เกษียณทหารแล้วไปทำฟาร์มที่ต่างโลก

408.0K · จบแล้ว
Bondmju
209
บท
30.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เรื่องราวของทหารที่เสียสละตัวเองเพื่อชาติ เขาพลีชีพเพื่อช่วยเหลือคนหมู่มาก จึงได้ทำรางวัลพิเศษไปต่างโลก พร้อมกับพร 3 ประการจากพระเจ้าโลลิ..เขาเลือกที่จะทำฟาร์ม และใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในต่างโลก ชีวิตในต่างโลกของเขาจะดำเนินไปทางไหน จะมีอุปสรรคอะไรที่รอเขาอยู่ ...โปรดติดตามต่อในตอน...

บทที่ 1

แกร๊ก.. แกร๊ก.. ซ่า..

“แถวนี้ไม่มีสัญญาณเลยครับหัวหน้า” เสียงหนึ่งกระซิบขึ้น เมื่อพยายามหมุนปุ่มปรับคลื่นอยู่นาน วิทยุสื่อสารในมือก็ยังไม่สามารถใช้งานได้

“ฉันว่าเราขยับเข้าไปสังเกตการณ์ใกล้ๆ กว่านี้หน่อยดีกว่า ดูท่าแล้ว ที่นี่จะต้องเป็นโกดังเก็บยาบ้าที่สายรายงานมาเมื่อสองวันก่อนแน่ๆ” คนที่มีตำแหน่งสูงสุดในกลุ่มกล่าวเสียงเบา

“แต่ผมว่า เราไปตามกำลังเสริมจากหน่วยอื่นมาก่อนดีกว่านะครับ จริงมั้ยพี่ ภาม ” เสียงสั่นๆ ของคนที่ดูจะอายุน้อยที่สุดในกลุ่มเสนอ พร้อมกับหันไปถามคนข้างๆ เพื่อหาแนวร่วม

“พี่ยังไงก็ได้ แล้วแต่หัวหน้าเลย” ภามกล่าวกลับมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ

ชายหนุ่มสี่คนที่อยู่ในชุดลายพรางของทหาร กำลังหลบอยู่หลังหินก้อนใหญ่ สายตาทั้งสี่คู่จ้องไปในทิศทางเดียวกัน คือ โกดังขนาดกลางที่ตั้งอยู่ไกลออกไปไม่มากนัก รอบๆ โกดังเต็มไปด้วยชายสวมชุดสีดำ อาวุธครบมือ เดินตรวจตราสถานที่อย่างระมัดระวัง

ทั้งสี่เป็นทหารในกองกำลังป้องกันชายแดน ที่วันนี้ได้รับมอบหมายให้มาเดินตรวจความเรียบร้อยตามตะเข็บชายแดนเท่านั้น แต่นึกไม่ถึงว่า ภารกิจตรวจความเรียบร้อยยังไม่ทันสำเร็จ พวกเขากลับได้มาพบเข้ากับโกดังน่าสงสัย ที่มีคนคุ้มกันอยู่จำนวนมาก ทำให้อดไม่ได้ที่จะคิดว่าของภายในโกดังจะต้องเป็นของที่มีค่ามาก

เมื่อจะทำการติดต่อฐานบัญชาการ และหน่วยลาดตระเวนหน่วยอื่น ว่าพบโกดังน่าสงสัย บริเวณจุดที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่นั้นกลับไม่มีสัญญาณ ทำให้ทางเลือกมีไม่มากนัก คือถอยก่อน เนื่องจากพวกเขากำลังพลที่น้อยกว่า หรือจะแอบเข้าไปสังเกตการณ์ใกล้ๆ เท่าที่จะทำได้ จะได้ไม่มาเสียเที่ยว ตามที่หัวหน้าหน่วยบอก

“แค่เข้าไปดูใกล้ๆ หัวหน้าไม่ได้สั่งให้บุกสักหน่อย ทำเป็นกลัวไปได้ เด็กน้อยไม่เปลี่ยนนะไอ้ ตี๋” นายทหารที่ตอนแรกกำลังปรับหาสัญญาณวิทยุสื่อสารในมือ หันกลับมาแซวคนที่อายุน้อยที่สุด

“ผมไม่ได้เก่งแบบหัวหน้า แบบพี่ภามนี่นา แล้วก็ไม่ได้บ้าไม่กลัวตายแบบพี่ โอ๊ต ด้วย อีกอย่างนะ ผมกำลังจะได้แต่งงานแล้ว ยังไม่อยากตายก่อนได้เมีย” ตี๋ นายทหารผิวขาว หน้าตาตี๋ๆ สมชื่อ กล่าวให้เหตุผล

“เอ้า ไอ้นี่ แซวหน่อยเดียว มาว่าฉันบ้าทำไมเนี่ย”

“ชู่ว!!” คนเป็นหัวหน้าเอ่ยเตือน ทำให้สองคู่กัดเงียบเสียงลงทันที

“แถวนี้ต้นไม้ใหญ่ขึ้นอยู่เยอะ พงหญ้าก็ขึ้นสูง ผมว่าเราพรางตัวเข้าไปใกล้ๆ ได้ไม่ยากหรอก” ภาม เจ้าของน้ำเสียงสบายๆ เอ่ยขึ้นมาอีก

“ได้ งั้นเราค่อยๆ ย้ายที่เข้าไปใกล้ๆ กว่านี้หน่อยก็แล้วกัน” ผู้เป็นหัวหน้าสรุป

เมื่อมติเป็นเอกฉันท์ ทั้งสี่จึงค่อยๆ ก้มขยับตัวเข้าไปทางโกดังตรงหน้า โดยใช้พงหญ้าที่ขึ้นสูงถึงบริเวณต้นขาเป็นตัวช่วยในการพรางตัว หัวหน้า และโอ๊ตเป็นคนเดินนำ โดยมีตี๋ตามหลังไปติดๆ ภามตามมาหลังสุด คอยระวังหลังให้ทุกคนตามความเคยชิน

ทั้งสี่หยุด และซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ใหญ่คนละต้น เมื่อเห็นว่าโกดังอยู่ใกล้แล้ว และบริเวณข้างหน้าต่อไปจนถึงตัวโกดังไม่มีที่ที่จะสามารถใช้ซ่อนตัวได้สะดวกแล้ว

“เดี๋ยวผมกับไอ้ภามจะขยับเข้าไปสำรวจใกล้ๆ กว่านี้เอง หัวหน้าคอยดูลาดเลาอยู่ตรงนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นคอยช่วยยิงสกัดเวลาพวกผมหนี โอเคไหมครับ” โอ๊ตเสนอ เมื่อคิดว่าให้เขากับภามเข้าไป น่าจะคล่องตัวที่สุด

เมื่อเห็นหัวหน้าพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต โอ๊ตและภามก็หมอบตัวลงกับพื้น ค่อยๆ คลานไปทางโกดังต่อ เนื่องจากหญ้าบริเวณหน้าโกดังไม่ได้ขึ้นสูงนัก ทั้งสองคลานมานั่งเบียดกันหลบอยู่หลังซากลังไม้ ใกล้ตัวโกดังเข้าไปทุกที

‘ซ่า.. หน่วยสองเรียกหน่วยเจ็ด ซ่า.. ได้ยิน .. ซ่า.. ตอบด้วย ซ่า’

อยู่ๆ เสียงวิทยุสือสารก็ดังขึ้น โอ๊ตตกใจมาก รีบก้มดูวิทยุสือสารที่เหน็บไว้ตรงเข็มขัด แต่ก็พบว่าเขาปิดมันเรียบร้อยตั้งแต่ตอนย้ายจุดซ่อนตัวแล้ว ถ้าอย่างนั้นเสียงมาจากไหนกันล่ะ!!

‘ฮัล.. ซ่า.. หน่วยเจ็ด.. ฮัลโหล.. ซ่า..’

เสียงจากวิทยุยังคงดังต่อไป จนกลุ่มคนชุดดำที่เฝ้าโกดังอยู่เริ่มรู้สึกตัว

“เฮ้ย นั่นใครวะ!! จะออกมาดีๆ ไหม ถ้าให้พวกกูไปลากออกมา เจอยิงไม่เลี้ยงแน่” เสียงจากกลุ่มคนชุดดำตะโกนดังมา พร้อมกับเริ่มกระจายตัวออกค้นหาต้นตอของเสียง

“เวรเอ้ย!! ทำไมปิดไม่ได้วะ” เสียงสบทของตี๋ดังแว่วมา ทำให้ทุกคนรู้ได้ไม่ยากว่าใครที่ลืมปิดวิทยุสื่อสาร

หัวหน้าหน่วยที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ ถัดจากต้นที่ตี๋ซ่อนตัวอยู่ไปสามต้น ซึ่งนับว่าเป็นคนที่อยู่ใกล้ตี๋มากที่สุด กำลังจะรีบคลานเข้าไปหา แต่ตี๋ที่หาทางปิดวิทยุสือสารไม่ได้ ตัดสินใจที่จะโยนวิทยุสื่อสารไปให้ได้ไกลจากตัวมากที่สุด

ปัง!!

“โอ้ย!!” ตี๋ร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เมื่อพบว่ามือข้างที่เพิ่งโยนวิทยุสื่อสารทิ้งไป ตอนนี้มีเลือดกำลังไหลอาบลงมาจำนวนไม่น้อย

ในขณะที่กำลังตื่นกลัว ตี๋ที่คิดว่าพวกศัตรูต้องรู้ตำแหน่งที่ซ่อนตัวของเขาแล้วแน่ๆ มองไปทางหัวหน้าที่หมอบอยู่กับพื้น กำลังจะคลานเข้ามาหาเขา ตี๋รู้ดีว่า ถ้าเขาวิ่งไปหาหัวหน้า เขาคงจะรู้สึกปลอดภัยขึ้น แต่ในทางกลับกัน หัวหน้าก็จะตกอยู่ในอันตรายไปด้วย ในเสี้ยววินาทีนั้น ตี๋จึงตัดสินใจที่จะวิ่งหนีไปทางอื่นแทน

แต่การวิ่งหนี ทำให้ศัตรูเห็นตัวตี๋ได้อย่างชัดเจน เหล่าชายชุดดำต่างพากับวิ่งไปที่คนตรงหน้าที่วิ่งหนีอยู่ หัวหน้าเห็นดังนั้นจึงกลับไปซ่อนตัวหลังต้นไม้ ก่อนจะหยิบปืนขึ้นมาเล็ง หมายจะช่วยยิงสกัด

โอ๊ตกับภามที่ซ่อนตัวอยู่ เห็นศัตรูกรูกันไปทางตี๋กันหมด ไม่ได้สนใจมาทางพวกตนเลย จึงออกจากที่ซ่อนตัว และออกวิ่งตามตี๋ไป หมายจะเข้าไปช่วย

“โอ๊ย!!”

ตี๋ที่วิ่งหนีไป วิ่งหลบกระสุนไป ในที่สุดก็พลาดท่า มีกระสุนหนึ่งนัดเจาะทะลุข้อเท้าของเขาไป ความเจ็บปวดนั้นทำให้ตี๋ล้มลงไปกองอยู่กับพื้น วิ่งต่อไปไหว

ปัง! ปัง! ปัง!

กระสุนสามนัดจากปืนของหัวหน้าที่ไม่เคยยิงพลาดเป้า จัดการชายชุดดำที่กำลังวิ่งเข้าไปหาตี๋ที่นอนกองอยู่บนพื้นไปได้สามคน

ปัง! ปัง!

กระสุนอีกสองนัดมาจากโอ๊ตและภามที่วิ่งตามมาสมทบ จัดการชายชุดดำที่เหลืออีกสองคนได้พอดี

โอ๊ตกับภามรีบเข้าไปหิ้วปีกตี๋ที่กำลังนอนโอดโอยอยู่บนพื้น ทั้งสองพยายามช่วยกันลากตี๋ให้ออกไปจากบริเวณโกดังให้ได้ไกลที่สุด