สตรีใบ้ออกเรือน
หลี่อันฉี
นามของข้าคือหลี่อันฉี เป็นบุตรสาวคนที่สี่ของสกุลหลี่ มารดาเป็นองค์หญิงแคว้นหรง ท่านพ่อเป็นรองเจ้ากรมอาญาและเป็นราชบุตรเขยของฮ่องเต้องค์ก่อน นามว่าติงเสี่ยวเฟิง เมื่อสิบปีก่อนเพราะความหูเบาไปหลงเชื่อคำยุยงของ อำมาตย์ชั่วจนทำให้ตระกูลของข้าถูกฆ่าล้างตระกูลพี่น้องคนอื่นๆหายสาบสูญบิดามารดาก็หายไปเช่นกัน พี่รองกับพี่สามไปด้วยกันข้ากับน้องห้าที่ยังเด็กพี่ใหญ่เลยรับหน้าที่ดูแลพวกข้าสองพี่น้อง ตอนนี้น้องห้าออกเรือนไปแล้วเมื่อปีที่แล้วแต่ก็เกิดเหตุกับนางจนพวกเราคิดว่านางจะไม่รอดแต่ดีที่นางรอดกลับมาได้ ตอนนี้นางอยู่ดีมีสุขมากกว่าเดิมหลายเท่าสามีที่แต่ก่อนไม่ชอบนางบัดนี้ ก็ทำดีกับนางมากขึ้นข้าเองกำลังจะแต่งงานออกเรือนไปกับคนที่ข้ารักเช่นกัน
"อันฉี เจ้ามาแล้วหรือท่านพ่อกับท่านแม่รอทานข้าวเย็นอยู่"
"(เจ้าค่ะ ขอโทษด้วยที่มำให้รอนาน)"
"เจ้ามาก็ดีแล้ว เข้ามาก่อนสิ"
ข้าเดินเข้ามาภายในจวนสกุลจางแต่ก็ได้แต่เงียบไม่พูดอะไรจะให้ข้าพูดอะไรข้าเป็นใบ้นะ...ข้าทำความเคารพท่านพ่อท่านแม่ของว่าที่สามีของข้าพวกเขากลับไม่สนใจข้าสักนิดมองผ่านข้าไปเฉยๆเหมือนข้าไม่ได้อยู่ที่นี้
"นั่งทานอาหารเถอะ"
"รอก่อน"
"รอใครอีกงั้นหรือท่านแม่"
"รอคู่หมั้นเจ้าอย่างไรล่ะ"
"ข้าไปหมั้นไว้ตอนไหนอีกท่านแม่"
"หมั้นตั้งแต่เด็ก"
"เอาเถอะอย่าทะเลาะกันเพราะคนอื่นเลย เจ้านั่งได้แล้วข้าจะทานอาหารเย็นแล้ว"
"คุณหนู่หลิ่งจ้าวอิงมาแล้วเจ้าค่ะ"
"คาราะท่านลุงท่านป้าเจ้าค่ะ"
"อิงเอ๋อมานั่งข้างๆป้าสิลูก"
"เจ้าค่ะ"
"พวกเจ้าสองคนก็นั่งลงสิจะยืนอีกนานมั้ย"
"ขอรับ"
"ท่านป้าเจ้าค่ะ คุณหนูคนนี้ใครหรือเจ้าค่ะข้าไม่เคยเห็นหน้าเลย"
"สตรีใบ้ ลูกหลานชาวบ้านเเถวนี้แหละอย่าได้สนใจ"
"จะไม่ให้สนใจได้อย่างไรเจ้าค่ะตอนนี้กูก็รู้ว่า ท่านพี่ชื่นชอบสตรีคนนี้ถึงขั้นพามาที่นี้ด้วย"
"ชั่งเถอะๆข้าเหนื่อยจะแย่แล้วรีบกินๆเข้าไปเถอะ"
"ท่านพี่เองก็รู้ว่าข้าเป็นคู่หมั้นท่านเหตุใดท่านถึงได้ทำเช่นนี้ด้วยข้าไม่ยอมหรอกนะถ้าต้องมาพ่ายแพ้ให้สตรีใบ้เช่นนี้!!"
"หลิ่งจ้าวอิงเจ้าพูดอะไรระวังคำพูดด้วยนางจะเป็นใบ้พูดไม่ได้ไม่เกี่ยวกับเจ้า คนดีที่ไหนมาว่าคนอื่นเช่นนี้"
"ข้าดีกว่าสตรีใบ้คนนี้อีกท่านมาว่าข้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน"
"นางคือคนที่ข้าจะแต่งงานด้วยไม่ใช่เจ้า เลิกก่อกวนสักทีเถอะอันฉีเรากลับกันดีกว่า"
ข้าพยักหน้าตอบรับก่อนจะคาราวะท่านพ่อท่านแม่ของจางเหว่ยก่อนจะรีบเดินตามออกไปเขาใช้มืออีกข้างกุมมือของข้าเอาไว้แม้จะไม่พูดอะไรแต่ข้ารับรู้ถึงความรู้สึกของเขาที่แสดงออกมาขอให้ข้าอย่าได้เลือกผิดเลย....
.......
.....
วันแต่งงาน
ข้านั่งอยู่ในจวนของข้าที่มีท่านพี่ใหญ่เป็นญาติฝั่งข้าและเป็นผู้ใหญ่ในงานเปรียบเสมือนบิดามารดา เพราตลอดสิบปีที่ผ่านมาพี่ใหญ่เลี้ยงดูข้ากับน้องห้ามาตลอด ถ้าพี่ใหญ่เห็นแก่ตัวสักนิดพี่ใหญ่สามารถปล่อยพวกเราทิ้งกลางป่าก็ได้แต่พี่ใหญ่ก็ไม่ทำกลับเลือกที่จะดูแลข้าและน้องห้าที่ยังเล็ก ท่านพี่ใหญ่ก็เปรียบเป็นบิดามารดาของข้า
"อันฉี เจ้าตื่นเต้นมั้ย"
"(ตื่นเต้นเจ้าค่ะ)"
"พี่ดีใจที่เจ้าออกเรือนไปกับคนที่เจ้ารัก"
"(ท่านพี่..)"
"เอาล่ะเจ้าบ่าวผ่านหน้าประตูแล้วเจ้ามารอเขาเถอะจะได้ทำพิธีที่นี้จะได้ไปทำพิธียกน้ำชาให้พ่อแม่สามีเจ้าต่อ"
"(เจ้าค่ะ)"
หลังยกน้ำชาให้พี่ใหญ่แล้วเราก็แห่ขบวนไปยังจวนของสกุลจางทันที งานแต่งงานที่จัดยิ่งใหญ่ที่มีผู้คนมาร่วมยินดีและนินทา แม้ข้าจะพูดไม่ได้ไม่ใช่ว่าไม่ได้ยินข้าเกือบจะหายจากอาการเป็นใบ้แล้วข้ารักษามาสองปีปีนี้ถ้ายังดื่มยาต่อเนื่องก็จะหายแล้ว พอได้ยินคนอื่นต่อว่าข้า ที่เป็นใบ้แต่กลับได้แต่งเข้าสกุลจางคุณชายจางเหว่ยคิดเช่นไร้เอาสตรีใบ้มาแต่งงานด้วย บ้างก็ว่าแม้จะงดงามราวเทพธิดาแต่อย่างไรก็เป็นใบ้ และอื่นๆอีกมากมาย ข้าแค่พูดไม่ได้แต่ไม่ใช่ว่าจะพูดไม่ได้ตลอดไปนี้
"เสร็จพิธี เจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้หอได้"
"ดื่มสุรามงคลเถอะ"
เขาว่าพลางหยิบสุรามาให้ข้าจอกหนึ่ง เขาถืออีกจอกก่อนจะส่งยิ้มให้ข้าแล้วดื่มสุราลงไป
"ตอนนี้เราเป็นสามีภรรยากันแล้วนะ"
"(เจ้าค่ะ)"
"ข้าจะออกไปดื่มฉลองกับสหายและแขกคนอื่นๆ เจ้าหิวก็กินอาหารพวกนี้ก่อนเลยนะ"
"(เจ้าค่ะ)"
..........
.....
ใครบอกว่าการแต่งงานคือจุดสิ้นสุด มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของข้ากับเขาในฐานะสามีภรรยาจ่างหาก.....
.....
.....
....