บทย่อ
คนบางคนมักจะให้ความสำคัญต่อคนที่ตัวเองเกลียดอารญากับธีรเดชก็เช่นกันแต่เกลียดกันไปเกลียดกันมาดันท้องเฉยเลย
บทนำ
โรงพยาบาลรักษ์ กรุงเทพมหานคร
“ลูกชุบ ทนอีกนิดนะลูก”
หลังจากยื่นสมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก หรือสมุดบันทึกสีชมพู ซึ่งเป็นสมุดที่บันทึกข้อมูลผลการตรวจร่างกายของคุณแม่ตั้งแต่ตั้งครรภ์ และคำแนะนำต่างๆ รวมถึงบันทึกข้อมูลของลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดจนถึงปัจจุบัน ให้เจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลอย่างทุลักทุเล เพราะมือหนึ่งโอบอุ้มร่างหนักอึ้ง อารญาก็เอ่ยปลอบประโลมเจ้าของร่างอ้วนจ้ำม่ำในชุดแพนด้าน้อยที่ตัวเองอุ้มอยู่ แต่คนที่ซบอยู่ตรงไหล่กลับไม่ตอบโต้อะไรจนเธอใจแป้ว
“ลูกชุบ อย่าเงียบสิลูก คุยกับแม่หน่อย”
เสียงสะท้านของคนเป็นแม่ และมืออุ่นที่ลูบตรงแผ่นหลังน้อยอย่างร้อนใจ ทำให้คนที่ซุกหน้าเข้ากับไหล่มนปรือตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน แล้วเบะปากเอ่ยปนสะอื้นน้อยๆ
“ฮึก…แม่จ๋า…”
“จ๋าลูก”
“ป้อจ๋า มาม้ายยยย…”
โถ…ยายตัวอวบของแม่
“พ่อจ๋าไปทำงาน หาเงินซื้อหนมให้หนูเยอะๆ ไงลูก”
“ม่ายเอาหนม จาเอาป้อจ๋า”
คราวนี้คนช่างกินไม่สนขนม การร่ำร้องหาพ่อในทุกครั้งที่ไม่สบายทำให้คนเป็นแม่สงสารจับจิต หัวตาร้อนผ่าว เจ็บจุกในอกที่ไม่สามารถหา ‘พ่อ’ มาให้ลูกได้
“ชู่ว์! ไม่งอแงนะลูก ถ้าหนูเป็นเด็กไม่น่ารักคุณหมอจะจับฉีดยานะคะ”
“ม่ายจีดยา จัวเขม” คนที่ยังพูดไม่ชัดส่ายหน้าหวือ
“ถ้ากลัวเข็มก็เงียบ แล้วหลับตานะคะคนดีของแม่”
“ปัยเจเว่น”
“หาหมอเสร็จแล้วแม่จะพาไป ซื้อหนมให้หนูเยอะๆ ดีไหมเอ่ย”
“ลูกจุ๊บม่ายจื้อหนม จื้อป้อจ๋า”
โถ! ลูกเธอจะซื้อพ่อในเซเว่น
“พ่อจ๋าไม่ได้อยู่ในเซเว่นค่ะลูก”
“ฮึก…จาเอาป้อจ๋า จื้อป้อจ๋า…เจเว่น”
ยายหนูเริ่มเบะปาก เซเว่นเป็นเหตุ เพราะเพื่อนซี้ของเธอชอบหลอกล่อหลานว่าจะพาไปเซเว่นเวลาที่ยายหนูงอแง หนำซ้ำยังชอบซื้อขนมและของเล่นจากเซเว่นมาฝากบ่อยครั้ง
“ชู่ว์! โอเคค่ะ ซื้อพ่อจ๋าก็ซื้อพ่อจ๋า แต่ตอนนี้หนูต้องเงียบแล้วนอนซบไหล่แม่นะคะคนดี ไม่งั้นคุณหมอจะจับฉีดยาค่ะ” คนเป็นแม่จำต้องเออออไปกับความไร้เดียงสา ตบท้ายด้วยการหลอกล่อ
“ฮื้อ…”
ยายหนูทำเสียงประท้วงกลั้วลำคอ แต่สุดท้ายก็ยอมซุกหน้าลงซบไหล่ของแม่ด้วยท่าทางฮึดฮัด ไม่นานก็ผล็อยหลับไปเพราะความเพลียผสมกับพิษไข้ที่รุมเร้าจนร่างน้อยร้อนเป็นไฟ
อารญาอุ้มลูกรออยู่ตรงเคาน์เตอร์หน้ากระจกของแผนกเวชระเบียนอีกสักพัก เจ้าหน้าที่ก็ยื่นสมุดบันทึกสีชมพูคืนให้ หลังจากทำประวัติคนไข้ตัวน้อยเรียบร้อยแล้ว
“ขอบคุณค่ะ”
เธอกล่าวพลางคลี่ยิ้มเล็กน้อยตามมารยาท ส่วนมือก็ยื่นออกไปหมายจะรับสมุดบันทึกสีชมพู แต่ด้วยความที่มือหนึ่งอุ้มลูกอยู่จึงไม่ถนัด ฉะนั้นมันจึงพลัดตกลงสู่พื้น
คุณแม่ยังสาวหลุดอุทานออกมา ในจังหวะที่กำลังตั้งท่าจะก้มลงเก็บสมุดด้วยท่าทางทุลักทุเลก็ต้องชะงัก เมื่อมีใครคนหนึ่งก้มลงเก็บมันขึ้นมาให้
ในวินาทีที่อีกฝ่ายเงยหน้าพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเธอถึงกับยืนอึ้ง และนิ่งงันอยู่ในท่านั้น คำขอบคุณถูกกลืนหายไป พร้อมกับลมหายใจที่เหมือนถูกสูบออกไปจากร่างแบบปัจจุบันทันด่วน
“อารญา!…”
คนที่ถือสมุดบันทึกสีชมพูขยับปากเอ่ยชื่อของเธอแผ่วเบา ส่วนตาก็จ้องมองอย่างตกตะลึง หญิงสาวไม่ปริปากพูดอะไร นอกจากถือวิสาสะดึงของของเธอออกจากมือเขาจนเกือบเป็นกระชาก แล้วตั้งท่าจะหมุนตัวพาลูกเดินจากไปเสียดื้อๆ หากว่าร่างสูงสง่าจะไม่ก้าวมาดักทางเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนสิ”
“…”
เธอยังคงวางสีหน้าเย็นชา ไม่ปริปากพูดอะไร นอกจากตั้งท่าจะอุ้มลูกหนีไปอีกทาง
“น้องอาย”
หึ! คนนิสัยไม่ดี!
อยากตะโกนใส่หน้านักว่าอย่ามาเรียกเธออย่างสนิทสนมอย่างนั้นอีกเป็นอันขาด
“คุณมีอะไรก็ว่ามา”
หลังจากนิ่งไปอึดใจใหญ่อารญาก็เชิดหน้าเอ่ยเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ ด้วยไม่อยากให้ลูกที่กำลังซบหน้าอยู่ตรงไหล่รับรู้ถึงการมาของเขา แต่ก็ใจชื้นที่เขามองไม่เห็นหน้าของลูกเพราะเสื้อแพนด้ามีฮู้ดคลุมหัวทุยเอาไว้
ส่วนคนที่ไม่เห็นหน้าเธอนานมากๆ ก็มองสำรวจร่างอ้อนแอ้นเร็วๆ แล้วหยุดสายตาลงที่ร่างอ้วนจ้ำม่ำในชุดแพนด้าน้อยที่เธออุ้มอยู่
แปลก!
แค่มองร่างกระจ้อยร่อย ที่ไม่เห็นแม้แต่หน้าตา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพศใด แต่ทำไมใจเขาถึงสั่น ลำคอตีบตันเหมือนหาเสียงตัวเองไม่เจอ ธีรเดชปล่อยให้เวลาผ่านไปหลายวินาที ก่อนจะเอื้อนเอ่ยออกมา
“เด็กนี่…”
หน็อย! เขากล้าดียังไง มาเรียกลูกเธอว่าเด็กนี่
วาจาที่พ่นออกมาจากปากหยักว่าไม่เข้าหูชวนโมโหแล้ว มือที่ยื่นมาหมายจะแตะต้องลูกทำให้เธอตวัดตาขุ่นคลั่กใส่ เบี่ยงร่างที่อุ้มอยู่ไปอีกทาง พร้อมกับเค้นเสียงลอดไรฟันขู่ฟ่อ
“อย่ามาแตะต้องลูกฉัน!”
“แค่จะขอดูหน้าเด็กหน่อย ทำไมถึงได้หวงนัก”
วาจาเรียบเรื่อย แต่สายตาคมดุกลับหรี่แคบลง ทำให้คนฟังตัวแข็งทื่อ ในจังหวะที่เขาตั้งท่าเอื้อมมือหมายจะคว้าฮู้ดออกจากหัวลูกใจเธอก็หายวาบ เดชะบุญที่เสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน
“อาจารย์หมอคะ มีเคสด่วนเข้ามาค่ะ”
คุณชายหมอทำท่าละล้าละลังอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะยอมตัดใจ ทั้งที่อยากจะเห็นหน้าเจ้าของร่างจ้ำม่ำที่อารญาอุ้มอยู่ใจแทบขาด ทว่าสุดท้ายก็จำต้องหมุนปลายเท้าไปยังห้องฉุกเฉิน แต่ไม่ลืมที่จะกดโทรศัพท์ไปสั่งงานคนสนิทอย่างเร่งด่วน
“เจออารญาแล้ว ที่โรง’บาลรักษ์ สั่งให้คนคอยตามอย่าให้คลาดสายตา”