนางจะหลุดพ้นจากคนในราชวงศ์ที่แสนจะเอาแต่ใจเสียที...ตายแล้วก็ยังไม่พ้นอีกหรือ?

คล้อยหลังการเสด็จกลับขององค์ชายหมิงเฉิงอวี่ จังฮูหยินก็ปล่อยให้เหล่าลู่กับเสี่ยวลิ่งช่วยกันเก็บถ้วยจานไปล้างที่เรือนครัว ส่วนนางและบุตรสาวก็จูงมือกันเข้าไปปรึกษาหารือในห้องนอน

“หลานเอ๋อร์ เหตุใดองค์ชายสิบห้าจึงมาสำรวจเรือนเรา?” จังฮูหยินเป็นคนช่างสังเกต นางรู้สึกสงสัยในพฤติกรรมขององค์ชายอย่างยิ่ง “จวนสกุลชิงมิได้มีสิ่งใดที่คนอย่างองค์ชายจะให้ความสนใจมิใช่หรือ?”

“ท่านแม่...ท่านรู้ข่าวท่านพ่อบ้างหรือไม่?”

“ทำไมหรือ?”

“ข้าอยากรู้ว่าตอนนี้ท่านพ่อเป็นขุนนางระดับใด? ตำแหน่งใด? หากองค์ชายทรงสืบสาวเกี่ยวกับสกุลชิงเล่าเจ้าคะ?”

คำทักท้วงของบุตรสาวทำให้จังฮูหยินตื่นตระหนก “จริงสิ! หากเจ้าไม่เอ่ยขึ้นมาแม่แทบจะลืมไปแล้วว่าท่านปู่ของเจ้าเป็นถึงขุนนางระดับสาม ซึ่งสามารถเข้าประชุมในท้องพระโรงได้ ส่วนท่านพ่อของเจ้าในยามที่พวกเราออกจากเรือนสกุลชิงนั้นแม้จะเป็นเพียงขุนนางชั้นล่างแต่ถึงยามนี้อาจจะก้าวหน้าจนทำให้องค์ชายทรงสนพระทัยก็ได้”

“ท่านแม่ ตอนนี้ท่านได้ติดต่อกับบ้านสกุลจังหรือไม่เจ้าคะ?”

ใบหน้าของจังฮูหยินคล้ำลงไปเมื่อได้ยินคำถามถึงบ้านเกิด นางยกมือขึ้นลูบศีรษะบุตรสาวเบาๆ “ลูกแม่ นับตั้งแต่แม่เลือกที่จะติดตามพ่อของเจ้ามาจากเมืองพยัคฆ์เหินโดยมิฟังคำทัดทานของท่านตา แม่ก็มิกล้าติดต่อกลับไปบ้านเกิดเมืองนอนอีกเลย ยากจะทำใจไปสารภาพผิดว่าตนเองคิดผิดที่เลือกบุรุษผู้นั้น”

แม้จะนึกสงสารที่มารดาต้องเสียน้ำตาเพราะคำถามของตนแต่เผยมู่ซีจำต้องรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับชาติกำเนิดใหม่ของตนเอง นางจะไม่ทำตัวอย่างชาติที่แล้วที่มีแต่ความโกรธเคืองและคอยทำตัวประชดประชันบิดาจนทำให้ตัวเองไม่อาจแก้ปัญหาใดได้

...ชาตินี้หนนี้ ‘ชิงหลาน’ จะต้องเป็นสตรีชาญฉลาดรู้จักวางแผนรุกและรับอย่างรอบคอบ...หากคิดจะแก้แค้นก็ควรจะทำการอย่างรัดกุม!

“ท่านแม่ โปรดเล่าเรื่องครอบครัวของท่านตาให้ข้าฟังหน่อยเถิด”

“ท่านตาของเจ้าเป็นเจ้าหน้าที่ทางการในเมืองพยัคฆ์เหิน ตระกูลจังนับว่ามีความสามารถในการปักเย็บที่ถ่ายทอดกันมาหลายชั่วอายุคน ท่านยายของเจ้าเป็นสะใภ้ที่ขยันขันแข็งสามารถเล่าเรียนปักเย็บได้เก่งกาจกว่าผู้ใดจึงได้ถ่ายทอดวิชานี้แก่แม่ ในตอนที่บิดาของเจ้าติดตามขุนนางผู้หนึ่งไปเมืองพยัคฆ์เหินนั้นพวกเราได้พบกัน ยามนั้นเขายังมิได้แต่งงานเพราะคำสัญญาที่ว่าจะตบแต่งแม่เป็นฮูหยินเอกแม่จึงเชื่อใจยอมรอเขามาหลายปี กระทั่งเขาเดินทางไปรับแม่ที่เมืองพยัคฆ์เหินพร้อมวางสินสอดกับท่านตาว่าจะตบแต่ง ก่อนจะเข้าเมืองหลวง ท่านพ่อของเจ้าขอร้องให้เราแต่งกันเงียบๆ แม่จึงวิงวอนจนท่านตาให้อนุญาต แต่เมื่อแม่ติดตามพ่อเจ้ามาถึงเมืองหลวง ท่านปู่กับท่านย่าของเจ้ากลับไม่ยินยอมที่จะให้แม่เป็นสะใภ้เอกเพราะติว่าครอบครัวของท่านตาต่ำต้อยกว่านักไม่อาจส่งเสริมท่านพ่อเจ้าได้ แม่จึงต้องอาศัยอยู่ในเรือนด้านหลังของสกุลชิงโดยมิได้ตบแต่งเข้าสกุล”

จังฮูหยินมิได้รำลึกถึงความหลังอันเจ็บปวดเช่นนี้มานานแล้ว เมื่อต้องขุดเรื่องเก่าขึ้นมาเล่า น้ำตาของนางก็รื้นออกมาทางหางตา เผยมู่ซีเห็นดวงตาของมารดาแดงก่ำก็ล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาให้ด้วยความสงสารจับใจ

“ความจริงแล้ว ก่อนที่แม่จะมีเจ้าแม่เคยตั้งท้องแล้วครั้งหนึ่ง แต่เพราะความร้ายกาจของซิวซีชวนนางกับสาวใช้ทำให้แม่ต้องแท้งพี่ชายของเจ้า” น้ำตาของจังฮูหยินไหลพรากลงอาบสองแก้ม ความคับแค้นในครั้งนั้นทำให้นางไม่อาจจะสูญเสียชิงหลานไปได้อีก

“ท่านพ่อของเจ้าไม่อาจจะเอาผิดนางได้ จึงให้แม่ออกมาอยู่นอกจวนกับเสี่ยวลิ่ง ไม่กี่เดือนต่อมานางก็ตั้งท้อง บิดาของเจ้าเกลียดชังนางนักมิยอมอยู่ร่วมห้องกับนาง แม้นางจะคลอดบุตรชายคนโตให้สกุลชิง ท่านพ่อของเจ้าก็ยังไม่ไยดีนาง คอยหาโอกาสมาหาแม่อยู่เสมอกระทั่งแม่ตั้งท้องเจ้า ซิวซีชวนเป็นคนโมโหร้าย นางให้สาวใช้ของนางออกมาระรานที่บ้านเช่าของพวกเราบ่อยครั้ง ท่านพ่อของเจ้าจึงได้รับสตรีสกุลผังเข้ามาเป็นอนุภรรยาเพื่อต่อกรกับนาง ทำให้นางเลิกสนใจแม่ไปได้ชั่วคราว อนุผังเป็นคนไม่ยอมใครทั้งสองจึงทะเลาะทุ่มเถียงกันบ่อยครั้ง”

“เหตุใดพวกเราจึงต้องมาอยู่อำเภอเฉินเล่าท่านแม่?” เผยมู่ซีลองหลับตาค้นในความทรงจำของชิงหลาน เด็กหญิงผู้นี้มิได้รู้เรื่องของบิดามารดามากนัก ในยามยังเด็กมีสตรีวัยกลางคนผู้หนึ่งคอยช่วยเลี้ยงดูนางเอาไว้

“ล้วนเป็นเพราะนาง...ท่านปู่กับท่านย่าของเจ้าเชื่อคำใส่ไคล้ว่าแม่คบชู้จนตั้งท้องเจ้าจึงได้บีบให้ท่านพ่อของเจ้าส่งพวกเรามาที่นี่ หลังจากคลอดเจ้าได้สักพัก ยามนั้นท่านพ่อของเจ้ากำลังก้าวหน้าในหน้าที่การงาน”

************************

ไรท์แนะนำ......

นิยายชุดนี้เขียนขึ้นทั้งหมด 7 ภาคด้วยกัน (ข้อมูลถึงตุลาคม 2564)

ภาค 1 “ท่านอ๋องอย่าคิดหนี”

ภาค 2 “ท่านอ๋องเป็นของข้า”

ภาค 3 “ท่านอ๋องกับชายาหมี”

ภาค 4 “ท่านหญิงจีจอมพลัง”

ภาค 5 “ซือซือฮองเฮาพันโฉม”

ภาค 6 “สายลับจับอ๋องใหญ่”

ภาค 7 “เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย”

อีบุ๊กมีจำหน่ายแล้วนะคะทาง mebmarket.com

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel