9 ที่รัก!
9
ที่รัก!
ภายในงานเลี้ยงหลังการเซ็นสัญญาระหว่างบุลันตราและนายทุนใหญ่ อิราเดินเข้ามาหาเศรษฐ์ผู้เป็นพ่อที่กำลังคุยสนุกอยู่กับมิสเตอร์ ไรอัน
“คุณพ่อครับ”
“ว่าไงอิรา” เศรษฐ์หันมองอิราด้วยรอยย้ำที่เพิ่งคลายหัวเราะจากมุขตลกของมิสเตอร์ ไรอัน
“ผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีเรื่องต้องเคลียร์ที่เกาะพายุ”
“อื้ม ไปสิ”
“ครับ ขอก่อนนะครับพ่อ…มิสเตอร์ ไรอัน” อิราบอกลาพ่อแล้วโค้งตัวให้มิสเตอร์ ไรอัน ก่อนจะเดินออกมาจากงานเลี้ยง
สปีดโบ๊ทของอิราแล่นมาถึงท่าเทียบเรือบนเกาะพายุ เขาขึ้นจากเรือด้วยความชำนาญก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งบนรถยนต์หรูที่ถูกเตรียมไว้ให้แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
รถของอิราถูกขับเข้ามาในทางเข้าชายหาดส่วนบุคคล แล้วจอดเทียบข้างกับรถยนต์คันหนึ่งที่ถูกจอดไว้ก่อน เขาดับเครื่องจากนั้นก็เดินลงจากรถเดินลงไปที่ชายหาด ซึ่งมีหญิงสาวยืนรออยู่
“อันนา…” ชายหนุ่มเอ่ยชื่อหญิงสาวก่อนที่เธอจะหันมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“พี่อิรา”
อิราอ้าสองแขนออกกว้างพร้อมรอยยิ้มเพื่อรอให้หญิงสาวใบหน้าเรียวสวยตรงหน้าเข้ามากอด อโณณามองหน้าอิราแล้วหลุบตาลงแต่ร่างกายกลับไม่ไหวติง
“มานี่” อิราเข้ามาขว้าแขนอโณณาเข้ามากอดแน่น แล้วจุมพิตที่หน้าผากเนียน
“คิดถึง” เขาก้มกระซิบที่ข้างหูอโณณาอย่างแผ่วเบา
“อะไร…เมื่อคืนก็เพิ่งมาเจอกัน” อโณณาพูดเสียงเรียบ
“ก็คิดถึงอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ…ว่าแต่วันนี้นัดพี่มาเรื่องอะไรเหรอ” อิราถามพลางคลายอ้อมกอดหญิงสาว แล้วจับมือพอเดินไปตามชายหาด
“หนีไปด้วยกันไหม?” เสียงเรียบนิ่งของอโณณาทำเอาอิราหยุดเดินแล้วหันมองคนรักด้วยใบหน้าสงสัยปนกังวล
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมพูดแบบนี้” อิราถามเสียงเครียด
“เบื่อ…อีกไม่นานพี่คินกับคุณเจนก็จะแต่งงานกัน รู้กันอยู่แล้วว่าเราสองครอบครัวยังไงก็ไปด้วยกันไม่ได้ ยังไงพี่คินก็ต้องจับตัวคนที่ยิงเขาอยู่ดี”
“ยังคนที่ยิงอนาคินก็ไม่ใช่บุลันตรา” อิราพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ใช่ไม่ใช่ยังไม่มีใครรู้ความจริง พี่อิรา…มันไม่ใช่แค่นั้น…” เสียงของอโณณาหายไปในลำคอแทนที่ด้วยดวงตาที่หลบลงมองพื้นผสมกับในหน้าตึงเครียด
“ไม่ใช่แค่นั้น…” อิราทวนคำอโณณาเอียงคอช้อนตาถาม
“เรา…เราไม่มีวันได้อยู่ด้วยกันหรอกถ้ายังอยู่ที่นี่ อีกหน่อยต้องมีเรื่องวุ่นวายไม่รู้จบ เชื่ออันนาเถอะนะ เราหนีไปเมืองนอกกันนะ” อโณณาคว้ามือของอิรามาบีบแน่น
“พี่ทำแบบนั้นไม่ได้ อันนาก็รู้ว่าพี่ต้องทำงานที่บุลันตรา ถ้าไม่มีพี่แล้วคุณพ่อจะทำยังไง ยายเจนก็ไม่คิดจะทำงาน พราวก็ยังเรียนไม่จบ”
“พราวตะวัน…” อโณณาเอ่ยชื่อพราวตะวันเสียงแผ่ว
อโณณาคิดไม่ตก เธอไม่รู้ว่าควรจะบอกเรื่องพราวตะวันกับอิราดีหรือไม่ เธอจำเป็นต้องปกป้องอนาคินผู้เป็นพี่ชาย แต่ใจหนึ่งก็คิดว่าไม่ควรปิดบังอิราที่เป็นคนที่เธอรัก เพราะยังไงพราวตะวันก็คือน้องสาวที่อิรารักมาก พอนึกถึงวันที่เธอได้เจออิราครั้งแรกที่อังกฤษขณะไปเรียนปริญญาตรี น้ำตาของอโณณาก็ไหลริน เธอตกหลุมรักเขาโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นลูกของศัตรูคนสำคัญของกลินท์ตระกูล แต่เธอจะทำยังไงได้เมื่อรู้ความจริง ในเมื่อเธอรักเขาไปแล้ว
“รอพี่นะ เมื่อไหร่ที่อนาคินได้แต่งงานกับเจนนินทร์ แล้วยายพราวเรียนจบกลับมาช่วยคุณพ่อ พี่จะไปกับอันนา” อิราพูดขึ้นขณะใช้เมื่อเช็ดน้ำตาที่แก้มให้กับอโณณาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเชยคางของเธอขึ้นประทับริมฝีปากตรงแก้มนวลผ่องด้วยความรัก
…ไม่มันวันนั้นแน่…
อโณณากลืนความคิดลงคอ หลับตารับจุมพิตของชายหนุ่ม ก่อนจะโผเข้ากอดเขาด้วยความโหยหา เธอต้องการเหลือเกิน…ที่จะรักกับร่างสูงตรงหน้าโดยไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องนอนของพราวตะวันดังขึ้น เธอหันมองก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาแห่งความเสียใจต่อหลายๆสิ่ง แล้วลุกจากเตียงเดินไปเปิดประตู
“เล็กน้อย…” พราวตะวันเอ่ยชื่อเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าเธอยืนอยู่ที่หน้าประตู
“เล็กน้อยเอากระเป๋าของคุรพราวมาให้ตามที่นายสั่งค่ะ” เล็กน้อยว่าพลางเลื่อนกระเป๋าลากใบใหญ่ให้กับพราวตะวัน
“ขอบคุณนะ…”
“เอ่อ คุณพราวคะ เล็กน้อยจำเป็นต้องเก็บมือถือของคุณพราวแล้วก็คอมพิวเตอร์โน้ตบุ้คให้นายนะคะ นายสั่งให้เล็กน้อยทำ” เล็กน้อยสารภาพเสียงอ่อน
“ฉันเข้าใจ…ว่าแต่เธอไม่โกรธฉันเลยเหรอที่ถีบเธอเมื่อวาน”
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าเล็กน้อยเป็นคุณพราว เล็กน้อยก็คงทำไม่ต่างกัน…ขอโทษค่ะเล็กน้อยพูดมากอีกแล้ว” เล็กน้อยยกมือขึ้นปิดปาก
“ไม่เป็นไร เธอพูดกับฉันได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องที่ฉันเล่ามันเป็นเรื่องจริงนะ…ฉันไม่ได้โกหก”
“ค่ะ… แล้วก็คุณพราวคะ นายสั่งให้คุณพราวไปพบที่ห้องทำงานด้วยนะคะ”
“ทะ…” ยังไม่ทันที่พราวตะวันจพูดจบ เล็กน้อยก็แทรกขึ้นมาก่อน
“นายบอกว่าถ้าคุณพราวไม่ไป นายจะไล่เล็กน้อยออก” เล็กน้อยพูดตามคำนายตัวเองอย่างรู้สึกผิด
“นายเธอนี่โรคจิตมากเลยนะเล็กน้อย”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
พราวตะวันเคาะประตูห้องทำงานของอนาคิน พลางก้มมองสภาพตัวเองด้วยความละเหี่ยใจ
“เข้ามา” สิ้นเสียงเจ้าของห้อง พราวตะวันก็ค่อยเปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานของเขา
“เรียกฉันมามีอะไร?” พราวตะวันถามเสียงเรียบ มือก็พยายามดึงของเสื้อให้สูงขึ้น
สิ่งที่อยู่ตรงหน้า เมื่ออนาคินเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสาร คือพราวตะวัน หญิงสาวใบหน้างามในชุดนอนซึ่งเป็นชุดกระโปรงผ้าแพรสีขาวบางที่สั้นเหนือเข่าขึ้นมาเป็นคืบ อีกทั้งยังเป็นสายเดี่ยวเส้นบางจิ๋วที่เพียงนิ้วเขี่ยก็ขาด อนาคินหรี่ตาเล็กก่อนจะกลืนน้ำลายฝืดลงคอ เมื่อมองเนินอกขาวเนียนและอวบอิ่มที่โผล่พ้นชุดบางๆออกมา ไหนจะเรียวขาขาวกับเอวที่ช่างสะอดสะองนั่งอีก
...นี่เธอต้องการจะยั่วเขาหรือยังไง…
พราวตะวันเอาปอยผมทัดหูแล้วพยายามดึงสายเดี่ยวเสียวหลุดของตัวเองให้สูงขึ้นเพื่อปิดอกที่ดันใหญ่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ก่อนหน้านี้เธอหัวเสียอยู่คนเดียวในห้องเมื่อเปิดกระเป๋าที่เพิ่งได้มาแล้วพบว่าทั้งกระเป๋ามีแต่เสื้อผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งบางทั้งโป๊ ทำไมนะเวลามาเที่ยวทะเลต้องเอามาแต่ชุดพวกนี้ นึกแล้วก็โมโหตัวเองไม่หาย
“เธอเรียนแฟชั่นใช่ไหม” อนาคินทำเสียงแข็งถามพราวตะวัน
“อืม…ทำไม”
“อาทิตย์หน้าจะมีงานประมูลมุขที่เกาะดาว มันเป็นงานใหญ่ของหมู่เกาะที่สิบปีจะจัดขึ้นทีนึง เธอน่าจะรู้ใช่ไหม”
พราวตะวันรู้ดี เพราะตอนเธอยังเด็กๆเธอเคยถูกบังคับให้ไปงานน่าเบื่อนี้ จะปฏิเสธยังไงก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นงานที่คนใหญ่คนโตในหมู่เกาะทุกคนต้องไป
“แล้ว…?” พราวตะวันเลิกคิ้วถาม
“ออกแบบและตัดชุดให้ฉัน”
“ภายในอาทิตย์นึงเนี่ยนะ? ทำไมนายไม่สั่งตัด หรือไม่ก็ซื้อชุดจากดีไซน์เนอร์ดังๆล่ะ รวยไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ ฉันรวย เพราะฉันรู้จักใช้เงิน รู้จักที่จะจัดสรรทรัพยากรและบุคคลไง ฉันถึงรวย นี่จะบอกให้นะว่าฉันไม่เลี้ยงใครฟรีๆ คนที่อยู่ที่นี่ทุกคนต้องทำงาน รวมถึงเธอด้วย”
“แต่ยังไงเวลามันก็น้อยเกินไป ไหนจะอุปกรณ์ ฉันต้องไปเลือกผ้า แล้วอย่างกับว่าในเกาะนี้มีอะไรให้เลือกมากนักแหละ”
“นั่นเป็นปัญหาของเธอ ต้องการอะไรให้บอกรัชชุ เขาจะจัดหามาให้ ทำออกมาให้ดี ไม่แน่ถ้าฉันพอใจมากๆ เธออาจจะได้รางวัล” อนาคินพูดพร้อมรอยยิ้มบางๆ ในขณะที่พราวตะวันกรอกตาแล้วมองแรงอย่างไม่พอใจ
“ไม่มีอะไรที่จะเป็นรางวัลให้ฉันได้นอกจากนายจะปล่อยฉันไป!”
“กลับไปห้องเธอได้แล้ว ฉันมีงานต้องทำ”
“เหอะ!” พราวตะวันถอนหายแรงก่อนจะสะบัดก้นตรงไปที่ประตู
“เดี๋ยว”
“อะไรอีก?” พราวตะวันหันถามอย่างรำคาญ
“กล้ามากนะที่ใส่ชุดนี้มาหาฉัน…คิดจะยั่วกันหรือไง” อนาคินมองพราวตะวันนั่งทว่าในตากลับมีรอยยิ้มกวนประสาท
“ตลก ฉันมีแต่ชุดแบบนี้หรอกย่ะ!” สิ้นเสียงพราวตะวันก็กระทืบเท้าเดินออกไปจากห้องทำงาน
อนาคินหัวเราะออกมากเบาๆ ก่อนจะเหลือบไปเห็นมือถือของพราวตะวันที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา เขามองมันอย่างช่างใจก่อนจะหยิบมันขึ้นมาเปิดเครื่อง
นิ้วเรียวเลื่อนหน้าจอทัชสกรีนแล้วกดเข้าไปในคลังรูปภาพ ก่อนจะเลื่อนดูภาพถ่ายของพราวตะวัน รอยยิ้มจางๆค่อยๆเผยขึ้นที่มุมปาก อนาคินยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว แต่แล้วเสียงมือถือก็ดังขึ้น
อนาคินตกใจมองชื่อที่โทรเข้ามาหาเครื่องพราวตะวัน ‘ที่รัก’ เมื่ออ่านชื่อคนโทรเข้าอนาคินกัดฟันกรอด บีบมือถือแน่นก่อนจะตัดสายนั้นทิ้ง ก่อนจะปิดเครื่องทันที
“ที่รักงั้นเหรอ เดี๋ยวก็รู้ว่าใครกันแน่ที่จะเป็นที่รัก”
