ปฐมบท
คะนิ้งลืมตาตื่นมาบนแท่นนอนหนานุ่ม บรรยากาศน่านอนจนไม่อยากชันกายลุกขึ้น รู้สึกว่าผิวแก้มเย็นเฉียบ ยกมือขึ้นลูบแก้มทั้งที่ยังไม่ลืมตา กลิ่นกำยานกลิ่นแปลกๆ โชยมาเข้าจมูกเป็นระยะๆ รู้สึกหนักบนอกอิ่มเหมือนมีอะไรอุ่นๆ มากดทับขยับตัวลำบาก พรึ่บลืมตาตื่นด้วยความตกใจ
“กรี๊ดดดดดด” คะนิ้งส่งเสียงร้องดังลั่นเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายมานอนอยู่ข้างกาย ….แต่เดี๋ยวก่อนผู้ชายหรือผู้หญิงวะ ทำไมผมยาว ใบหน้าขาวใส เหมือนผู้หญิง แต่จมูกเชิดหยิ่งน่าดึงเล่น ถ้าเป็นผู้หญิงก็คงเป็นทอม แต่ถ้าเป็นผู้ชายก็คงจัดว่าหล่อทีเดียว ดึงผ้าห่มมาคลุมตัวแน่น ผู้ชายแน่ๆ
คนที่นอนกอดอยู่สะดุ้งสุดตัว
“เอะอะ อะไรของเจ้า” น้ำเสียงงัวเงียแต่ทุ้มนุ่มหูพิลึก
“นาย นายเขามาได้ยังงัย “นึกขึ้นได้ที่นี่ไม่ใช่ที่นอนของเธอ แต่เป็นที่ไหน สภาพแปลกไป ผ้าม่านยาวบางที่ล้อมแท่นนอนวงกลมปลิวสะบัด โต๊ะตั่งก็แปลกตา แม้แต่หมอนยังเหมือนกับ….
หรือว่า ไม่นะ ไม่ไม่ไม่
“เจ้านี่อย่างไรกัน ทำไมต้องเอะอะ” คะนิ้งยกมืออุดปากตัวเองเมื่อรู้ว่าไม่ได้สื่อสารด้วยภาษาไทยแต่เป็น ภาษาจีนที่เรียนมาตั้งแต่อยู่อนุบาล
“นอนๆ เจ้าจะรีบตื่นไปไหน” เสียงประตูเปิดออกมา หนุ่มน้อยอีกคนใบหน้าซื่อใสสะอาดตายืนอยู่
“ฝ่าบาท เสี่ยวซุนได้ยินเสียงเอะอะ” เสี่ยวซุน ชื่อเหมือนเหล้าเซี่ยงชุน
“ม่ายมีอะไร ก็แค่ พระสนมสงสัยจะละเมออะไร ออกไปก่อนข้ายังไม่อยากลุก” เลื้อยมืออุ่นมากอดเอวคะนิ้งไว้
“นอนต่อเถอะ สนมของข้า” เสี่ยวซุนยิ้มก่อนจะเดินออกไปปิดประตูเรียบร้อย คะนิ้งตกตะลึงจังงัง นี่มันอะไรกันพยายามลำดับเหตุการณ์
“ใครเป็นสนมของใคร”
“เจ้าอย่างไรละสนมของข้า”
ที่สะพานที่เฉิงตู การหายตัวไปของแพรวาอย่างลึกลับ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จีนไม่สามารถให้คำตอบอะไรได้ชัดเจนนักแพรวาจึงยังถือว่าเป็นแค่คนที่หายตัวไประหว่างการท่องเที่ยว แม่ของแพรวาจึงจ้างคะนิ้งซึ่งเป็นนักสืบเอกชนให้ตามสืบร่องรอยของแพรวาอีกแรง คะนิ้งเก่งภาษาจีนและยัง ยินดีช่วยเหลือ เพราะคุณแม่ของเธอเป็นญาติห่างๆ ของคุณแม่แพรวานั่นเอง แต่เมื่อคืนหลังจากที่มายืนที่สะพานนั้น คะนิ้งก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยจนมาโผล่ที่นี่ มันคืออะไรกันแน่
ร่างใหย่เปลอยออกกว้างขาวสะอาดน่ามอง ลืมตาขึ้นมองคะนิ้งที่กอดผ้าห่มอยุ่ตรงนั้น ยิ้มมุมปาก
"โอ้ แย่ๆ ๆ จริงๆ ข้านี่สนมเยอะจัดจนไม่ถึง คงยังไม่เคยต้องมือชาย มาๆ ๆ ข้าจะปลอบขัวญ ให้เอง...อี๋เชียง” คะนิ้งหันหน้าหันหลังใครกันอี๋เซียง (ผู้มีกลิ่นหอม)
“อี๋เซียงใครกัน ฉันชื่อ คะนิ้ง”
“หุหุ...เยอะจนจำชื่อไม่หมดข้าเรียกเจ้าอี๋เซียง เพราะตัวเจ้าหอมประหลาด”
คะนิ้งยกจั๋กแร้ขึ้นดมอากาศหนาวทำให้เหงื่อไม่ออกน้ำหอมที่พ่นมาจึงออกฤทธิ์เต็มที่
“มาให้ดมใกล้ๆ ดึงตัวคะนิ้งให้ล้มลงนอนคะนิ้งลำดับเหตุการณ์อีกครั้ง ยังยัง ยังไม่ได้เสียเป็นเมียผัวยังรู้สึกสบายไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผลักคนหล่อออกห่าง
“คือว่ายังๆ ๆ เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันฉะนั้น...นายกับฉันต่างคนต่างไป” คะนิ้งลุกขึ้นจากที่นอน แต่ไม่พ้นเมื่อร่างที่นอนอยู่สปริงตัวรวดเร็วคว้าร่างบางลงไปนอนบนแท่นนอนใช้ร่างใหญ่ค่อมไว้
“เจ้านี่พูดไม่ค่อยรู้เรื่องข้าบอกว่า..ให้นอนต่อข้ายังไม่หนำใจ” จะหนำใจได้อย่างไรก็ในเมื่อ เมื่อคืนนี้ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น มาถึงก็ต่างคนต่างนอน
“ไม่ไม่ไม่ คือข้า คือสนมของท่านอาจเข้าห้องผิด หรืออาจโดนลักพาตัว ต้องให้ตำรวจ เอ้ย อะไรวะ อ๋อศาลต้าหลี่สืบหานาง ส่วนข้า คะนิ้ง คะนิ้ง คอ..อะ..คะ นอ. ..อิ.. งอ ..นิง ..ไม้โทนิ้งไม่ใช่อี๋เซียงอะไรนั่น”
“หุหุ เจ้านี่พูดอะไรประหลาดวกวน ไม่พูดกับเจ้าละเรามาต่อจากเมื่อคืน” ซบหน้าลงข้างหูของคะนิ้งดอมดมกลิ่นหอมหลังใบหู คะนิ้งดิ้นรนแต่ร่างเล็กบอบบาง ก็เหมือนเอาไม้ซีกไม้งัดไม้ซุง
“ปล่อย .....ไม่ปล่อยข้าร้อง” ยิ้มยียวน