พันธนาการปริศนา (30%)
จากวันนั้นอารญาก็ไม่ได้พบหน้าธีรเดชอีกเลย มีข่าวเขาควงนางเอกสาวออกงานสังคมให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ภาพบาดตาบาดใจที่ปรากฏตามสื่อโซเชียลทำให้เธอเลิกเล่นโซเชียล เก็บตัวเงียบ กระทั่งถึงช่วงที่จะขึ้นมหา’ลัยปีสอง อารญาก็ได้ยินข่าวจากเพื่อนร่วมคณะ ว่าธีรเดชได้ประกาศจะหมั้นหมายกับมนธิราอย่างเป็นทางการ การหมั้นของทั้งคู่ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเป็นที่กล่าวขวัญว่าพวกเขาเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก
ทุกชีวิตย่อมมีทางเดินของตัวเอง อารญาย้ายออกจากคอนโดมาเช่าหอพักแถวหน้ามหาวิทยาลัย เพื่อลดค่าใช้จ่าย อีกทั้งรับทำงานพิเศษเพิ่ม เพื่อที่ตัวเองจะไม่ได้เป็นภาระของบิดา
ทันทีที่มาถึงร้านอาหารกึ่งผับดังที่อยู่ไม่ไกลจากหน้ามหาวิทยาลัย อารญาก็เดินเข้าไปทักทายเจ้าของร้านที่ออกมารอรับ เพราะเป็นห่วงว่าเธอจะถูกพวกขี้เมาลวนลามเหมือนในคราแรกที่เธอมาเหยียบที่นี่
“พี่พีท หวัดดีค่ะ” อารญายกมือไหว้
“หวัดดีครับน้องอาย วันนี้มาเร็วนะ”
พลช เมฆาพยัคฆ์ เอ่ยทักทายสาวน้อยหน้าใสด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม แน่นอนว่าอารญามองคนออก ภายใต้ท่าทางใจดีนั่นย่อมซ่อนคมเขี้ยว และพิษสงเอาไว้ไม่น้อย
“พรุ่งนี้อายมีเรียนเช้า ก็เลยอยากขอกลับเร็วหน่อยค่ะ” อารญาเอ่ยตอบไปตามความเป็นจริง
“แล้วกินอะไรมายัง”
“ก่อนมาอายไปกินข้าวกับเพื่อนมาแล้วค่ะ”
“โอเค งั้นขึ้นไปข้างบนกันดีกว่า”
ชายหนุ่มพยักหน้าเล็กน้อย แล้วเดินนำไปยังห้องหนึ่งที่อยู่บนชั้นสองของร้าน
“ถ้าน้องอายทำไม่เสร็จก็เอาไว้วันหลังก็ได้นะ จะกลับเมื่อไหร่ก็ไปเคาะห้องข้างๆ เดี๋ยวพี่จะให้คนไปส่ง”
คนที่ภายนอกดูนุ่มนวลแต่ทว่ามีมุมเถื่อนๆ เอ่ยบอก หลังจากขนบัญชีที่เธอทำไม่เสร็จเมื่อคราวที่แล้วออกมาให้สะสางต่อ ที่ไม่ให้เธอเอากลับไปทำที่หอเพราะกลัวข้อมูลจะรั่วไหล
พลชล็อกประตูให้ แล้วปล่อยให้เธอทำงานของเธอไปแบบไม่ให้ใครเข้ามารบกวน อารญานั่งทำบัญชีด้วยท่าทางขะมักเขม้น แต่ผ่านไปราวยี่สิบนาทีปากอิ่มก็เริ่มอ้าออกหาวหวอดๆ
“โอยยยย…ง่วงจังเลย”
เสียงเนือยๆ โอดครวญด้วยสภาพตาจะปิดอยู่รอมร่อ ทนไม่ไหวก็ซบหน้าลงไปกับโต๊ะที่มีโน้ตบุ๊ค เครื่องคิดเลข และแฟ้มวางเรียงรายตั้งอยู่ตรงหน้า แล้วพึมพำด้วยความหงุดหงิดให้ตัวเอง
“ไม่น่ากินยาแก้แพ้เลย ให้ตายสิ!”
หลังจากหลับตาไปสักพัก อารญาก็งัดตัวเองขึ้นมานั่ง สะบัดศีรษะขับไล่ความง่วงที่กำลังเล่นงานอย่างหนัก แล้วพยายามเพ่งสายตาไปยังตัวเลขที่หน้าจอโน้ตบุ๊ค แต่ไม่ถึงสองนาทีเธอก็ทำท่าจะหลับกลางอากาศ เมื่อทนไม่ไหว ต่อให้นั่งต่อก็ทำงานไม่ไหว ร่างบางจึงลุกขึ้น แล้วเดินไปล้มตัวลงนอนบนโซฟายาวที่อยู่ทางด้านหลัง
แอ๊ด!!!
เสียงผลักประตูให้เปิดออก และปิดลงในเวลาไล่เลี่ยกัน ทำให้คนที่สติเลือนรางเพราะตกอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่นปรือเปลือกตาหนักอึ้งขึ้นอย่างยากลำบาก สายตาพร่าเลือนพยายามเพ่งมองฝ่าความมืดมิด เพราะหูได้ยินเสียงผู้เข้ามาใหม่กดปิดสวิชต์ไฟ แต่แล้วก็ต้องทอดถอนใจด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน หลับตาลงอย่างไม่อาจฝืน ตอนนี้ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลาย หรือแม้แต่เกิดไฟไหม้เธอก็ไม่มีปัญญาแม้กระทั่งจะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นจากโซฟาได้ ฤทธิ์ยาแก้แพ้ที่กินเข้าไปตามคำแนะนำของหมอที่คลินิก เพราะแพ้ขนหนอนบุ้ง กำลังเล่นงานเธออย่างหนัก อีกทั้งช่วงนี้เธอยังเอาแต่ทำงานพิเศษจนมีเวลาพักผ่อนน้อย ทำให้ร่างกายแทบไม่ไหว
“โทษทีนะ ฉันไม่ชอบเปิดไฟ”
เสียงพูดของผู้ชายที่ดังอยู่ใกล้ๆ แทบจับใจความไม่ได้ เพราะเสียงเพลงด้านนอกดังกระหึ่มกลบ แน่นอนการถูกคุมคามแบบนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องดี เธอพยายามจะเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้ง ทว่าทำไม่สำเร็จ จึงได้แต่นึกอึดอัด ใจเต้นระทึกด้วยความหวาดกลัว เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาทุกขณะจิต ก่อนจะรับรู้ได้ว่ามีร่างที่หนาและหนักอึ้งทาบทับลงมาบนตัว ขนกายของเธอลุกเกรียวในวินาทีที่เสียงแหบเจือเซ็กซี่กระซิบข้างหู
“แค่โซฟาตัวเดียวก็เหลือเฟือ…ว่าไหม”
“มะ…ไม่ อย่า…”
เสียงห้ามปรามกลายเป็นอึกอักในลำคอ เมื่อปากร้อนจัดฉกลงมาดูดปากอิ่มอย่างดุดัน ครั้นเธอผวาเฮือกท่ามกลางความมืด เสียงหัวเราะกลั้วลำคอด้วยความพึงใจก็ดังแว่วขึ้น รับรู้ได้ว่ามือของเขากำลังยุ่มย่ามกับกระดุมเสื้อของเธอในลักษณะรีบเร่งจนเกือบเป็นลนลาน ร่างน้อยที่แทบไม่มีแรงยังฮึดสู้ด้วยการดิ้นรน แต่ท่าทางขัดขืนเหมือนไม่ประสา หรือทำพอเป็นพิธีเพื่อเรียกอรรถรสนั้นทำให้เขาหัวเราะอีกครั้ง
ความเสียวแล่นวาบในวินาทีที่ริมฝีปากซึ่งมีตอเคราขึ้นนิดๆ ซุกลงมาตรงซอกคอระหง แล้วไซ้ด้วยท่าทางคล้ายลุ่มหลงมัวเมา ผิวเนียนนุ่มหอมกรุ่นทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะขบเม้มหนักสลับเบาอย่างหยอกเย้า ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะจูบหรือเล้าโลมผู้หญิงชั่วคราว แต่วันนี้ทุกอย่างกลับเหนือการควบคุม เขาเมา แถมยังขาดสติ เพราะโดนน้องสาวของคู่ค้ารายสำคัญวางยาปลุกเซ็กส์ จนต้องให้ผู้จัดการร้านหาผู้หญิงให้สักคน
มือใหญ่เคลื่อนมากอบกุมหน้าอกนุ่มหยุ่นที่ยังคงมีบราเซียร์ห่อหุ้ม ขณะที่ปากเริ่มไล้เล็มซอกคอหอมกรุ่นลงมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงเนินอกสล้างจึงได้กระชากปราการชิ้นน้อยขว้างทิ้งอย่างไม่ไยดี แล้วแทนที่ด้วยริมฝีปากผ่าวระอุ วินาทีที่ปลายถันถูกดูดกลืนร่างบางก็สะดุ้งวาบ ตาที่ปิดพยายามจะลืมขึ้น แต่ไม่เป็นผล เธอไม่อาจต้านทานความปรารถนาที่อีกฝ่ายป้อนให้ ทำได้เพียงดิ้นอึกอัก และส่ายหน้าอย่างท้อแท้
น่าแปลก!
ที่ความรู้สึกภายในของอารญาย้อนแย้งกันให้วุ่น เธอนึกหวาดกลัว อยากต่อต้าน อยากขัดขืน แต่ทำได้ไม่เต็มที่ เพราะแขนขาเหมือนหนักอึ้งและไม่มีแรง ทว่าพอโดนอีกฝ่ายแตะต้องเล้าโลมกลับร้อนรุ่ม เหมือนร่างกายพร้อมจะเตลิดได้ทุกเมื่อ เหมือนเขามีเวทมนต์กล่อมประสาท ให้เธอเผลอไผลไร้การควบคุม
นี่เป็นฤทธิ์ของยาแก้แพ้จริงหรือ?