บท
ตั้งค่า

8 แกงจืดไข่เจียว

8

แกงจืดไข่เจียว

เศรษฐ์ บุลันตรา ประมุขของบ้านบุลันตรา ลงจากลีมูซีน ตามด้วยจันทราและมาลา ภรรยาทั้งสอง ก่อนที่อิรา ลูกชายบุญธรรมจะลงจากรถแล้วเดินมาสมทบ วันนี้เป็นนัดสำคัญระหว่างบุลันตรากับนายทุนใหญ่ที่จะเข้ามาสร้างกอล์ฟที่ใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะอริมันตรา

“ทางนี้ครับคุณพ่อ” อิรา ชายหนุ่มร่างสูงท่าทางสุขุมเดินนำทางผู้ใหญ่ทั้งสามเข้าไปในโรงแรม

“แค่มาคุยธุรกิจ ทำไมต้องแห่กันมาทั้งบ้าน” จันทราภรรยาคนแรกบ่นออกมาด้วยท่าทีหงุดหงิด

“ก็เพราะฉันหวังจะยกมันให้ลูกสาวเธอไง” เศรษฐ์ตอบก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะประชุมซึ่งทางโรงแรมจัดไว้ให้

“จริงเหรอคะคุณ”

“ก็ให้ทั้งหมดนั่นแหละ ลูกทั้งสามคน”

คำตอบของประมุขแห่งบุลันตราทำให้จันทรามองอิราลูกนอกใส้และมาลาเมียน้อยด้วยความไม่สบอารมณ์

“แล้วนี่ยายเจนไปไหน ไม่เห็นหน้ามาหลายวันแล้ว วันนี้ก็ไม่มา” เศรษฐ์ถามถึงเจนนินทร์ ลูกสาวคนโตของบ้าน

“เอ่อ…ลูกไปอิตาลีน่ะค่ะ พอดีเขามีแฟชั่นโชว์ที่นั่น”

“บอกให้มันกลับมาสักที…ถึงเวลาที่เราจะทวงสัญญากับพวกเกาะกลินท์แล้ว”

“สัญญา…” มาลาทวนคำพูดผู้เป็นสามี

“ก็เรื่องแต่งงานของเจนนินทร์กับอนาคินไง…ดองกันไว้ เขาจะได้ไว้หน้าเราบ้าง แล้วยายเจนจะไม่ต้องลำบาก” เศรษฐ์สบตากับอิราที่กำลังมองมาที่เขาอย่างครุ่นคิด

“แล้วที่มีข่าวว่าคุณอนาคินถูกยิง นั่นเรื่องจริงหรือคะ” มาลาถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ก็คงจริงครับ…นักธุรกิจหนุ่มไฟแรงคิดจะทำคาสิโน คงไปขัดหูขัดตาใครเข้าบ้างครับ” อิราเอ่ยตอบน้ำเสียงราบเรียบ

“ตายจริง! แล้วนี่ถ้ายายเจนไปแต่งงานกับเขาจะไม่เป็นอันตรายไปด้วยหรือคะ” และคำตอบนั้นก็ทำให้จันทรานึกกลัวขึ้นมา

“อย่ากลัวเรื่องไร้สาระไปหน่อยเลย ลองบุลันตรากับกลินท์ตระกูลได้เป็นทองแผ่นเดียวกันแล้วมีหรือที่จะมีคนโง่กล้าคิดทำอะไร!”

“ค่ะ…” พอสามีทำเสียงแข็ง ภรรยาคนแรกอย่างจันทราก็ทำเสียงอ่อนลงในทันที

“แล้วเจ้าพราวตัวแสบล่ะมาลา บินกลับไปเรียนแล้วก็เงียบหายไปเลย ไม่คิดจะโทรมาหาพ่อบ้างเลยหรือไง?”

“เดี๋ยวฉันจะโทรไปเตือนแกนะคะ แต่เห็นว่าเรียนหนักเพราะเป็นปีสุดท้ายแล้ว”

“เรียนหนักหรือเอาแต่เที่ยวเล่น ยายพราวชอบทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตยิ่งไปคบกับเอพริลลูกสาวนายพลปราชญ์ ยิ่งแล้วใหญ่ ขานั้นวันๆก็ดีแต่ผลาญเงินพ่อแม่” จันทราได้ทีต่อว่าพราวตะวันลับหลังตามสไตล์เมียหลวงเกลียดลูกเมียน้อย

“พอๆ ฉันเบื่อจะฟังเรื่องพวกนี้แล้ว” เศรษฐ์พูดจบก็หันไปมองอิราที่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็กเอกสารการทำสัญญา

“ทุกท่านครับ มิสเตอร์ไรอันมาถึงแล้วนะครับ” เลขาของเศรษฐ์เดินเข้ามาบอก

“เชิญเขาเข้ามาเลยครับ” อิราเงยหน้าขึ้นพูดก่อนที่ทุกคนจะยืนขึ้นต้อนรับนักลงทุนรายใหญ่

แต่ละวันอนาคินต้องอ่านและเซ็นเอกสารมากมาย เนื่องจากกิจการทั้งหมดมีเพียงเขาที่เป็นลูกชายคนโตคอยรับผิดชอบ เพราะอคีราห์ปฏิเสธที่จะทำงานของกลินท์ตระกูลทั้งหมดแล้วหมกมุ่นอยู่กับงานศิลปะของตัวเอง ส่วนอโณณาหลังจากเรียนจบจากอังกฤษ ก็คิดที่จะเรียนต่อและปฏิเสธที่จะทำงานให้ที่บ้านเช่นเดียวกัน

“นายครับ” รัชชุเดินเข้ามาในห้องทำงานบนตึกสูงของ กลินท์ตระกูล

“มีอะไร” อนาคินตอบรับลูกร้อง ทว่าดวงตากำลังจ้องแฟ้มเอกสารในมือ อยากจะรีบทำงานให้เสร็จแล้วรีบกลับบ้านเสียจริง

“บุลันตรากำลังทำสัญญาสนามกอล์ฟกับมิสเตอร์ไรอัน แล้วจะมีงานเลี้ยงฉลองคืนนี้ครับ”

“อืม…ให้มันมีความสุขกันไปก่อน แล้วฟ้าจะถล่มตอนที่พวกมันเสพสุขกันเสร็จ”

“ครับนาย…แต่คนของเราบอกว่าการทำสัญญาครั้งนี้ไปทั้งครอบครัวแต่ไม่มีคุณเจนนินทร์กับคุณศรัทธา”

“ไม่มีเจนนินทร์ฉันไม่แปลกใจ น่าจะโปรยเงินพ่อเงินแม่อยู่เมืองนอก แต่ไม่มีศรัทธานี่สิแปลก”

“ผมว่าบางทีคนที่สั่งยิงนายอาจจะไม่ใช่คุณเศรษฐ์ แต่เป็นคุณศรัทธา”

“จะเป็นใครก็ช่างขอแค่เป็นบุลันตราก็พอ!”

“นายยังจำเรื่องที่คุณศรัทธาบินไปมาเก๋าบ่อยๆได้ไหมครับ”

“ทำไม?”

“ผมสืบทราบมาแล้วว่าเขาเป็นหุ้นส่วนบ่อนอยู่ที่นั่น มันอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำไมเขาถึงไม่อยากให้เราเปิดคาสิโนที่เกาะดาว”

“รัชชุ นายรู้ใช่ไหมว่าฉันไม่ชอบจินตนาการ เอาความจริงเท่านั้น ถ้าไม่มีอะไรแน่ชัดก็ไปสืบมา สืบมาให้หมดรวมถึงคนสั่งยิงด้วย”

“ครับนาย”

“ไปเตรียมรถ ฉันจะกลับแล้ว” อนาคินปิดแฟ้มเอกสารมองตามรัชชุที่ออกจากห้องทำงานไป

รถของอโณณามาจอดที่ท่าเรือของตระกูลกลินท์ เธอเดินลงจากรถพร้อมสวมแว่นกันแดดยี่ห้อหรู ลงมาที่สะพานไม้ มีคนขับสปีดโบ๊ทรอเธออยู่

“ไปเกาะพายุ เป็นความลับ” อโณณายื่นเงินปิดปากให้คนขับสปีดโบ๊ทก่อนที่เธอจะเดินลงไปนั่งที่ด้านหลังเรือแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก

“เตรียมรถให้ด้วย ฉันจะไปถึงภายในยี่สิบนาที” อโณณากดวางสายแล้วโทรออกหาใครบางคนอีกครั้ง

“มาเจอกันหน่อย ที่เดิม”

ที่บ้านท้ายเกาะพราวตะวันกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารให้อนาคินโดยมีเล็กน้อยคอยมองอยู่อย่างอนาถใจ

“ว๊าย!” พราวตะวันร้องออกมาเมื่อโดนน้ำมันที่กระเซ็นมาโดนแขนตอนเทไข่เจียวลงในกระทะ

“คุณพราวให้เล็กน้อยช่วยไหมคะ…ไม่ได้ค่ะไม่ได้ นายสั่งไว้ว่าห้ามช่วย” เล็กน้อยเดินถอยเข้าถอยออกอย่างกล้าๆกลัวๆ

“เล็กน้อย…ช่วยหยิบจานให้ที ไฟแรงมากเลย…ลดไฟตรงไหนเนี่ย” พราวตะวันพลิกไข่เจียวอย่างทุลักทุเล

“ค่ะๆ” เล็กน้อยจานยื่นให้พราวตะวัน ก่อนที่เธอจะตักไข่เจียวที่มีรอยดำจากความไหม้มาวางในจาน

“เสร็จไปอย่างนึง” พราวตะวันมองความสำเร็จของตัวเองด้วยรอยยิ้มจางๆ

“จะทานได้หรือคะ” เล็กน้อยหยีตามองไข่เจียวไหม้ๆในจาน

“กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน…ต่อไปก็ทำแกงจืด ในตู้เย็นมีวุ้นเส้นไหมนะ” ว่าแล้วร่างบางในชุดผ้าคลุมกันเปื้อนก็เดินไปเปิดตู้เย็นดู

“ไม่มีหรอกค่ะ นายไม่เคยกลับมาทานข้าวที่นี่ ในตู้เย็นก็มีแต่ไข่นี่แหละค่ะ”

“งั้นทำแกงจืดไข่เจียวแล้วกัน”

“จะดีหรือคะ”

“ดีสิ!” พราวตะวันยิ้มกว้างปนแอบหัวเราะเมื่อเธอนึกอะไรดีๆออก

เวลาผ่านไปพักใหญ่ พราวตะวันนำถ้วยแกงจืดไข่เจียวกับไข่เจียวที่ทั้งมันเยิ้มทั้งไหม้มาวางที่โต๊ะอาหาร ไม่นานอนาคินก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมรัชชุ

“กลิ่นอะไร เหม็นคลุ้งไปหมด” อนาคินถามขึ้นเมื่อเดินมานั่งที่โต๊ะอาหาร

“กลิ่นอาหารของนายนี่แหละค่ะ” เล็กน้อยมองพราวตะวันที่ยืนนิ่งแล้วตอบคำถามเจ้านาย

“ไข่เจียวไหม้…แล้วนี่อะไรแกงจืดเหรอ” อนาคินมองอาหารตรงหน้าแล้วเงยหน้าถามพราวตะวันทว่าเธอกลับเงียบก้มหน้ามองพื้นไม่ตอบเขา

“ว่าไง…ถามไม่ตอบ ลงมานั่งนี่!” อนาคินเรียกให้พราวตะวันมานั่งข้างๆเขา

“ไม่!” พราวตะวันตอบเสียงเรียบ

“งั้นเล็กน้อยไปเก็บของ ฉันไล่เธอออก”

“หะ?! นายขา อย่าไล่เล็กน้อยออกเลยนะคะ” เล็กน้อยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ยกมือไหว้อนาคิน

“ก็ได้ๆ ฉันจะนั่ง” พราวตะวันรู้ดีว่าอนาคินต้องการบีบคั้นเธอ

“ตักไข่เจียวให้ฉัน” พอได้รับคำสั่งพราวตะวันจำใจหยิบช้อนขึ้นตักไข่เจียววางลงในจานข้าวของอนาคินอย่างรำคาญใจ

เขายิ้มกว้างด้วยความตลกแล้วสะใจก่อนจะตักมันเข้าปาก โดยมีรัชชุมองเจ้านายด้วยความสับสน ว่าตกลงแล้วเจ้านายของเขาต้องการอะไรกันแน่ ตั้งแต่ทำงานกับอนาคิน รัชชุไม่เคยเห็นมุมนี้ของเขาเลยแม้สักครั้ง

“น้ำมันท่วมไปหมด! กลิ่นไหม้ก็ฉุนไปหมด แต่รสชาติไม่เลว” อนาคินวิจารณ์ไข่เจียวพลางเคี้ยวตุ้ยๆ

“ไหนข้าวเธอล่ะ”

“ฉันไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องกิน…เล็กน้อยไปตักข้าวมาให้พราวตะวัน” อนาคินหันไปสั่งเล็กน้อย

เล็กน้อยถือจานข้าวมาวางตรงหน้าพราวตะวัน ก่อนจะเดินไปยืนรอข้างๆรัชชุ อนาคินมองตาทั้งสองก่อนจะขมวดคิ้วตะหงิดๆในใจ

“จะไปทำอะไรก็ไปสิ มายืนเฝ้าฉันทำไม?”

“ครับนาย/ค่ะนาย” รัชชุกับเล็กน้อยพากันเดินออกไปจากห้องอาหารพร้อมรอยยิ้ม

“ชิมแกงจืดสิ” อนาคินสั่งพราวตะวัน แล้วมันทำให้ดวงตากลมโตของเธอโตขึ้นจนผิดสังเกต

“ฉัน…ชิมแล้ว อร่อยดี” พราวตะวันอึกอัก

“ตักเข้าปากให้ฉันดู”

“ไม่เอา ฉันไม่หิว”

“หรือจะให้ฉันจับเธอแก้ผ้าตรงนี้” อนาคินเลิกคิ้วถามร่างบาง

“ทำไมถึงได้ชอบขู่นักหะ?!” ว่าแล้วพราวตะวันก็หยิบช้อนขึ้นตักแกงจืดไข่เจียวเข้าปาก รสชาติที่ทั้งเปรี้ยวทั้งเค็มเพราะมะนาวกับเกลือ ทำให้เธอกลืนไม่ลง ต้องหยีตาอมมันไว้แล้วหันหน้าหนีอนาคิน

“หันหน้ามา แล้วกลืนมันลงไป” อนาคินยิ้มไม่หุบ ขณะที่พราวตะวันส่ายหน้า

“ฉันบอกให้กลืน แล้วหันหน้ามา ไหนว่าอร่อยไง?” อนาคินยิ้มปนหัวเราะแล้วจับไหล่พราวตะวันบังคับให้เธอหัน

ในขณะที่พราวตะวันหันตัวกลับมาหาอนาคิน สองสายตาได้ประสานกันอย่างไม่ตั้งใจ หญิงสาวจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่กำลังยิ้มของชายหนุ่ม เธอ…ชอบดวงตาคู่นี้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ชอบอย่างที่ไม่อาจหาสาเหตุที่มาที่ไปของมันได้ สุดท้ายก็กลืนแกงจืดลงคออย่างลืมตัว และเวลาเดียวกันนั้นอนาคินก็ลืมตัวไปว่าเขาต้องเกลียดคนตรงหน้าที่เป็นลูกของศัตรู

“เป็นไง อร่อยไหม?” เมื่อตั้งสติได้อนาคินก็ถามพราวตะวันเพื่อแก้เขิน

“อะ…อร่อยๆ” และหญิงสาวเองก็เขินและรู้สึกแปลกไม้น้อยไปกว่าชายหนุ่มแม้สักนิด

“ดี…งั้นฉันจะกินไข่เจียวเอง ส่วนเธอก็กินแกงจืดให้หมด รับผิดชอบคนละอย่าง”

“หะ?!” พราวตะวันเสียงสูงอย่างตกใจ

“ก็เธอบอกว่าอร่อยไม่ใช่เหรอ กินให้หมด กินทิ้งกินขว้างมันเปลือง” อนาคินหันมาสั่งแล้วตักไข่เจียวเข้าปากพร้อมรอยยิ้ม ผิดกับพราวตะวันที่ทำหน้าผะอืดผะอมเหมือนจะอ้วกออกมาให้ได้ คิดในใจว่าเธอต้องตายแน่ๆ หากกินแกงจืดชามนี้จดหมด…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel