ไม่รักก็อย่าเกลียดกันเลย (70%)
“ว่ามาสิ”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา พี่ธีเคยรักอายบ้างไหม”
“…”
คนถูกถามยืนนิ่ง สีหน้าราบเรียบ สายตาอ่านไม่ออก ปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ พร้อมกับให้ความเงียบงันอันแสนอึดอัดคือคำตอบ กระทั่งอารญาพยักหน้าทั้งน้ำตา
“อายเข้าใจแล้ว ต่อไปนี้พี่ธีสบายใจได้ อายสัญญาว่าจะไม่มาให้เห็นหน้า และจะไม่ทำให้รำคาญใจอีก”
เขาทิ้งให้เธออยู่ในห้องเพียงลำพัง อารญานั่งร้องไห้อยู่สักพัก ก่อนจะแต่งตัว แล้วเดินออกจากห้องอีกฝ่าย ทว่าพอก้าวลงไปถึงห้องโถงเธอกลับต้องตัวชาวาบ ขาตาย ปวดหนึบที่หัวใจประหนึ่งมีค้อนกระหน่ำทุบตี นัยน์ตาร้อนผ่าว กับภาพบาดตาที่เห็น ธีรเดชกำลังนั่งคุยกับมนธิราด้วยท่าทางมีความสุข ทั้งสองปรายตามองส่วนเกินอย่างเธอแค่นิดหน่อย ธีรเดชเมินไปอีกทาง ในจังหวะที่เธอเดินผ่านหน้า ส่วนมนธิราถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เดาว่าอีกฝ่ายคงกลัวเธอจะไประราน โวยวาย หรือทำร้ายร่างกายเหมือนอย่างเก่า
แต่ไม่หรอก อารญาจะไม่ทำอะไรอย่างนั้น ในเมื่อธีรเดชไม่ได้มีใจให้เธอ ไม่ได้ต้องการเธอ ผลักไสเธออย่างสิ้นเยื่อขาดใย เธอก็ควรจะยอมรับความจริง แล้วถอยออกมา เพราะการดันทุรังมีแต่จะทำให้ตัวเองเจ็บหนัก ถึงแม้ว่าการจากลาจะเจ็บปวดและทรมาน แต่ก็เชื่อว่าสักวันเธอจะทำใจกับการผิดหวังในรักได้
ห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง
“คุณหมอคะ มีเคสด่วนเข้ามาค่ะ คนไข้กินยานอนหลับเกินขนาด”
พยาบาลวิ่งกระหืดกระหอบมาแจ้งคนที่เพิ่งเดินออกจากห้องฉุกเฉินได้ยังไม่ทันถึงห้านาที ร่างสูงสง่าภายใต้เสื้อผ้าดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า สวมทับด้วยเสื้อกาวน์ ที่กำลังยืนกดน้ำร้อนใส่แก้วกาแฟในห้องแพนทรีด้วยท่าทางเนือยๆ ถึงกับชะงักมือ พยักหน้าเร็วๆ แล้วผลุนผลันไปยังห้องฉุกเฉินโดยไม่สนใจกาแฟที่หวังจะดื่มแก้ง่วง
ทันทีที่เห็นสภาพของคนที่ถูกเข็นเข้ามาในห้องฉุกเฉิน หัวใจของธีรเดชก็เย็นเยียบ
“อารญา…”
การยื้อชีวิตของคนไข้เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะคนไข้มาด้วยอาการที่ค่อนข้างสาหัส และไม่มีสติ ต้องทำการล้างท้อง กู้ชีพจร แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี
ทันทีที่ก้าวขาออกมาจากห้องฉุกเฉิน ธีรเดชก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ยอมรับว่าตั้งแต่เป็นหมอมาไม่เคยมีเคสไหนที่ทำให้เขารู้สึกบีบคั้นหัวใจได้มากถึงเพียงนี้
“น้องเป็นยังไงบ้างวะมึง?”
พงษ์สวัสดิ์ที่เพิ่งทราบข่าววิ่งมาถามเพื่อนด้วยท่าทางหอบฮัก คนติดเมียอย่างเขายอมห่างเมียมาได้ เพราะเรื่องที่ได้รับรู้คอขาดบาดตาย ที่สำคัญคือมันเกี่ยวกับคนที่เขารักและเอ็นดูประดุจน้องสาวในไส้
“พ้นขีดอันตรายแล้ว”
“ย้ายไปตึกผู้ป่วยในแล้วใช่ไหม กูจะไปดูน้อง” คนเพิ่งมาถึงถามอย่างร้อนใจ แล้วตั้งท่าจะเดินจากไป หากว่าคนที่ยืนกอดอกทำหน้าเครียดอยู่จะไม่เอ่ยรั้งไว้เสียก่อน
“ให้เขาพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมา”
“มึงรู้ใช่ไหม ว่าน้องมันทำแบบนี้เพราะอะไร”
“…”
“กูถามมึงจริงๆ เถอะไอ้คุณชาย ไอ้เพื่อนเวร มึงยังมีหัวใจอยู่ไหมวะ ถึงทำให้เด็กน่ารักอย่างยายหนูนั่นแทบตายเพราะมึง” ทนไม่ไหวจิตแพทย์หนุ่มก็กระชากคอเสื้อเพื่อนมาถามด้วยความข้องใจ
“…”
“ถ้ามึงไม่รัก ไม่ต้องการ ก็อย่าทำร้ายน้องอีก”
พงษ์สวัสดิ์เค้นเสียงลอดไรฟัน ผลักอกอีกฝ่ายแรงๆ แล้วหันหลังเดินลิ่วจากไป เพราะกลัวว่าตัวเองจะอดใจไม่ไหว เผลอกระทืบไอ้เพื่อนหน้าโง่ไร้หัวใจเข้า
เธอฝัน
ในฝันมันเหมือนจริงมาก
เธอเห็นเขามายืนอยู่ข้างเตียง กอดอกมองเธอนิ่งๆ ด้วยสายตาไร้ความรู้สึก
“ทำไมถึงทำร้ายตัวเอง”
น้ำคำที่เปล่งออกมาจากปากหยักทำให้คนฟังมองหน้าเขาอย่างงงๆ แต่ก็อดตัดพ้อไม่ได้ หากว่าถ้อยคำต่อมากลับทำให้เธอเจ็บยิ่งกว่า เจ็บเหมือนจะตายเสียให้ได้
“อย่าทำอย่างนี้อีก มันไม่คุ้มหรอก ตัดใจจากฉันซะ”
“แต่อายรักพี่ธี…อายรักพี่ธี…”
เธอกรีดร้องเหมือนคนบ้า ร่างบางดิ้นทุรนทุราย มือทั้งคู่ยื่นออกมาไขว่คว้าคนที่กำลังก้าวถอยหลังจากไปอย่างช้าๆ ขณะละล่ำละลักวิงวอนทั้งน้ำตา
“พี่ธี! อย่าไป! อย่าทิ้งอาย!…”
เธอตะโกนสุดเสียง น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่จะรู้สึกถึงแรงเขย่าที่ต้นแขน สติอันเลือนราง และความรู้สึกที่จมในห้วงฝันอันแสนเจ็บปวดกลับมา เปลือกตาค่อยๆ เปิดขึ้นในอาการสะลึมสะลือ ทันทีที่แสงกระทบตาคนที่หลับไปหลายวันก็หยีตาเพื่อปรับรับแสง ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้งอย่างช้าๆ
“คุณละเมอ ฝันร้ายเหรอคะ”
อารญาทำเพียงพยักหน้า มองสาววัยกลางคนในชุดพยาบาลที่ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยท่าทางงงๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล เเล้วก็ต้องชะงัก เมื่อรู้สึกเจ็บแปลบที่หลังมือ พอก้มลงมองก็ปรากฏว่ามีสายน้ำเกลือติดอยู่
“ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลเหรอคะ?”
“ใช่ค่ะ เดี๋ยวดิฉันไปตามหมอให้นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
คนป่วยเอ่ยเสียงแผ่ว คล้อยหลังพยาบาลเธอก็ยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาที่ยังเปื้อนแก้ม กระหวัดคิดไปถึงความฝันที่เหมือนความจริง แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไม่นานพยาบาลก็กลับมา
“รอหน่อยนะคะ เดี๋ยวคุณหมอก็มาค่ะ”