บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

หลิวฟ่านซีไม่คิดว่าสาวใช้คนสนิทจะรู้จักชื่อนี้ ดวงตาของนางทอประกายวิบวับเปี่ยมไปด้วยความสนใจใคร่รู้ จนซิ่วชิงได้แต่ทำหน้าฉงนที่เห็นคุณหนูของตนเอ่ยถามถึง

“เขาเป็นแม่ทัพอย่างนั้นหรือ?”

“เจ้าค่ะ แม่ทัพหานชิงเยว่ หรือ หย่งจิ้งโหว ได้รับการยกย่องว่าเป็นยอดวีรบุรุษ ฮ่องเต้ได้ประทานฉายาแม่ทัพพิทักษ์แดนใต้ให้แก่เขา ที่ช่วยนำทัพออกรบป้องกันชายแดนและปราบปรามพวกข้าศึกที่มารุกราน ‘แคว้นเยี่ยน’ ของพวกเรา ที่ผ่านมาทุกครั้งที่ออกศึกก็ไม่เคยพ่ายแพ้แม้แต่เพียงครั้งเดียว พวกศัตรูต่างขนานนามเขาว่า แม่ทัพปีศาจผู้ไร้หัวใจ”

หลิวฟ่านซีนึกถึงบรรดาแม่ทัพใหญ่ในภาพยนตร์ซีรีย์ที่เคยได้ดู ส่วนใหญ่มักจะเป็นบุรุษที่เปี่ยมไปด้วยอำนาจวาสนา มีความสามารถและฝีมือที่เก่งกาจ พูดง่าย ๆ ก็คือพระเอกของเรื่องนั่นเอง

“อ่อ...แล้วเขาแต่งงานหรือยังล่ะ?”

“เอ๊ะ! อย่าบอกนะเจ้าคะว่าคุณหนู...สนใจท่านแม่ทัพหาน!”

"ใช่แล้ว ข้าเคยได้ยินชื่อเขามาบ้าง แต่พอได้ยินเจ้ายกย่องแม่ทัพหานอย่างออกนอกหน้า ข้าก็ยิ่งรู้สึกประทับใจมาก ขึ้นกว่าเดิม” นางรีบเอ่ยไปตามน้ำ

“หา...” ซิ่วชิงได้แต่กลืนน้ำลายฝืดคอ

“บอกตามตรงบุรุษในภาพเหล่านี้ดูไม่เข้าตาข้าเลยจริง ๆ เท่าที่เห็นแต่ละคนถ้าไม่ถือตำราให้ดูเคร่งขรึมก็ถือพัดดั่งบุรุษเจ้าสำราญ นิ้วมือเรียวกรีดกรายดั่งถูกเลี้ยงดูประดุจไข่ในหิน เห็นแล้วชวนให้คิดว่าพวกเขาคงเป็นพวกบัณฑิตที่คร่ำครึ วัน ๆ เอาแต่ท่องตำราและร่ายกาพย์กลอนด้วยอารมณ์สุนทรีย์"

หลิวฟ่านซีพยายามวิเคราะห์ถึงองค์ประกอบอื่นของภาพเพื่อประกอบการพิจารณา แค่คิดว่าหากจะต้องแต่งงานกับพวกบุรุษที่เห็นในภาพตรงหน้า ก็รู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ในเมื่อนางคิดวางแผนที่จะบุกไปยังจวนตระกูลหานเพื่อตามหาอู๋ทงและเว่ยซู ก็จำเป็นต้องรู้รายละเอียดเกี่ยวกับแม่ทัพหานซิงเยว่เสียก่อน ทั้งที่แท้จริงแล้วไม่ได้คิดสนใจอะไรในตัวบุรุษผู้นี้อย่างที่บอกกับสาวใช้คนสนิทแต่อย่างใด

“ว่าแต่คุณหนูไปรู้จักกับท่านแม่ทัพหานได้อย่างไรกันเจ้าคะ”

ซิ่วชิงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ที่ผ่านมานางไม่เคยเห็นคุณหนูย่างเท้าออกไปจากจวน แล้วจะเอาเวลาตอนไหนไปทำความรู้จักกับบุคคลที่ยิ่งใหญ่ระดับหย่งจิ้งโหวได้

“ก็แค่เคยได้ยินชื่อเท่านั้นเอง ตกลงว่าตอนนี้เขาอายุเท่าไหร่ แต่งงานแล้วหรือยัง เจ้ารีบตอบข้ามาเร็ว ๆ เข้า” หลิวฟ่านซีทำทีเป็นร้อนใจ เสี่ยวเป่าเองก็ทำทีเป็นช่วยส่งเสียงเห่าเพื่อเร่งเอาคำตอบด้วยอีกแรง

“เท่าที่ข้ารู้...ตอนนี้ท่านแม่ทัพหานซิงเยว่ หย่งจิ้งโหวมีอายุยี่สิบสี่ปีเต็ม ในอดีตเขาได้รับสืบทอดตำแหน่งแม่ทัพและบรรดาศักดิ์โหวจากผู้เป็นบิดาที่เสียชีวิตในสนามรบตั้งแต่ตอนตอนเขาอายุสิบห้า จึงได้ชื่อว่าเป็นท่านโหวที่มีอายุน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้เจ้าค่ะ”

“อืม...แล้วยังไงต่อ รีบเล่ามาสิ...” คนตั้งใจฟังทำเสียงเร่งเร้าให้สาวใช้รีบเล่าต่อไป

“มารดาของเขาเป็นภรรยาเอกของแม่ทัพหานจงอู่ มีบรรดาศักดิ์เป็น ‘ท่านหญิงเสวียนชิง’ เนื่องจากมารดาของท่านหญิงเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของไทเฮาองค์ปัจจุบัน ดังนั้นท่านแม่ทัพหานจึงเรียกมู่ไทเฮาว่าเสด็จยาย เขามีศักดิ์เป็นญาติของเชื้อพระวงศ์ พออายุครบสิบหกปีก็แต่งงานกับสตรีที่มารดาเลือกให้ แต่หลังจากแต่งงานก็ได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้นำทัพไปทำสงครามที่ชายแดน เวลาผ่านไปไม่นานฮูหยินของเขาก็ล้มป่วยจนเสียชีวิต โดยที่ไม่ทันได้กลับมาดูใจ ส่วนสุขภาพร่างกายของท่านหญิงเสวียนชิงผู้เป็นมารดาก็ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ จึงเอาแต่เก็บตัวอยู่ในเรือนด้านหลังปล่อยเรื่องในเรือนใหญ่ให้ฮูหยินรองเป็นคนคอยจัดการดูแลทั้งหมด”

“อย่างนี้นี่เอง”

ดวงตาของหลิวฟ่านซีเปล่งประกาย นึกชอบใจความสามารถในการบอกเล่าสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วของสาวใช้ผู้นี้ อาจเป็นเพราะซิ่วชิงใช้ชีวิตอยู่ในจวนขุนนางมาตั้งแต่เด็ก จึงได้รู้เรื่องราวความเป็นไปของจวนต่าง ๆ ภายในเมืองอย่างละเอียด

แต่ซิ่วชิงกลับคิดว่า คุณหนูของตนกำลังดีใจที่ได้ยินว่าตำแหน่งภรรยาเอกของแม่ทัพหานยังว่างอยู่

“คุณหนู...ข้าคิดว่าฮูหยินจะต้องไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”

“ทำไมล่ะ ท่านแม่ทัพหานมีหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่หรือมีข้อเสียอะไรที่ไม่อาจยอมรับได้อย่างนั้นหรือไงกัน?” หลิวฟ่านซีเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย

“ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ กล่าวกันว่าท่านแม่ทัพหานซิงเยว่มีหน้าตาที่หล่อเหลา องอาจผึ่งผาย รูปร่างสูงสง่าน่าเกรงขาม อีกทั้งยังมีความกล้าหาญสมกับเป็นชายชาตินักรบเป็นวีรบุรุษของปวงชน เพียงแต่...” ซิ่วชิงอ้ำอึ้งเล็กน้อย ไม่กล้าพูดออกมาเพราะกลัวว่าคุณหนูจะเสียใจอีกครั้ง

“คงไม่ใช่ว่าเขามีอนุและพวกสตรีนางเล็ก ๆ ซุกซ่อนเก็บไว้ในเรือนหลังจนแทบนับไม่ถ้วนหรอกใช่ไหม เจ้าพูดมาตามตรงเถิด” หลิวฟ่านซีไม่ได้สนใจเรื่องนี้ เพราะนางไม่ได้คิดจะแต่งงานกับเขาจริง ๆ สักหน่อย

“คือว่า...เท่าที่ข้าเคยได้ยินมา ท่านแม่ทัพหานรักภรรยาที่เสียชีวิตไปอย่างยิ่ง ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยมานาน เขาก็ไม่เคยคิดแต่งงานใหม่หรือรับอนุภรรยามาไว้ข้างกาย แม้แต่สาวใช้อุ่นเตียง หรือสาวใช้ในห้องหนังสือก็ไม่มีแม้แต่เพียงคนเดียว เห็นทีว่าท่านแม่ทัพหานคงไม่ใช่บุรุษทั่วไปที่ใครจะเข้าถึงตัวได้ง่าย ๆ หากคุณหนูถูกใจเขาจริง ๆ เห็นทีเรื่องนี้คงต้องลำบากแล้วล่ะเจ้าค่ะ”

“ไม่ลองก็ไม่รู้ ไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกหมาได้อย่างไรกันเล่า!” ดวงตาของหลิวฟ่านซีทอประกายมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ ไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่ซิ่วชิงพูดอีกต่อไป

“ลูกหมาอะไรหรือเจ้าคะ?” ซิ่วชิงทำหน้างุนงน ไม่เคยได้ยินสุภาษิตนี้มาก่อนในชีวิต

“ช่างเถอะ ๆ เรื่องนี้ค่อยพูดกันทีหลัง เอาเป็นว่าข้าจำเป็นต้องจัดการเรื่องทุกอย่างเรียงลำดับตามความสำคัญ”

ซิ่วชิงเห็นดวงตามาดมั่นของอีกฝ่ายก็ชักเริ่มหวั่นใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไป ถ้าจะบอกว่าเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีก็ไม่ผิด ในเวลานี้คุณหนูดูไม่ใช่คุณหนูคนเดิมที่มีนิสัยอ่อนแอ ไม่กล้าเผชิญหน้ากับสิ่งใดเหมือนแต่ก่อน

“ขอเพียงแค่คุณหนูต้องการสิ่งใด ข้าจะทำตามที่ท่านสั่งทุกอย่างเจ้าค่ะ” สาวใช้ผู้ซื่อสัตย์ยืนกรานหนักแน่น

“อย่างแรกเลย ต้องจัดการเรื่องชื่อเสียงของข้าเสียก่อน ไป๋เสียนเว่ยกล้าถอนหมั้นคุณหนูผู้งดงามและเพียบพร้อมอย่างข้า โดยไม่เห็นแก่หน้าและความสัมพันธ์ของผู้ใหญ่ นึกอยากจะยกเลิกการหมั้นง่าย ๆ โดยที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ฝันไปเถอะ! ชื่อเสียงของสตรีเป็นสิ่งสำคัญ จะให้คนเช่นนั้นมาทำลายชื่อเสียงอันดีงามของข้าไม่ได้เป็นอันขาด!”

เชื่อได้เลยว่าถึงแม้จะยังไม่ได้ตกลงเรื่องการหมั้นหมายอย่างเป็นทางการ แต่หลังจากที่นางถูกปฏิเสธการหมั้น คนในเมืองจะต้องโจษจันเรื่องนี้กันอย่างสนุกปาก ผู้ชายไม่ใช่ฝ่ายเสียหาย แต่ชื่อเสียงของฝ่ายหญิงต้องถูกทำลาย ต่อให้หลิวฟ่านซีไม่ได้คิดมากในเรื่องที่เกิดขึ้น ย่อมไม่อาจหลีกหนีจากคำครหานินทาไปได้

ที่ผ่านมาชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่จวนหลิวโหวก็ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ทั้งเรื่องป่วยไข้ ร่างกายอ่อนแอ เพียงแค่นี้ก็ไม่มีตระกูลใด อยากได้ไปเป็นสะใภ้แล้ว ครั้นพอมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก เห็นทีในอนาคตข้างหน้าคงมีแต่ความมืดมน ไม่มีใครอยากแต่งนางไปเป็นภรรยาอย่างแน่นอน

แล้วความตั้งใจที่จะหาสามีดี ๆ เพื่อใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปตลอดชาติของนางล่ะ?!

ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาทางกอบกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยหาทางลอบเข้าไปสืบหาตัวอู๋ทงและเว่ยซูในจวนตระกูลหานทีหลัง ไม่อย่างนั้นเห็นทีว่านางคงไม่มีหน้าออกไปพบเจอผู้คน งานนี้หลิวฟ่านซีมั่นใจว่าไม่น่าเกินความสามารถของตน

“คุณหนูคิดจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรหรือเจ้าคะ?”

“เจ้าช่วยหาใครที่ไว้ใจได้ไปในเมืองให้ข้าที จำเอาไว้อย่าให้มีผู้ใดรู้ล่ะ”

หลิวฟ่านซีกวักมือให้ซิ่วชิงขยับเข้ามาใกล้ พลางกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู ข้ารับใช้สาวได้ยินก็ทำตาโต พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ

เรื่องนี้จะต้องจัดการให้แล้วเสร็จเป็นอันดับแรก หาไม่แล้วนางคงไม่มีหน้าออกจากบ้านไปไหน คำพูดติฉินนินทาในยุคโบราณ บางครั้งก็ร้ายแรงยิ่งกว่าการใช้ดาบสังหารคนเสียอีก

***********************

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel