เกลียดรัก

201.0K · จบแล้ว
พราวนภา
83
บท
92.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

คนบางคนมักจะให้ความสำคัญต่อคนที่ตัวเองเกลียดอารญากับธีรเดชก็เช่นกันแต่เกลียดกันไปเกลียดกันมาดันท้องเฉยเลย

หมอประธาน

บทนำ

โรงพยาบาลรักษ์ กรุงเทพมหานคร

“ลูกชุบ ทนอีกนิดนะลูก”

หลังจากยื่นสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก หรือสมุดบันทึกสีชมพู ซึ่งเป็นสมุดที่บันทึกข้อมูลผลการตรวจร่างกายของคุณแม่ตั้งแต่ตั้งครรภ์ และคำแนะนำต่างๆ รวมถึงบันทึกข้อมูลของลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบัน ให้เจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลอย่างทุลักทุเล เพราะมือหนึ่งโอบอุ้มร่างหนักอึ้ง อารญาก็เอ่ยปลอบประโลมเจ้าของร่างอ้วนจ้ำม่ำในชุดแพนด้าน้อยที่ตัวเองอุ้มอยู่ แต่คนที่ซบอยู่ตรงไหล่กลับไม่ตอบโต้อะไรจนเธอใจแป้ว

“ลูกชุบ อย่าเงียบสิลูก คุยกับแม่หน่อย”

เสียงสะท้านของคนเป็นแม่ และมืออุ่นที่ลูบตรงแผ่นหลังน้อยอย่างร้อนใจ ทำให้คนที่ซุกหน้าเข้ากับไหล่มนปรือตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน แล้วเบะปากเอ่ยปนสะอื้นน้อยๆ

“ฮึก…แม่จ๋า…”

“จ๋าลูก”

“ป้อจ๋า มาม้ายยยย…”

โถ…ยายตัวอวบของแม่

“พ่อจ๋าไปทำงาน หาเงินซื้อหนมให้หนูเยอะๆ ไงลูก”

“ม่ายเอาหนม จาเอาป้อจ๋า”

คราวนี้คนช่างกินไม่สนขนม การร่ำร้องหาพ่อในทุกครั้งที่ไม่สบายทำให้คนเป็นแม่สงสารจับจิต หัวตาร้อนผ่าว เจ็บจุกในอกที่ไม่สามารถหา ‘พ่อ’ มาให้ลูกได้

“ชู่ว์! ไม่งอแงนะลูก ถ้าหนูเป็นเด็กไม่น่ารักคุณหมอจะจับฉีดยานะคะ”

“ม่ายจีดยา จัวเขม” คนที่ยังพูดไม่ชัดส่ายหน้าหวือ

“ถ้ากลัวเข็มก็เงียบ แล้วหลับตานะคะคนดีของแม่”

“ปัยเจเว่น”

“หาหมอเสร็จแล้วแม่จะพาไป ซื้อหนมให้หนูเยอะๆ ดีไหมเอ่ย”

“ลูกจุ๊บม่ายจื้อหนม จื้อป้อจ๋า”

โถ! ลูกเธอจะซื้อพ่อในเซเว่น

“พ่อจ๋าไม่ได้อยู่ในเซเว่นค่ะลูก”

“ฮึก…จาเอาป้อจ๋า จื้อป้อจ๋า…เจเว่น”

ยายหนูเริ่มเบะปาก เซเว่นเป็นเหตุ เพราะเพื่อนซี้ของเธอชอบหลอกล่อหลานว่าจะพาไปเซเว่นเวลาที่ยายหนูงอแง หนำซ้ำยังชอบซื้อขนมและของเล่นจากเซเว่นมาฝากบ่อยครั้ง

“ชู่ว์! โอเคค่ะ ซื้อพ่อจ๋าก็ซื้อพ่อจ๋า แต่ตอนนี้หนูต้องเงียบแล้วนอนซบไหล่แม่นะคะคนดี ไม่งั้นคุณหมอจะจับฉีดยาค่ะ” คนเป็นแม่จำต้องเออออไปกับความไร้เดียงสา ตบท้ายด้วยการหลอกล่อ

“ฮื้อ…”

ยายหนูทำเสียงประท้วงกลั้วลำคอ แต่สุดท้ายก็ยอมซุกหน้าลงซบไหล่ของแม่ด้วยท่าทางฮึดฮัด ไม่นานก็ผล็อยหลับไปเพราะความเพลียผสมกับพิษไข้ที่รุมเร้าจนร่างน้อยร้อนเป็นไฟ

อารญาอุ้มลูกรออยู่ตรงเคาน์เตอร์หน้ากระจกของแผนกเวชระเบียนอีกสักพัก เจ้าหน้าที่ก็ยื่นสมุดบันทึกสีชมพูคืนให้ หลังจากทำประวัติคนไข้ตัวน้อยเรียบร้อยแล้ว

“ขอบคุณค่ะ”

เธอกล่าวพลางคลี่ยิ้มเล็กน้อยตามมารยาท ส่วนมือก็ยื่นออกไปหมายจะรับสมุดบันทึกสีชมพู แต่ด้วยความที่มือหนึ่งอุ้มลูกอยู่จึงไม่ถนัด ฉะนั้นมันจึงพลัดตกลงสู่พื้น

คุณแม่ยังสาวหลุดอุทานออกมา ในจังหวะที่กำลังตั้งท่าจะก้มลงเก็บสมุดด้วยท่าทางทุลักทุเลก็ต้องชะงัก เมื่อมีใครคนหนึ่งก้มลงเก็บมันขึ้นมาให้

ในวินาทีที่อีกฝ่ายเงยหน้าพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเธอถึงกับยืนอึ้ง และนิ่งงันอยู่ในท่านั้น คำขอบคุณถูกกลืนหายไป พร้อมกับลมหายใจที่เหมือนถูกสูบออกไปจากร่างแบบปัจจุบันทันด่วน

“อารญา!…”

คนที่ถือสมุดบันทึกสีชมพูขยับปากเอ่ยชื่อของเธอแผ่วเบา ส่วนตาก็จ้องมองอย่างตกตะลึง หญิงสาวไม่ปริปากพูดอะไร นอกจากถือวิสาสะดึงของของเธอออกจากมือเขาจนเกือบเป็นกระชาก แล้วตั้งท่าจะหมุนตัวพาลูกเดินจากไปเสียดื้อๆ หากว่าร่างสูงสง่าจะไม่ก้าวมาดักทางเอาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวก่อนสิ”

“…”

เธอยังคงวางสีหน้าเย็นชา ไม่ปริปากพูดอะไร นอกจากตั้งท่าจะอุ้มลูกหนีไปอีกทาง

“น้องอาย”

หึ! คนนิสัยไม่ดี!

อยากตะโกนใส่หน้านักว่าอย่ามาเรียกเธออย่างสนิทสนมอย่างนั้นอีกเป็นอันขาด

“คุณมีอะไรก็ว่ามา”

หลังจากนิ่งไปอึดใจใหญ่อารญาก็เชิดหน้าเอ่ยเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ ด้วยไม่อยากให้ลูกที่กำลังซบหน้าอยู่ตรงไหล่รับรู้ถึงการมาของเขา แต่ก็ใจชื้นที่เขามองไม่เห็นหน้าของลูกเพราะเสื้อแพนด้ามีฮู้ดคลุมหัวทุยเอาไว้

ส่วนคนที่ไม่เห็นหน้าเธอนานมากๆ ก็มองสำรวจร่างอ้อนแอ้นเร็วๆ แล้วหยุดสายตาลงที่ร่างอ้วนจ้ำม่ำในชุดแพนด้าน้อยที่เธออุ้มอยู่

แปลก!

แค่มองร่างกระจ้อยร่อย ที่ไม่เห็นแม้แต่หน้าตา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพศใด แต่ทำไมใจเขาถึงสั่น ลำคอตีบตันเหมือนหาเสียงตัวเองไม่เจอ ธีรเดชปล่อยให้เวลาผ่านไปหลายวินาที ก่อนจะเอื้อนเอ่ยออกมา

“เด็กนี่…”

หน็อย! เขากล้าดียังไง มาเรียกลูกเธอว่าเด็กนี่

วาจาที่พ่นออกมาจากปากหยักว่าไม่เข้าหูชวนโมโหแล้ว มือที่ยื่นมาหมายจะแตะต้องลูกทำให้เธอตวัดตาขุ่นคลั่กใส่ เบี่ยงร่างที่อุ้มอยู่ไปอีกทาง พร้อมกับเค้นเสียงลอดไรฟันขู่ฟ่อ

“อย่ามาแตะต้องลูกฉัน!”

“แค่จะขอดูหน้าเด็กหน่อย ทำไมถึงได้หวงนัก”

วาจาเรียบเรื่อย แต่สายตาคมดุกลับหรี่แคบลง ทำให้คนฟังตัวแข็งทื่อ ในจังหวะที่เขาตั้งท่าเอื้อมมือหมายจะคว้าฮู้ดออกจากหัวลูกใจเธอก็หายวาบ เดชะบุญที่เสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน

“อาจารย์หมอคะ มีเคสด่วนเข้ามาค่ะ”

คุณชายหมอทำท่าละล้าละลังอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยอมตัดใจ ทั้งที่อยากจะเห็นหน้าเจ้าของร่างจ้ำม่ำที่อารญาอุ้มอยู่ใจแทบขาด ทว่าสุดท้ายก็จำต้องหมุนปลายเท้าไปยังห้องฉุกเฉิน แต่ไม่ลืมที่จะกดโทรศัพท์ไปสั่งงานคนสนิทอย่างเร่งด่วน

“เจออารญาแล้ว ที่โรง’บาลรักษ์ สั่งให้คนคอยตามอย่าให้คลาดสายตา”