ตอนที่ 2 แม่ทัพห่าวซวน
ตอนที่ 2
เมืองหลวงแคว้นฉินสามปีก่อน
“เหตุใดถึงมาช้านัก ปล่อยให้ข้ายืนรออยู่ตั้งนาน”
อิสตรีร่างเล็กบ่นกระเง้ากระงอด ใบหน้าเรียวรูปไข่บึ้งตึง ริมฝีปากบางได้รูปคว่ำตามอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าใดนัก
“ขอโทษทีกุ้ยฟาง กว่าข้าจะว่างมือ ออกมาพบกับเจ้าได้ ช้าไปหน่อยแต่ข้าก็มานี้แล้วไง”
สตรีอีกหนึ่งนาง ที่มีใบหน้างดงามไม่แพ้สตรีที่ยืนอยู่ก่อน เอ่ยกับเพื่อนสนิท น้ำเสียงสั่นหอบเหนื่อย จากการรีบออกจากจวนมาหาเพื่อนให้ทันเวลานัดหมาย ขนาดรีบแล้วยังมาช้าไปหนึ่งเค่อ จนใบหน้างามของเพื่อนสนิทบูดบึ้งเช่นนี้
“ซีฮัน สองแม่ลูกนั้นใช้งานเจ้าหนักเกินไปแล้ว มันใช้หน้าที่เจ้าหรืออย่างไร ที่ต้องทำงานในเรือน เจ้าหาใช่บ่าวไพร่ ที่ต้องทำงานแลกข้าวเสียหน่อย”
‘อู๋กุ้ยฟาง’ บุตรีของเสนาบดีฝ่ายขวา ยกมือขึ้นกอดอก นัยน์ตาเหยี่ยวมองสำรวจสภาพของเพื่อนสาว ที่ตามตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อและอยู่ในอาการเหนื่อยหอบ ใบหน้างามส่ายไปมาช้า ๆ
จ้าวซีฮัน บุตรีของขุนนางเล็ก ๆ ในกรมพิธีการ ช่างเป็นสตรีที่แสนดีจนเกินไป จนกลายเป็นอ่อนแอ ขี้ขลาดไม่สู้คน จนบางทีกุ้ยฟางไม่รู้ว่าทนคบสตรีอ่อนแอแบบนี้ได้เยี่ยงไร แต่ก็นะทุกอย่างมันมีเหตุผลของมันอยู่
“เจ้าก็รู้ว่าจวนข้าหาได้ฐานะร่ำรวย อะไรพอประหยัดค่าใช้จ่ายได้ก็ต้องช่วยกันประหยัด เรื่องงานบ้านงานเรือน ข้าพอทำได้ก็ต้องช่วย ๆ กันทำ”
“เอาเถอะ หากเป็นข้า ข้าจะไม่ปล่อยให้สองแม่ลูกนั้นมาใช้แรงงานเยี่ยงทาสเช่นนี้ดอก”
ซีฮันได้แต่ยิ้มบางตอบกลับไป กุ้ยฟางนางเกิดมาในตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวย จึงไม่เคยได้รับความลำบากแม้แต่เพียงนิด ผิดกับครอบครัวของนาง ที่ช่วงหลัง ๆ มารดาบอกว่าค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนแทบจะไม่พอใช้
“อย่ามัวมาถกเถียงกันเรื่องจวนของข้าเลย เจ้าอยากมารอรับแม่ทัพหานมิใช่หรือ รีบไปกันเถอะ ประเดี๋ยวจะถูกสตรีนางอื่นแย่งที่เอาได้”
เมื่อเอ่ยถึงบุรุษในดวงใจ สตรีที่หน้าหงิกงอ จึงเผยรอยยิ้มออกมาได้ นางรีบคว้ามือของสหาย ลากตัวออกไปยืนอยู่ริมถนน สองข้างทางล้วนคลาคล่ำไปด้วยชาวบ้านมากหน้าหลายตา โดยส่วนมากจะเป็นสตรีเสียส่วนใหญ่ คนทั้งหมดพากันมารอรับขบวนทัพของแม่ทัพใหญ่หานห่าวซวน ที่กำลังเคลื่อนทัพกลับเมืองหลวง หลังจากออกไปสู้ศึกอยู่ชายแดนเป็นเวลาหลายปี
“ซีฮัน ช่วยดูข้าหน่อย ว่างดงามจับตาหรือยัง”
บุตรีของเสนาบดีฝ่ายขวา หมุนตัวไปมาให้สหายได้มองสำรวจไปทั่วตัว วันนี้นางจะต้องดูงดงามที่สุด แม้แต่สหายตรงหน้าก็จะงามเกินหน้าเกินตานางไม่ได้
“งดงามที่สุด อย่าได้ห่วงเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพต้องมีแต่เจ้าแน่นอน”
ซีฮันตอบแม้ภายในใจจะรู้สึกเจ็บแปลบพิกล เพราะกุ้ยฟางเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่นางมี
ส่วนคนที่ถูกชมก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจ กวาดสายตามองไปทางสตรีอีกหลายนาง ที่กำลังพากันชะเง้อคอมองรอคอยการมาของบุรุษที่ใครต่อใครอยากจะได้มาครอบครอง พวกนางเหล่านั้นล้วนไม่ใช่คู่แข่งของนาง จะมีก็เพียงแต่...
นัยน์ตาเหยี่ยวเหลือบมองใบหน้าอ่อนเยาว์ ปราศจากสีสันของเครื่องประทินโฉม แต่กระนั้น ความงามตามธรรมชาติของนาง กลับสามารถเทียบเคียงกับตนเองได้เลย เพียงแค่คิดประกายตาของหญิงงามก็ไหววูบ แต่รีบซ่อนเอาไว้ เมื่อเจ้าของใบหน้างามนั้นหันมามอง
“กุ้ยฟาง ใบหน้าของข้ามีอะไรติดอยู่หรือ”
“ไม่มี ข้าเพียงแต่รู้สึกว่า บางทีแม่ทัพหานอาจจะมองเจ้าก็ได้ ซีฮัน ใครต่อใครต่างบอกว่าเราทั้งคู่ล้วนเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง”
“นึกว่าเรื่องอะไร กุ้ยฟาง เจ้าสบายใจได้ สหายผู้นี้ไม่มีทางแย่งบุรุษที่สหายชอบพอแน่นอน”
“ก็ลองดูสิ ข้าไม่มีวันปล่อยเจ้าเอาไว้แน่” กุ้ยฟางกล่าวจบก็เลิกสนใจสหายสนิท หันไปทอดสายตามองยังท้องถนน ที่ขบวนทหารจะเคลื่อนมาไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง
แต่สตรีอีกหนึ่งนางสีหน้าเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แม้ภายในใจจะมีเขาผู้นั้น ผู้ที่รู้จักสนิทสนมกันมาเมื่อวัยเด็กอยู่เต็มทั้งสี่ห้อง แต่จำต้องเก็บไว้แค่ในใจ เพราะรู้ว่าสหายชอบพอเขามากเพียงใด
ส่วนเรื่องของนางและเขานั้น พอโตมาก็เริ่มห่าง ๆ กันไป ตามหน้าที่ของแต่ละคน จนมาตอนนี้ภายในใจของคนผู้นั้นก็ไม่รู้จะมีนางอยู่หรือเปล่า
“มาแล้ว ขบวนทหารเข้าเมืองมาแล้ว”
“นั้นไงเขาขี่ม้านำทัพมา ช่างดูดีอะไรเช่นนี้”
“ไหน ๆ ดูสิ ไปรบขนาดนั้น ความหล่อเหลาของแม่ทัพหานยังมิลดน้อยลงเลย”
เสียงกระซิบกระซาบของสตรีที่ยืนอยู่สองข้าง ปลุกให้ซีฮัน ออกจากห้วงความคิดของตนเอง หันมาสนใจขบวนทหารที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้
ไม่นานนัยน์ตาหงส์ก็มองเห็น บุรุษหนุ่มร่างกายกำยำสวมใส่ชุดเกราะเต็มยศ ควบอาชาสีน้ำตาลตัวใหญ่นำกองทัพหลายหมื่นนายมาตามท้องถนน ใบหน้าที่หล่อเหลายังคงนิ่งเฉย ไม่ปรากฏความรู้สึกใด ๆ เหมือนเช่นเคย แต่กลับมีดวงตาที่อบอุ่นดุจแสงของดวงตะวันยามเช้า นัยน์ตาคู่นั้นกวาดมองสองข้างทาง คล้ายกับกำลังมองหาผู้ใดอยู่ ก่อนสายตาคู่นั้นจะมาหยุดสบประสานสายตากับนาง
...เขามองหานางหรือ คงไม่ใช่ เขาน่าจะมองสหายที่ยืนอยู่ใกล้นางต่างหาก...
“ซีฮัน ดูสิแม่ทัพห่าวซวนมองมาทางข้าแล้ว”
กุ้ยฟางเขย่าแขนเล็กเรียวของสหาย ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มกว้าง ยามใบหน้าหล่อเหลานั้นมองมาทางที่พวกนางยืนกันอยู่ ไม่ยอมละสายตาหันไปมองทางอื่นเลย
ซีฮันจึงพยายามข่มอาการใจเต้นแรงยามเผลอไปสบสายตาอบอุ่นคู่นั้นเข้า ฝืนยิ้มดีใจไปกับสหาย นี้นางเผลอคิดชั่ววูบไปได้อย่างไรกันนะ ว่าสายตานั้นมองมาที่นาง ทั้ง ๆ ที่กุ้ยฟางหญิงงามล่มเมืองยืนอยู่ข้าง ๆ ทุกสายตาของบุรุษ ย่อมแลมองไปที่กุ้ยฟางอยู่แล้ว ใครจะมาสนใจสตรีจืดชืดเช่นนางเล่า
บรรดาผู้คนต่างก็อยากชมบารมีของแม่ทัพใหญ่ แม่ทัพที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานราวกับอนุชาร่วมสายเลือดก็มิปาน จนถึงขั้นเบียดเสียดแย่งกันที่จะมายืนอยู่ด้านหน้าสุด ผลของการเบียดเสียดในครั้งนี้ ทำให้สตรีที่ยืนอยู่หน้าสุดสองนาง ไม่ทันระวังตัว เสียหลักเซถลาล้มลงอยู่กลางถนน
“ว้าย” เสียงสตรีทั้งสองนางหวีดร้องออกมา
โชคยังดีอยู่บ้าง ที่พวกนางไม่ถูกอาชาตัวใหญ่เหยียบเอา เพราะผู้ที่เป็นเจ้าของสามารถบังคับให้มันหยุดนิ่งได้ทันเวลา และแม่ทัพหนุ่มก็รีบลงมาจากหลังม้า
“บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
เสียงเข้มเอ่ยวาจาพร้อมกับมือหนา ยื่นออกมาตรงหน้า
ซีฮันมองมืออันหยาบกร้านจากการจับดาบกรำสู้ศึก ที่อยู่ตรงหน้านางพอดี ขณะที่คิดว่าจะยื่นมือออกไปจับกับมือนั้น มือเรียวงามของสตรีอีกหนึ่งนาง ที่เสียหลักล้มมาด้วยกัน ก็ยื่นออกมาจับมือหนาเสียก่อน
“ขอบคุณท่านแม่ทัพ”
เสียงหวานของสหายที่เอื้อนเอ่ย กลับแม่ทัพหนุ่ม ทำให้ซีฮัน ทอดถอนใจ ก่อนจะค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้น โดยมีสาวใช้เข้ามาช่วยประคอง
...นี้เป็นอีกครั้งแล้วหนา ที่นางคิดเข้าข้างตนเอง ว่าแม่ทัพหนุ่ม จะยื่นมือมาช่วยนางก่อน...
“แม่นางอู๋ แม่นางจ้าว ไม่เป็นอันใดกันมากก็ดีแล้ว”
แม่ทัพใหญ่ของแคว้นฉิน กล่าวเพียงสั้น ๆ ก็กลับไปขึ้นหลังอาชาของตนต่อ
ซีฮันเอาแต่ก้มหน้ายอบกายทำความเคารพพอเป็นพิธี ก่อนจะรีบเดินตามหลังสหายสนิท หลบทางให้ขบวนทัพทหารได้เคลื่อนไปต่อ พอรู้สึกว่าคนผู้นั้นผ่านไปไกลแล้ว จึงยอมเงยหน้าขึ้น
“ซีฮัน เจ้าเห็นหรือเปล่า เขารีบลงมาช่วยข้าก่อนคนแรก เขาต้องมีใจให้ข้าแล้วแน่ ๆ”
บุตรีของเสนาบดีฝ่ายขวายิ้มหวาน เพ้อฝันไปถึงมือใหญ่ที่ได้สัมผัส ในขณะที่สหายสนิทเพียงแค่ยิ้มอ่อน ๆ ตอบรับคำพูดนั้น แทนการเอื้อนเอ่ยออกมา...