อดีตที่เคยพัง (100%)
“คุณน้องอายครับ”
น้ำเสียงสุภาพกึ่งเกรงอกเกรงใจทำให้คนที่นั่งกอดอกสัปหงกอยู่แถวๆ หน้าห้องทำงานของประธานบริหารขยับเปลือกตายุกยิก ก่อนจะลืมตาขึ้นด้วยท่าทางงัวเงีย
“พี่ธีประชุมเสร็จแล้วใช่ไหมคะคุณนิธิ”
หลังจากยกมือลูบหน้าลวกๆ เพื่อขับไล่ความง่วงงุนและเพลียจัด เนื่องจากเมื่อคืนทำรายงานจนดึกดื่น อารญาก็เอ่ยถามชายวัยกลางคนท่าทางสุภาพ และเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เสร็จแล้วครับ”
คำตอบทำให้คนฟังคลี่ยิ้มบางๆ ออกมา คว้าสายกระเป๋ามาคล้องไหล่ ลุกขึ้นอย่างกระตือรือร้น พร้อมเอ่ยบอก “งั้นอายขอตัวไปหาพี่ธีก่อนนะคะ”
“เอ่อ…คุณชายออกไปแล้วครับ”
“ออกไปแล้ว!” เธอทำหน้าตกใจ
“ครับ”
“ออกไปตอนไหนคะ ทำไมอายไม่เห็น”
“ออกไปก่อนที่ผมจะเดินมาปลุกคุณน้องอายครับ”
น้ำคำบอกเล่าทำให้คนฟังทำหน้าเศร้า ก่อนจะพึมพำขอบคุณ แล้วเดินคอตกไปกดลิฟต์ลงไปยังชั้นล่าง ส่วนเลขาหนุ่มก็ได้แต่มองตามอย่างสงสาร ส่ายหัวให้กับเจ้านายที่เอาแต่หนีหน้าอารญา ทั้งที่เป็นคนรับนัดสาวน้อยเอาไว้แล้วแท้ๆ แต่ยังเล่นแง่สารพัด ปล่อยให้เธอรออย่างน่าสงสารตั้งนาน มิหนำซ้ำยังถือโอกาสหลบไปในช่วงที่เธอหลับรอ พฤติกรรมประหลาดๆ แบบนี้ ไม่ให้เรียกว่ารังแกเด็กแล้วจะให้เรียกว่าอะไร
ร่างบางที่ยืนทำหน้าซึมอยู่ในลิฟต์ตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาธีรเดช แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับสาย ไม่ว่าเธอจะพยายามโทรไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง สุดท้ายอารญาก็ทำได้เพียงถอนหายใจหนักๆ
เขาปล่อยให้เธอรอเก้อกี่ครั้ง?
เขาหลอกให้เธอมีความหวังกี่หน?
ปีก่อนอารญาเคยมีหวังว่าจะได้แต่งงานกับธีรเดช ฉะนั้นเธอจึงทึกทักเอาว่าเขาเองก็รักเธอเช่นกัน แต่อยู่ๆ ก็เหมือนโลกถล่ม เมื่อสาวน้อยผู้อ่อนเดียงสาดันไปเห็นภาพสวีตบาดตาของเขากับคนรัก ก็รู้ว่าเขามีแฟน แต่เขาก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของเธอ แถมอีกฝ่ายยังรับปากกับผู้ใหญ่ว่าจะแต่งงานกับเธอ จนเธอมโนไปไกลว่าเขาคงเลิกรากับผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว ฉะนั้นพอมาเห็นภาพตำตาก็แทบช็อก สุดท้ายอารญาก็ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน แต่พอธีรเดชไปตามได้ไม่นานเธอก็ใจอ่อนยอมกลับมา เพราะคิดว่าเรื่องมันจะลงเอยด้วยการแต่งงาน แต่อยู่ๆ ท่าทีของอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไป
อารญามารู้ความจริงทีหลัง ว่าพ่อของเธอกับพ่อของเขาต่างเป็นหุ้นส่วนในผับใต้ดินแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นแหล่งมั่วสุมอบายมุขทุกชนิด และที่เขาจำใจตกลงแต่งงานกับเธอก็เพราะไม่อยากดูแลผับดังกล่าว แต่ก็มีเงื่อนไขว่าจะแต่งงานกับเธอเฉพาะในนาม แต่สุดท้ายเรื่องแต่งงานก็ไม่เกิดขึ้น เพราะอยู่ๆ ตาของมนธิราคนรักของเขา ซึ่งเป็นคนมีเส้นมีสายเข้าช่วย จนผับเจ้าปัญหาปิดตัวลง ความรักของเขากับแฟนแฮปปี้ แต่เธอกลายเป็นหมาหัวเน่า
ในเมื่อเข้าหาธีรเดชไม่ได้ อารญาเลยเปลี่ยนแผนมาดักรอมนธิราที่หน้าคอนโดหรูใจกลางกรุง เธอไม่สามารถเข้าไปรอด้านในได้ จึงยืนรออยู่แถวๆ หน้าทางเข้าจนขาแข็ง ได้แต่ภาวนาว่าโชคจะเข้าข้าง สวรรค์จะบันดาลให้เธอมีโอกาสได้พบและพูดคุยกับมนธิราบ้าง เธอแค่อยากขอร้องมนธิราเรื่องธีรเดชเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่สำเร็จเธอก็จะทำใจยอมรับแต่โดยดี แต่ตอนนี้ขอแค่ให้เธอได้พยายามเต็มที่ ให้เธอได้รู้แน่ชัดว่าคนที่เธอจะสละธีรเดชให้จะรักเขาเหมือนดังเช่นที่เธอรัก ให้เธอได้แน่แก่ใจว่านับจากนี้เธอเลือกทางเดินไม่ผิด
ความรักทำให้เธอเป็นบ้า
และความรักก็ทำให้เธอเดินมาถึงจุดนี้
แล้วการรอคอยของอารญาก็สิ้นสุดลง เมื่อเห็นนางเอกสาวคนดังก้าวลงจากรถหรูตรงหน้าคอนโด และกำลังก้าวข้ามถนน คาดว่าอีกฝ่ายคงไปร้านสะดวกซื้อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
“คุณมนธิราคะ เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ”
อารญาสาวเท้าวิ่งตาม ขณะปากตะโกนเรียก ในจังหวะที่ร่างระหงของอีกฝ่ายก้าวไปยืนที่เกาะกลางถนน และเสียงของเธอก็ทำให้มนธิราหันขวับมามอง พอเห็นว่าเป็นอารญาสาวเจ้าก็ทำหน้าตื่น แล้วลนลานสาวเท้าก้าวข้ามถนน โดยไม่ทันระวังรถที่วิ่งตรงมาด้วยความเร็ว
“ระวัง!”
สาวน้อยร้องตะโกนเตือนเสียงหลง แล้วถลันตัวตั้งท่าจะไปดึงแขนอีกฝ่ายกลับมา แต่โชคร้ายที่เธอดันสะดุดเท้าตัวเองเพราะความเร่งรีบและร้อนรนจนเสียหลัก จากคิดที่จะดึง มือที่เอื้อมออกไปข้างหน้าจึงกลายเป็นผลัก ทำให้มนธิราล้มพังพาบไปกับพื้น หัวโขกถนน ส่วนเธอก็ล้มลงในท่าคุกเข่า พร้อมเสียงบีบแตรและเสียงเบรกยาวเหยียด
ปริ๊นนนนนน
เอี๊ยดดดดด!!!
“แม่ง! ข้ามถนนภาษาอะไรวะ! เดี๋ยวก็ชนตายห่าเลยนี่!”
คนขับกระบะแต่งทั้งคันลดกระจกลงมาตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทำให้คนอารญาทำหน้าเจื่อน แล้วรีบลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ก่อนจะเดินกระเผลกไปดูมนธิรา ซึ่งนอนนิ่งไม่ไหวติง พร้อมกับคนที่เห็นเหตุการณ์เข้ามาช่วยหามออกไปจากถนน และเรียกรถพยาบาลโดยด่วน เพราะมนธิราสลบไป หน้าผากของหล่อนมีเลือดไหลออกมา
“ฉันขอโทษนะคะคุณมนธิรา ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันแค่อยากจะคุยกับคุณ ไม่ได้มีเจตนาร้ายจริงๆ”
ระหว่างนั่งมาในรถพยาบาลอารญาก็จับมืออีกฝ่ายบีบเบาๆ พร้อมเอ่ยเสียงสั่นเครือ ทุกถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากสั่นระริกล้วนเป็นความจริง เธอก็แค่อยากขอร้องมนธิราให้เลิกยุ่งกับธีรเดช ซึ่งถ้าอีกฝ่ายไม่ยอมเธอก็จะยอมรับความจริง ไม่ได้คิดจะโวยวาย หาเรื่อง หรือทำร้ายร่างกายอีกฝ่ายแต่อย่างใด แต่ที่มนธิราวิ่งหนีไปแบบนั้นหล่อนคงจะกลัวว่าเธอจะระเบิดอารมณ์ออกมาเหมือนอย่างคราวก่อน และทำร้ายหล่อนเหมือนหมาบ้า
หลังจากส่งมนธิราเข้าห้องฉุกเฉิน ร่างบางในชุดนักศึกษาที่หัวเข่าถลอกมีเลือดไหลซิบก็ปฏิเสธที่จะทำแผล เพราะร้อนใจเรื่องอาการของมนธิรา เธอทรุดกายลงนั่งตรงเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินอย่างหมดแรง
“เมื่อไหร่เธอจะเลิกระรานคนอื่นเสียทีอารญา”
น้ำเสียงขุ่นคลั่กด้วยแรงโทสะที่ดังขึ้นทำลายความเงียบอันแสนอึดอัด ทำให้คนที่นั่งเอามือกุมหน้าเงยขึ้นมองผู้มาใหม่ ก่อนจะละล่ำละลักเสียงสั่นเครือ
“อายขอโทษ อายไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ”
“หึ! เด็กร้ายกาจนิสัยเสียอย่างเธอเหรอไม่ได้ตั้งใจ วันนั้นก็ว่าเธอทำตัวแย่มากแล้ว ซึ่งมันก็สมกับคนสิ้นคิดอย่างเธอ แต่ไม่คิดว่าวันนี้ถึงขั้นจะกล้าเอากันให้ตายไปข้าง ถ้ามนเป็นอะไรไป ฉันไม่เอาเธอไว้แน่!”
นั่นเป็นหนึ่งในประโยคยาวๆ ที่เธอเคยได้ยินจากปากเขาล่ะมั้ง นานๆ ครั้งธีรเดชจะพูดยาวๆ ได้ที
“พี่ธีฟังอายก่อนได้ไหมคะ อายไม่ได้…”
สาวน้อยวิงวอนทั้งน้ำตา ลุกเดินไปรั้งแขนของอีกฝ่ายเอาไว้ ทว่ากลับถูกเขาดึงแขนออกด้วยท่าทางรังเกียจ แต่เธอยังไม่ละความพยายาม ร่างบางโผเข้ากอดท่อนแขนกำยำ แต่ถูกอีกฝ่ายแกะออก พอไม่สำเร็จธีรเดชก็จัดการกระชากแรงๆ ซึ่งแรงต้านจากการเหนี่ยวรั้งของเธอก็ทำให้ร่างเล็กล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
แล้วธีรเดชก็เค้นเสียงกระด้างติดจะเย็นชาใส่หน้า
“หยุดแก้ตัว! แล้วไปซะอารญา! จะไปตายที่ไหนก็ไป!”
น้ำคำผลักไสอย่างไร้เยื่อใยที่ได้ยินจากปากชายที่เธอรักและเทิดทูนว่าอึ้งแล้ว แต่ถ้อยคำสุดท้ายกลับทำเอาคนที่เพิ่งพยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเลช็อกหนักยิ่งกว่า หัวใจดวงน้อยปวดแสบปวดร้อนจนเกินบรรยาย
เขาไล่เธอ!
เขาบอกให้เธอไปตาย!
มือที่ตั้งท่าว่าจะยื่นไปไขว่คว้าแขนกำยำเพื่อเว้าวอนอีกคราพลันตกลงข้างตัว น้ำตาเจ้ากรรมไหลพรากอาบแก้มนวลประหนึ่งทำนบเขื่อนแตก สุดท้ายอารญาก็ทำได้เพียงเดินร้องไห้คอตกจากมาอย่างเงียบๆ