เกมร้ายซ่อนรัก | Episode 1 @กรุงเทพมหานคร
เสียงรองเท้านักเรียนเดินย่างกรายกลับบ้านด้วยท่าทีเหม่อลอยเหมือนในทุก ๆ วัน
เทียน่า เด็กสาววัยสิปแปดปีบริบูรณ์ เดินฟังเพลย์ลิสเพลงโปรดที่เธอชอบฟัง โดยไม่สนใจเสียงของรุ่นพี่ที่กำลังเอ่ยแซวและตามจีบตัวเองแม้แต่น้อย
เธอมักใช้เวลาส่วนใหญ่ อยู่กับเสียงเพลงและท่วงทำนองที่ทำให้เธอรู้ผ่อนคลายและสบายใจกว่าสิ่งไหน ๆ
เทียน่ามักจะชอบฟังเพลงเศร้าพร้อมกับอารมณ์ที่ค่อนข้างจะหม่นหมอง เมื่อยิ่งนึกถึงครอบครัวที่แตกร้าวราวกับเศษเถ้าธุลี ในสมองของหญิงสาวเอาแต่คิดถึงแม่กับพี่ชายจนไม่อยากกลับไปที่บ้าน ทว่าหากไม่กลับไปก็เกรงว่าพี่สาวอย่างทิชาจะเป็นห่วง อีกอย่างคือตัวเธอเองก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน
เทียน่าไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคมเพราะด้วยความที่เด็กสาวนั้นเป็นคนค่อนข้างเงียบ นิ่ง พูดน้อย ไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับใคร ทำให้ไม่มีใครเข้าหาเธอ เธอใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่กับตัวเองและโทรศัพท์มือถือ
โดยปกติแล้วเด็กสาวนั้นมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่กับพี่สาวและพี่ชายของตัวเอง ทำให้เธอรู้สึกว่าไม่ต้องมีเพื่อนก็ได้ แต่หลังจากครอบครัวของเธอแยกทางกัน ชีวิตเทียน่าก็ไร้จุดหมายปลายทาง ใช้ชีวิตไปวันๆ โดยไม่รู้ว่าแม่กับพี่ชายของเธอเป็นอย่างไรบ้าง
เธอเป็นน้องสาวคนสุดท้องของบ้าน ทำให้พี่ ๆ รักและหวงตัวเธอมาก ที่ผ่านมาเพราะความงดงามของเทียน่าทำให้พี่ชายอย่างแทนคุณ ต้องตามดูแลตลอดจึงแทบไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าจีบเธอแม้แต่เพื่อนก็แทบจะไม่มีถึงสาเหตุส่วนหนึ่งจะเป็นเพราะตัวเทียน่าเป็นคนพูดไม่ค่อยเก่งก็ตาม
เทียน่าเป็นเด็กสาวที่มีใบหน้าจิ้มลิ้มราวกับลูกนก ดวงตาสีนิลกลมโตสดใสราวกับศิลาที่อยู่ในธารน้ำ พวงแก้มแดงปลั่งราวกับลูกตำลึงสุก ขนตางอนเรียงตัวเป็นเส้นบวกคิ้วคมโค้งได้รูป ปลายจมูกเชิดรั้น ริมฝีปากกระจับได้รูปและผิวที่ขาวอมชมพูราวสุขภาพดี
ในขณะที่เด็กสาวเดินกลับบ้าน ระหว่างทางก็ผ่านงานประจำปีที่เธอและพี่ๆ มักจะแอบมากันบ่อย ๆ สมองพลันนึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขเหล่านั้น
แต่ก็ทำได้เพียงนึกถึงเท่านั้น
เพราะเธอคงไม่มีวันได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัวอีกแล้ว....
เทียน่าจ้องมองเด็กน้อยวัยเจ็ดขวบป้อนสายไหมให้น้องทำเอาหยาดน้ำตาสีใสของเด็กสาวไหลออกมา เมื่อนึกถึงพี่ชายที่แสนอบอุ่นของตัวเอง
หากวันนั้นพ่อของเธอ ฟังเหตุผลของแม่เธอให้มากขึ้น และฟังแม่เลี้ยงเธอให้น้อยลงทุกอย่างคงดีกว่านี้
เทียน่าปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มก่อนจะเดินเข้าไปในเขตรั้วบ้านของตัวเองทันทีเมื่อมาถึง แต่ภาพบาดตาบาดใจที่แม้จะมีให้เห็นจนคุ้นชินเหมือนๆทุกวันก็ทำเอาเธอแทบไม่กล้าย่างกรายเข้าไปในบ้าน
เทียน่าแกล้งมองผ่านพ่อและแม่เลี้ยงของตัวเองที่กำลังนัวเนียกันอยู่ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นห้องตัวเองโดนไม่พูดจาหรือทักทายใคร
หลังจากขึ้นมาบนห้อง เทียน่าก็ใช้เวลาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองเหมือนทุกวัน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอเห็นพฤติกรรมของพ่อและแม่เลี้ยงระเริงรักกัน เธอพยายามบอกพ่อของเธอหลายต่อหลายครั้ง ทว่าพ่อของเธอก็เอาแต่หลงมารยาเมียใหม่ จนไม่ฟังเสียงของเธอ
เด็กสาวสะบัดความคิดต่าง ๆ ออกจากหัว ก่อนจะตั้งใจทำการบ้านตรงหน้า เธอจะตั้งใจเรียนให้มากที่สุด เพื่อที่พี่สาวของเธอจะได้ไม่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำส่งเธอเรียนอีกแล้ว เพราะเธอตั้งใจจะสอบชิงทุนในเร็ว ๆ นี้ เธอจึงต้องตั้งใจมากกว่าคนอื่น ๆ
หลังจากที่มั่นใจว่าพ่อและแม่เลี้ยงของเธอออกไปแล้ว
เทียน่าตัดสินใจเดินย่างกรายลงมาจากห้องนอนเพื่อหาของกินเหมือนทุกวัน
พ่อของเธอมักจะออกไปทำงานเวลานี้ทุกวันและมักจะกลับเข้าบ้านมาอีกทีในตอนกลางดึกและเธอคุ้นชินกับมันเป็นอย่างดี เพราะว่าพ่อของเธอทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านเหล้าและคลับบาร์จึงมักจะออกไปในช่วงเวลากลางคืนบ่อยๆ
หลังจากที่เธอได้อาหารที่ต้องการ เทียน่าก็ไม่ลงมาจากห้องนอนของตัวเองอีกเลย เธอจะเปิดประตูอีกครั้งก็ต่อเมื่อทิชา พี่สาวของเธอนั้นมาเคาะประตู
เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงค่ำ...
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“มีใครอยู่ไหมน้าาาาา เจ้าหญิงของพี่เลิกเรียนรึยังเอ่ย...”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับเสียงหญิงสาววัน 25 ปีดังขึ้นจากด้านนอก เทียน่ารีบวิ่งไปเปิดประตูด้วยความดีใจ เมื่อรับรู้ว่าพี่สาวกลับมาแล้ว
“เจ้าหญิงมาแล้วค่ะ” เทียน่าเผยรอยยิ้มพร้อมกับเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนจะจ้องมองเงินในมือพี่สาวตัวเอง
“โห... ทำไมเงินเยอะจังเลยคะ” เทียน่าเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตลึงเมื่อทิชายื่นเงินจำนวนหนึ่งออกมาโชว์ เงินที่เธอได้ทิปจากการทำงานล่วงเวลา
“ยังไม่สิ้นเดือนเลย เงินเดือนออกแล้วเหรอคะ”
“วันนี้พี่ได้ทิปหนัก เลยกะจะมาเปย์เด็กแถวนี้”
ทิชาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงมีความสุข ก่อนจะยื่นถุงองุ่นพวงโตให้เด็กสาว
“ องุ่น...!!”
เทียน่าเบิกตากว้างด้วยความดีใจ ก่อนจะสวมกอดพี่สาวของเธอ ทิชารู้ดีว่าเทียน่าชอบกินองุ่นมากแค่ไหน แต่ด้วยสถานะทางการเงินของบ้านทำให้พวกเธอต้องช่วยกันประหยัดเงินทำให้น้องสาวเธอไม่ค่อยได้ทานผลไม้ชนิดโปรดมานาน
“แต่...พี่ไม่เห็นต้องซื้อมาเยอะขนาดนี้เลยนี่ค่ะ”
“กินไปเถอะ จะได้โตไวไว” ทิชาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเอ็นดูก่อนจะลูบหัวน้องสาว
“พี่ทิชาคะ วันนี้หนูไปปรึกษาครูเพียรศรีมา ครูบอกว่าหนูสามารถทำงานด้วยเรียนด้วยได้นะคะ เพราะอีกไม่กี่วัน หนูก็จบแล้ว”
ทิชาแปรเปลี่ยนสีหน้าในทันทีเมื่อได้ยินว่าน้องสาวตัวเองจะออกมาช่วยทำงาน
“หนูตั้งใจเรียนดีกว่านะ อีกไม่กี่วันก็จบแล้ว อ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยเถอะ”
“หนูอยากช่วยแบ่งเบาพี่บ้าง ไม่อยากเห็นพี่เหนื่อยอีกแล้ว”
“แค่ตั้งใจเรียนให้จบ มีชีวิตที่ดีกว่าพี่ แค่นี้ก็พอแล้ว โลกใบนี้มันโหดร้ายกว่าที่เราคิดนะ”
ทิชาเอ่ยขึ้นก่อนจะลูบหัวน้องสาวอย่างอบอุ่นก่อนทั้งสองจะพูดคุยกันอย่างมีความสุข เพราะนั่นคือความสุขเดียวที่หลงเหลืออยู่หลังจากที่แม่และพี่ชายก้าวออกจากบ้านไป
ทิชาพยายามหางานทำเพื่อส่งน้องสาวเรียน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องรบกวนพ่อของเธอ เธอมักจะเดินส่งขนมตามหมู่บ้านพอจะได้ตามค่าแรงขั้นต่ำ ทว่าอาทิตย์นี้เธอได้เงินพิเศษจากบ้านลูกค้าที่อยู่หลังสุดท้ายของหมู่บ้านที่เพิ่งย้ายเข้ามาได้ไม่นานเป็นเงินจำนวนหลายพันบาท นับเป็นเงินที่มากที่สุดตั้งแต่เธอทำงานมา
“พี่ได้เจอคนที่ให้เงินมาไหมคะ” เทียน่าเอ่ยถามพี่สาวตัวเองด้วยความตื่นเต้น ทิชาส่ายหัวเป็นพัลวันก่อนจะเอ่ยตอบน้องสาวตามที่เธอรู้
“ไม่เจอนะ พี่เจอแค่ลุงแก่ๆ คนหนึ่งออกมาเอาขนมแล้วยื่นเงินให้ พี่ถามอะไรไปก็ไม่ตอบ”
สองสาวนั่งคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เทียน่าจะผล็อยหลับไป เมื่อมั่นใจว่าน้องสาวหลับไปแล้ว ทิชาจึงค่อย ๆ เดินกลับห้องตัวเอง แต่ก็ไม่ลืมที่จะฝังจมูกลงบนพวงแก้มของเด็กสาววัยสิบแปดปีด้วยความเอ็นดู
“เด็กอะไร เกิดมาหน้าตาดีชะมัดเลย พระเจ้าไม่ยุติธรรมกับฉันเลยสักนิด ทำไมถึงต้องให้น้องสาวฉันเกิดมาสวยกว่าพี่ด้วยนะ”