4
“ค่ะคุณหญิงย่า” แขนภาตอบรับยิ้มแย้ม ไม่ได้ใคร่จะคิดตามอะไรนักหรอก สมัยนี้เทคโนโลยีทันสมัย เข้ากันไม่ได้ก็เลิกกัน ใครจะไปทนดักดานอยู่ด้วยกันจนแก่ตาย บางคนพูดจาสวยหรูดูดี พอเจอตัวจริงแย่กว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า หน้าตาก็เหมือนกัน เจอกันในเน็ตแต่งสวยแต่งหล่อยังไงก็ได้ พอเจอตัวจริงขอบายถมเถไป เรื่องธรรมดาของยุคสมัยนี้
คุณหญิงช่อทิพย์เลิกสนใจแขนภาเสีย เพราะนึกไม่ชอบใจในหลายๆ เรื่อง แต่ก็เลือกที่จะเงียบไม่พูดออกไป
“หลานอยู่ที่นี่หลายๆ วันได้ไหมภูเขา ย่าคิดถึง”
“ผมอยู่ค้างได้แค่สองสามวันนะครับคุณหญิงย่า เพราะต้องกลับไปเคลียร์งานหลายอย่าง”
“เอาเถอะ สองสามวันก็ยังดี ไม่เป็นไร ภูเขาไม่ว่าง ย่าค่อยไปหาเองที่ไร่ จะได้ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ด้วย” ท่านพูดอย่างเข้าใจ
“คุณหญิงย่าครับ”
“ว่าไงจ๊ะ”
“วันเกิดของคุณหญิงย่ากลางเดือนนี้ จัดที่ไร่ดีไหมครับ”
“ก็ดีนะ บรรยากาศดี แต่รบกวนภูเขาหรือเปล่าลูก”
“ไม่รบกวนหรอกครับ ผมอยากจัดงานวันเกิดให้คุณหญิงย่าที่นั่น คุณหญิงย่าจะได้พักผ่อนด้วยครับ ที่ไร่อากาศดีจะได้อยู่ด้วยกันหลายๆ วัน”
“ขอบใจมากจริงๆ ย่าน่ะไปอยู่ที่ไร่ของภูเขาแล้วไม่อยากกลับเลย อากาศดีจริงๆ ชักจะไม่อยากอยู่ในเมืองแล้วล่ะสิ”
“ดีสิครับ ไปอยู่ที่โน่นด้วยกัน”
“ถ้าจะให้ย่าไปอยู่ที่โน่นด้วยกัน ภูเขาต้องช่วยย่าดูแลธุรกิจที่นี่ด้วยนะ” คุณหญิงช่อทิพย์พูดเปิดทางให้หลานชายเข้ามาดูแลกิจการของท่าน
“แล้วแต่คุณหญิงย่าต้องการครับ” ทัศกรไม่ได้คัดค้านเพราะถือเป็นการแบ่งเบาภาระของท่าน
“ทรัพย์สมบัติของย่าก็เหมือนของภูเขานั่นแหละลูก ย่ามีหลานคนนี้แค่คนเดียว ภูเขาเข้ามาดูแลเสียตั้งแต่ตอนนี้น่ะดีแล้ว ย่าตายไปจะได้ไม่มีปัญหา” ท่านคิดการไกล แม้จะเพิ่งเจอกัน แต่ท่านก็รู้ว่าหลานชายคนนี้จะต้องดูแลทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านสร้างมาได้อย่างแน่นอน
“คุณหญิงย่าพูดอะไรแบบนั้นล่ะครับ ผมเพิ่งเสียคุณพ่อไป ไม่อยากเสียใครไปอีกในตอนนี้ ผมอยากให้คุณหญิงย่าอยู่กับผมไปอีกนานๆ ครับ”
“ย่าน่ะแก่แล้ว จะตายวันตายพรุ่งยังไม่รู้เลย”
“ไม่เอาครับ พูดเรื่องนี้แล้วไม่สบายใจเปล่าๆ”
“ย่าทำให้เสียบรรยากาศนะ แต่ย่าอยากให้ภูเขาเข้ามาดูแลกิจการทั้งหมดของย่า แม่กานต์เขาทำงานกับย่ามาตลอด เขารู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง เขาจะช่วยภูเขาได้ทุกอย่างนะลูก” คุณหญิงช่อทิพย์หันไปมองเด็กสาวในอุปการะที่นั่งรับประทานอาหารเงียบๆ แต่ยิ้มรับอย่างยินดีและเต็มใจ
“คงไม่ต้องรบกวนคนนอกหรอกค่ะคุณหญิงย่า แขก็อยู่ทั้งคน เรื่องงานอะไรแขช่วยภูเขาได้ทุกเรื่องเหมือนกันค่ะ กานพลูอายุเพิ่งจะสิบเก้า ยังเด็กนัก เอาเวลาไปเรียนหนังสือจะดีกว่านะคะ”
“แม่กานต์เค้าไม่ใช่คนนอกสำหรับย่านะ อีกอย่างถึงจะอายุแค่สิบเก้า แต่เขาก็ทำงานกับย่ามานาน แต่เอาเถอะ แล้วแต่ภูเขานะลูก จะให้ใครช่วยงานก็ตามสบาย ย่าแค่แนะนำแม่กานต์เพราะเขาคล่องและรู้เรื่องในบริษัทต่างๆ ดี เนื่องจากติดตามย่าทำงานมาตลอด”
“เอาไว้ค่อยคุยกันดีกว่าครับ” ทัศกรตัดบทเสีย เพราะเขาเองยังวุ่นๆ กับงานของตัวเอง เรื่องที่เขาเปิดโรงเลื่อยใหม่ กับโครงการขยายไร่ออกไปอีก
คืนนั้นทัศกรพักค้างคืนที่บ้านของผู้เป็นย่า โดยมีแขนภาพักอยู่ห้องข้างๆ เขาออกไปเดินเล่นที่สนามหญ้าหน้าบ้าน ใบหน้าคมคายแหงนมองท้องฟ้ายามราตรี คืนนี้พระจันทร์สวยเด่น ส่องแสงสว่างไสวไปทั่ว กลบดวงดาวทำให้มองไม่ค่อยเห็นนักตามประสาคืนเดือนเพ็ญ สายตาของเขาหันมองรอบกาย ก่อนจะไปสะดุดอยู่ที่ร่างบอบบางของกานพลูที่ออกมายืนมองดาวอยู่ที่ระเบียงห้องของเธอ
ทัศกรเผลอมองใบหน้าผุดผ่องต้องแสงจันทร์ของอีกฝ่ายเพลิน รู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงของคนรักที่ดังอยู่ด้านหลัง
“คุณออกมาเดินเล่นไม่เห็นชวนแขเลยนะคะ น่าน้อยใจเสียจริง”
“นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอแข”
“ใช่ค่ะ อาจจะเพราะแปลกที่น่ะค่ะ หรือเพราะไม่มีคนกล่อมนอน” แขนภาโอบกอดรอบคอหนาของทัศกรเอาไว้ ทำท่าจะโน้มลงมาหาแต่เขาขืนร่างเอาไว้ แกะมือเธอออก ก่อนเงยขึ้นไปบนระเบียงห้องของกานพลู แต่ปรากฏว่าไม่เห็นเธอแล้ว
“มองอะไรคะ” แขนภาเอ่ยถาม มองตามสายตาของทัศกรแล้วขมวดคิ้วเข้าหากัน
“เปล่าครับ”
“กล่อมแขนอนหน่อยสิคะ นอนไม่หลับเลย ถ้าไม่มีคุณ” แขนภาออดอ้อน
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ไร่นะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี”
“งั้นเราขึ้นห้องกันดีกว่า”
“คุณหญิงย่าจะมองไม่ดีนะ ผมกับท่านก็เพิ่งเจอกันไม่กี่ครั้ง” เขารู้สึกว่าช่วงนี้ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมกับแขนภาเลย เขาพยายามไม่แสดงความเบื่อหน่ายออกมาให้เธอเห็น แต่บางอย่างก็ทำให้เขาไม่ค่อยอยากแตะต้องสัมผัสเธอเลย
“แหม... คุณหญิงย่าของคุณคงไม่ได้หัวโบราณขนาดนั้นกระมังคะ”
“แต่ผมไม่อยากให้ท่านมองไม่ดีนะ เอาไว้เรากลับไร่ค่อยว่ากัน อยู่ที่นี่สำรวมสักนิดก็ดี เดี๋ยวผมจะพาไปส่งที่ห้อง” ทัศกรดึงแฟนสาวให้เดินตาม แขนภาหน้างอง่ำเดินตามเขาไปอย่างกระฟัดกระเฟียด
“คุณไม่เปลี่ยนใจแน่ๆ นะคะ” แขนภายังออดอ้อนเขาอยู่หน้าประตู แต่ทัศนกรเพียงแต่หอมแก้มเธอ และดันเธอเข้าห้อง ก่อนจะบอกราตรีสวัสดิ์ แขนภาได้แต่ฮึดฮัดขัดใจ สุดท้ายก็ต้องนอนเหงาคนเดียวตามระเบียบ
งานเลี้ยงเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของคุณหญิงช่อทิพย์ จัดขึ้นที่ไร่กลีบเมฆ โดยทัศกรเป็นคนจัดการเรื่องทุกๆ อย่างให้ผู้เป็นย่า
“ดูสิแม่กานต์ หลานชายของฉันเขาน่ารักเสียจริง จัดงานเสียใหญ่โต”
“ค่ะคุณท่าน บรรยากาศในงานดีมากๆ เลยนะคะ” นี่เป็นครั้งที่สองที่กานพลูตามติดผู้มีพระคุณมาที่ไร่กลีบเมฆ เธอรู้สึกชอบที่นี่เพราะอากาศดี ทัศกรทำโรงเลื่อย และทำฟาร์มม้า ไร่ข้าวโพด ไร่มันสำปะหลัง และไร่อ้อย เขาปลูกผลไม้อีกหลายชนิด เงาะ มังคุด ทุเรียน ส้มโอ มัลเบอร์รี่ ชมพู่ แคนตาลูป ขนุน กระท้อน มะละกอ กล้วย ลองกอง สับปะรด หน่อไม้ ละมุด มะยงชิด เลม่อน และยังเพาะเห็ดอีกด้วย ทัศกรยังเปิดรีสอร์ทให้แขกเข้ามาพักด้วย เพราะช่วงฤดูผลไม้ จะมีบุฟเฟ่ต์ผลไม้ให้แขกที่ลองชิมกันทุกวัน
“แกงป่าของที่นี่อร่อยจังเลยนะคะ หนูคงต้องขอสูตรเอาไปทำที่กรุงเทพฯ เสียแล้วละค่ะ”
“จริงจ้ะ อร่อย หอมเครื่องเทศ แม่ครัวของที่นี่เขาคงไม่หวงสูตรหรอกนะ”
“ไม่หวงค่ะ ป้าทับทิมใจดี มีสูตรอาหารหลายอย่างอร่อยๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ”
“คุณหญิงย่าครับ ขาดเหลืออะไรก็บอกผมได้นะครับ”
“ย่าน่ะชอบมากจ้ะ ไม่มีอะไรขาดตกบกพร่องเลย” คุณหญิงช่อทิพย์บอกหลานชาย ท่านทำตัวเรียบง่ายไม่ให้ใครต้องวุ่นวาย เมื่อก่อนท่านเจ้ายศเจ้าอย่างมาก ผลสุดท้ายก็ไม่เหลือคนที่รัก ตอนนี้ท่านไม่อยากเรื่องมาก มีพิธีรีตองอะไรให้วุ่นวายอีกแล้ว ขอเก็บช่วงเวลาดีๆ เอาไว้แบบนี้จะดีกว่า
คุณหญิงช่อทิพย์ เชิญเฉพาะแขกเหรื่อและญาติสนิทชิดเชื้อมาร่วมงานคล้ายวันเกิดครบ 70 ปีของท่านเท่านั้น ของขวัญเกิดมากมายที่ถูกวางเรียงรายเอาไว้ ไม่เท่ากับน้ำใจไมตรีของทุกคนที่มีให้ท่านเสมอมา แต่สิ่งที่ท่านมีความสุขที่สุดก็คือ มีหลานชายน่ารักอย่างทัศกร เลยอดไม่ได้ที่จะอวดหลานชายให้ใครๆ ได้เห็น
ถึงเวลาเป่าเค้กฉลองวันเกิด ทัศกรยืนเคียงข้างผู้เป็นย่า อีกฝั่งหนึ่งคือกานพลู แต่หญิงสาวถูกเบียดจนกระเด็นออกมาอย่างจงใจด้วยฝีมือของแขนภา กานพลูไม่พูดกระไร เมื่อเห็นแขนภาเข้าไปยืนเคียงข้างผู้มีพระคุณ เธอจึงถอยออกมาเพราะรู้ดีว่าไม่ใช่ลูกหลาน แต่เป็นเพียงเด็กที่อาศัยอยู่ในบ้านเท่านั้น
เพลงอวยพรวันเกิดถูกขับร้องด้วยบรรยากาศอันอบอุ่น ก่อนที่คุณหญิงช่อทิพย์จะเป่าเค้กวันเกิด และตามมาด้วยเสียงปรบมือ เสียงอวยพรให้ท่านอายุมั่นขวัญยืน สุขภาพแข็งแรงและมีความสุขมากๆ หลังจากนั้นเป็นงานเลี้ยงฉลองที่ดื่มกินกันอย่างออกรส เพราะทัศกรถือโอกาสนี้เลี้ยงคนงานไปในตัว เรียกว่าจัดงานครั้งเดียว ได้สองงานทีเดียว