บทย่อ
นางท่านหญิงใหญ่ผู้ถูกตราหน้าว่าไร้ยางอาย เขาแม่ทัพหนุ่มผู้เป็นคนรักของน้องสาวต่างมารดา เขาและนางต้องแต่งงานกันโดยมิได้รักใคร่ ด้วยความเข้าใจผิดที่นางมิได้เป็นผู้ก่อ เรื่องราวควรยุตินับแต่นางก้าวออกจากจวน แต่ไหนเลยความวุ่นวายยังตามติดนางมิหยุดหย่อน เมื่อเป็นเช่นนั้นนางควรที่จะหันกลับมาสู้ มิใช่ถอยอีกต่อไป
ตอนที่1. ร่างเย้ายวน
จวนสกุลหลี่ เรือนหลิวหลี
ร่างเย้ายวนนั่งมองกระดาษที่อยู่ในมือ ก่อนจะวางลงยังเตาเล็กบนโต๊ะน้ำชา
“วันนี้เราจะออกไปร้านเครื่องหอมกัน ท่านพี่จะกลับมาถึงเมืองหลวงแล้ว”
หญิงสาวเอ่ยเสียงเรียบกับสาวใช้ข้างกาย นางแต่งเข้าจวนมาหลายปี ทว่าสามีนั้นแทบจะมิเคยย่างกรายมายังเรือนของนางเลย เรื่องการเสพสุขระหว่างสามีภรรยาหาได้เคยเกิดขึ้นแม้เพียงครั้ง
‘ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก เกิดมาชาติตระกูลดีสูงส่ง ทว่ากลับถูกสามีรังเกียจ บทนิยายน้ำเน่าสิ้นดี ยามนั้นข้ายังเยาว์ มิใช่ตอนนี้ที่ข้าพร้อมจะเปลี่ยนมันด้วยมือของข้าเอง ชะตาย่อมอยู่ในมือผู้กล้าที่จะเปลี่ยนเสมอ’
จ้าวหลิวหลีคิดอยู่ในใจก่อนจะลุกขึ้น หญิงสาวเดินไปนั่งลงยังกระจกทองเหลือง ร่างงามมองใบหน้าหมดจดของตนเอง ก่อนจะเริ่มแต่งแต้มสีสันให้เข้ากับใบหน้าอย่างใจเย็น
สามีเป็นแม่ทัพใหญ่ บุรุษที่สตรีทั่วแผ่นดินหมายปอง และเป็นอดีตคนรักของน้องสาวต่างมารดา ส่วนนางคือท่านหญิงใหญ่แห่งจวนจ้าวสตรีที่เขามองว่าไร้ค่า ซ้ำยังหาญกล้าปีนป่ายเตียงของเขาเมื่อหลายปีก่อน
นับแต่นั้นเป็นต้นมา นางเฝ้าเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างเงียบ ๆ จากท่านหญิงผู้ขลาดเขลาในสายตาผู้คน นางค่อย ๆ ถักทออำนาจขึ้นทีละน้อยจนกลายเป็นเสมือนใยแมงมุม ที่ควบคุมทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง โดยที่เขาหรือใคร ๆ มองไม่เห็นสิ่งนั้นเลยแม้แต่น้อย
เพียงอาหารหนึ่งมื้อ น้ำใจหนึ่งหน นางได้รับการตอบแทนจากผู้เป็นอาจารย์อย่างเหลือล้น นางไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศถึงความสำเร็จนั้นให้ผู้ใดได้รับรู้ เพราะนั้นคือการนำภัยมาสู่ตัวนางเอง
นางรอคอยวันที่คนเหล่านั้นพบจุดจบอย่างใจเย็น มิรีบร้อนให้พวกเขาตาย เพราะมันสบายจนเกินไป ความเจ็บปวดของนางมันยังมิทันคลายศัตรูจะสิ้นลมไปได้อย่างไรกันเล่า
รอยยิ้มงามปรากฏขึ้นช้า ๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของสามี เขาไม่เคยใยดีนาง แต่ก็มิเคยละสายตาจากนางได้เช่นกัน ตลอดสองปีที่เขาต้องเดินทางสู่ชายแดน สามีได้ส่งคนเฝ้าจับตานางเป็นพิเศษ
ตอนอยู่เมืองหลวงร่วมกัน เขามิแม้จะเรียกขานนางสักคำ พอต้องออกสู่ชายแดน กลับมิยินยอมให้นางคลาดสายตา ตัวอยู่ไกลแต่มีผู้เฝ้าจับตาดูนางทุกฝีก้าว ทั้งจากสามีและศัตรูเลยทีเดียว
จะเพราะห่วงหาหรือเพราะเกรงว่านางจะทำเรื่องเสื่อมเสีย ซึ่งเป็นสิ่งที่นางไม่อาจคาดเดาได้ แต่จะอย่างไรนางก็มิคิดจะเก็บมาใส่ใจ เพราะไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม เขาและนางก็เปรียบเสมือนเส้นขนาด ที่เคียงคู่แต่ไม่มีวันบรรจบ
ปักปิ่นเพียงขวบปีก็ต้องออกเรือน ความไร้เดียงสาทำให้นางต้องสูญเสียไปหลายสิ่งเหลือเกิน เมื่อผ่านพ้นวัยเหล่านั้นสู่คำว่าผู้ใหญ่ นางจึงเรียนรู้ที่จะควบคุมทุกอย่างเงียบ ๆ มากกว่าการกระทำอันสิ้นคิด
นางไม่อาจจะเข้าข้างตนเองว่าสามีนั้นมีใจ เพราะในคืนที่นางถูกมองว่าต่ำช้า แววตาของเขานั้นชิงชังนางยิ่งกว่าปฏิกูลเหม็นเน่าเสียอีก นางมิอาจลืมเลือนสายตาของทุกคนในค่ำคืนนั้นได้เลย ความไร้ยางอายที่ทุกคนประณามนั้น นางมิได้เป็นผู้ก่อมันขึ้นมา ทว่านางกลับเป็นผู้ที่ต้องรับความอัปยศติดตัวจนทุกวันนี้
“ฮูหยินจะไปที่ร้านผ้าด้วยไหมเจ้าคะ” เสี่ยวเชี่ยนเอ่ยถามผู้เป็นนายเบา ๆ
“มีสิ่งใดที่จางเค่อจัดการไม่ได้เช่นนั้นรึ”
จ้าวหลิวหลีเอ่ยถามสาวใช้ พร้อมมองวงหน้างามของเสี่ยวเชี่ยน ที่คลี่ยิ้มพร้อมดวงตาเปล่งประกาย เสมือนหญิงสาวตรงหน้ากำลังมีเรื่องสนุกให้ต้องทำ
“นกน้อยในกรงทอง กำลังหมายจะทำลายหงส์เช่นฮูหยินอย่างไรเล่าเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเชี่ยนรีบบอกผู้เป็นนายด้วยน้ำเสียงเริงร่า หญิงสาวรู้สึกตื่นเต้นเสียทุกครั้ง ที่สตรีชั้นสูงผู้นั้นหลงเข้ามาในร้านหลีเค่อของผู้เป็นนาย
“หึ ๆ เจ้านี่นินะ ช่างเปรียบเสียเหลือเกิน นายเจ้าเคยเป็นหงส์งามเช่นนั้นรึ”
“ฮูหยินเป็นเช่นนั้นมาแต่กำเนิดเจ้าค่ะ”
“ปากหวานเหลือเกินนะเสี่ยวเชี่ยน เอาเป็นว่าให้จางเค่อจัดการไปตามสมควรก็แล้วกัน เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นอย่าได้ใส่ใจให้มาก”
จ้าวหลิวหลีบอกเสี่ยวเชี่ยน เสมือนเรื่องที่สาวใช้แจ้งให้รู้ เป็นเพียงเศษฝุ่นผงที่ปลิวผ่านมาเท่านั้น นางคิดเช่นนั้นจริง เพราะไม่ว่าน้องสาวคนดีของนางคิดจะทำสิ่งใดต่อนาง
นางก็มิได้รู้สึกตื่นเต้นอันใดเลย เมื่ออีกฝ่ายมิรู้จักพอในสิ่งที่ได้ไปแล้ว แต่ยังเพียรพยายามทำลายนางทุกอย่างเช่นในอดีต ต่อจากนี้ก็สุดแท้แต่ชะตากรรของน้องสาวแล้ว นางจะเป็นเพียงผู้ที่ยืนมองเท่านั้นพอ
‘อย่าบีบให้คนเช่นข้าได้ลงมือจ้าวอี้เหมย เพราะเจ้ามิอยากที่จะเห็นมันอย่างแน่นอน’