บทที่ 4
บทที่ 4
ฝูหรงมองสามีที่อ่านหนังสืออยู่ไกล ๆ นางคิดเสมอว่าเขาเฉยชาเพราะแรกเริ่มนางไม่ใช่คนที่เขารัก แต่ก็นึกไม่ออกว่าคนเช่นนี้จะรักใครได้ เมื่อนึกย้อนกลับไปนางก็เคยเห็นเขาแสดงท่าทางเช่นนี้กับท่านพี่ของนางอยู่บ้าง แม้เขาจะมีความเย็นชานิ่งเฉย แต่ท่านพี่อิงอิงของนางก็บอกว่ารั่วหยางจิ้นเป็นชายหนุ่มที่เหมาะสมกับนาง ฐานะเท่าเทียมกัน ฝูหรงก็เห็นด้วย บุตรสาวจากตระกูลบัณฑิตและเขาที่เป็นบัณฑิตหนุ่มย่อมเหมาะสมกัน นางเองถึงแม้จะเป็นบุตรสาวของท่านพ่อเช่นเดียวกันแต่นางเป็นเพียงบุตรสาวของอนุ หากนางเหมาะสมกับรั่วหยางจิ้นบิดาของนางคงหมั้นหมายนางกับเขาแล้ว ไม่ใช่กับพี่สาวของนาง
แต่ท่าทางที่ดูคล้ายจะคุกคามในบางทีของสามีที่เข้าใกล้นางถึงเนื้อถึงตัวทุกครั้งยามอยู่กันเพียงลำพังก็ทำให้ดวงใจของหญิงสาวสั่นไหว ถึงกระนั้นทุกอย่างก็กลับเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ราวกับเมื่อครู่เขาไม่ได้ทำสิ่งใด
เหมือนดั่งเช่นวันก่อนที่เจ้าตัวอยากได้ถุงหอมกลิ่นที่คล้ายกับกลิ่นตัวของนาง ฝูหรงไม่เคยใช้เครื่องหอมจริง ๆ จัง ๆ
แต่พอมานั่งคิดดู ไม่ว่าจะเสื้อผ้าที่อบกำยาน หรือวิธีการผสมน้ำซักผ้าของนางก็ล้วนทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัวขึ้นมาได้ สุดท้ายหญิงสาวจึงสรรหาบรรดาของเหล่านั้นมาทำถุงหอมให้กับชายหนุ่มจนได้
“เหมือนหรือไม่เจ้าคะ” ฝูหรงมองคนที่นางรักนั่งอ่านหนังสืออยู่นานจนเมื่อเขาวางมือจากหนังสือกองนั้น หญิงสาวก็รีบนำถุงหอมที่นางบรรจงสร้างขึ้นมาเอาไปให้
“ไหนเจ้าบอกว่าไม่ได้ใช้เครื่องหอม เป็นเพียงดอกไม้ที่ใช้ยามอาบน้ำ”
ฝูหรงกำลังจะบอกกับสามีว่านั่นก็แค่สมุนไพรต่าง ๆ ที่ใช้เพื่อลดกลิ่นอับของเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ดูเหมือนการที่อีกฝ่ายรีบเก็บถุงหอมนั้นไปราวกับเกรงนางจะยึดคืนที่เขาท้วงติง คงเป็นการยืนยันว่าเขาพอใจกับสิ่งนั้นฝูหรงจึงไม่พูดอะไรอีก
การอยู่กับรั่วหยางจิ้นก็แบบนี้ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก หากแต่ต้องสังเกตทุกอย่าง หญิงสาวเรียนรู้สิ่งนี้มาจากแม่สามี นางบอกว่าตนเองต้องทนกับความเฉยชามาตลอดชีวิต แต่หากไม่อยากมีปัญหา เมื่อใดที่สงสัยก็ควรจะถามออกไปอย่าเก็บเอาไว้เพียงลำพัง ไม่ใช่ว่าสองพ่อลูกจะไม่ตอบ พวกเขาก็มีวิธีแสดงออกในแบบของเขา เมื่ออยู่ด้วยกันไปนานวันจะจับจุดได้เอง แค่เพียงดวงตาดำของสามีวูบไหวก็เดาได้แล้วว่าคิดเช่นไร
ฝูหรงอดสงสัยไม่ได้ว่ามารดาของสามีนางเดาใจคนเก่งถึงเพียงนั้นเชียวหรือ
สองเดือนแรกผ่านไปในจวนตระกูลรั่ว ฝูหรงเกือบลืมไปแล้วว่านางเข้ามาที่นี่ในฐานะของพี่สาว หลังจากนั้นไม่นานนางก็รับรู้ว่าพี่สาวหนีไปกับบุตรชายของคหบดีเมืองข้าง ๆ ในตอนเช้ามืด
นางรู้เรื่องนี้เพราะในจวนตระกูลฝู แม้จะพยายามปิดแต่บรรดาสาวใช้ก็ยังคงแอบพูด นางและสามีต้องกลับไปเยี่ยมบ้านตามธรรมเนียมจึงรับรู้เข้าโดยบังเอิญ
“ท่าน ไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะ” ฝูหรงไม่กล้าเรียกอีกฝ่ายว่าพี่จิ้นเช่นเดิมด้วยซ้ำ เขาว่าเขาไม่ใช่พี่ชายของนาง และไม่ได้อยู่ในฐานะลูกศิษย์ของบิดานาง และที่ไม่เรียกคุณชายแล้วก็เพราะชายหนุ่มบอกว่าไม่แปลกหรืออย่างไรเป็นภรรยาแต่กลับเรียกชื่อสกุลสามีนางจึงเปลี่ยนมาเรียก ท่านพี่ นางก็ยังเก้อเขินอยุ่ดี แต่ทุกครั้งที่เอ่ยเรียกชายหนุ่มก็ได้รับสายตาไม่พอใจกลับมาอยู่ดี
“อยู่ข้างนอกข้าบอกให้เรียกเช่นไร”
“เรื่องพี่สาวข้าไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะท่านพี่” รั่วหยางจิ้นชักสีหน้าเฉยเสียจนหญิงสาวคาดเดาไม่ออก ว่าเขารู้สึกเช่นไร ไม่พอใจที่ฝูอิงกลับมา หรือไม่พอใจที่นางหนีตามชายอื่น คำของสาวใช้ที่เอ่ยว่าคุณหนูหนีไปกับใครนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มกังวลเลย เป็นฝูหรงมากกว่าที่รู้สึกวุ่นวายใจ
“เจ้าก็ไปหาแม่เจ้าเถอะ” น้ำเสียงเข้มงวดที่บิดาเอ่ยทำเอาฝูหรงรู้ว่าบิดาไล่ออกมา นางออกมาหาแม่ของนางที่อยู่กับฮูหยินใหญ่ แน่นอนว่าฮูหยินใหญ่เพียงแค่ทักนางเรียบ ๆ เท่านั้น ก่อนที่นางจะทิ้งหญิงสาวเอาไว้กับมารดาผู้ให้กำเนิดเพียงลำพัง เรื่องราวการกระทำผิดของพี่สาวถึงถูกบอกให้รับรู้
“นางหนีไปตอนเช้ามืด มีสาวใช้เห็นแต่ไม่นึกว่าจะเป็นนาง” ส่วนเหตุผลอื่น ๆ นั้นก่อนที่นางจะแต่งออกไปฝูหรงได้รับรู้จากฮูหยินใหญ่และบิดาแล้ว
จะให้ไปตามตัวพี่สาวนางกลับมาก็คงจะไม่ทันฤกษ์ทันการ จึงให้ฝูหรงเปลี่ยนตัวแต่งไปให้หมดเรื่องหมดราว อย่างไรก็เป็นสองตระกูลที่ได้ดองกันอยู่แล้วเมื่อหัวหน้าทั้งสองตระกูลไม่มีปัญหา ก็ไม่มีอะไรต้องกังวล อย่างไรงานแต่งก็มิอาจเลื่อนออกให้เสียชื่อเสียงได้
ฝูหรงไม่เคยถามสามีถึงเรื่องพี่สาวอีกเพราะอีกฝ่ายไม่ตอบ
นางและเขาอยู่ด้วยกันอย่างเป็นปกติดีทุกอย่าง นามของฝูอิงไม่เคยถูกเอ่ยถึงเลยสักครั้งตั้งแต่นางแต่งเข้าจวนตระกูลรั่ว
“วันนี้ท่านแม่บอกว่าเจ้าไม่ค่อยสบายเป็นอะไรหรือเปล่า” ทั้งความใส่ใจก็ดีสมกับที่เขาบอกว่าจะเป็นสามีที่ดี
“ไม่มีอะไรหรอกเจ้าค่ะ”
รั่วหยางจิ้นไม่ใช่คนเซ้าซี้ หากบอกว่าไม่เขาก็ไม่คิดจะถามอะไรต่อ “ดูแลตัวเองด้วย” แต่ก็ไม่ลืมที่จะเตือน
ซึ่งมันทำให้ฝูหรงรู้สึกโชคดีมากที่มีชายหนุ่มอยู่ข้างกาย
การอยู่กับเขามันดีมากเสียจนยิ่งนานวันฝูหรงก็ยิ่งลืมว่าตัวเองมาเป็นตัวแทนของใครบางคนตำแหน่งภรรยาของรั่วหยางจิ้นไม่ใช่สิ่งที่เป็นของนางตั้งแต่แรก
และหญิงสาวก็เพิ่งนึกขึ้นได้เอาวันที่ใครบางคนที่นางลืมไปแล้วปรากฏตัวขึ้นกลางห้องโถงของตระกูลรั่ว