บทที่ 3
บทที่ 3
ฝูหรงใช้เวลาช่วงเช้าพูดคุยกับแม่สามี มีเรื่องที่นางต้องเรียนรู้มากมาย โดยเฉพาะการดูแลเงินของจวนที่แม่สามีอย่างหลี่ชุนโหลวจะยกให้กับนางดูแล
“แม่แก่แล้วหรงหรง หากยังทำต่ออยู่ก็ไม่รู้จะมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ ในเมื่อเจ้าแต่งเข้ามาแล้ว ก็ช่วยแม่ดูแลเถิด”
“ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ข้าจะช่วยท่านแม่จัดการเอง” เพราะจวนสกุลฝูนางก็ฝึกงานกับท่านแม่ใหญ่ในตระกูลฝูมานาน งานการหลาย ๆ อย่าง ก็เรียนรู้ไปพร้อมกับพี่สาวอย่างฝูอิง จึงทำให้ฝูหรงมีความรู้ความสามารถพอสมควร เอาเข้าจริงงานที่ท่านแม่ใหญ่มอบหมายให้นางและพี่สาวทำ เป็นนางทั้งหมดที่ทำ ท่านพี่อิงอิงแทบไม่ได้หยิบจับ หรือหากจะพูดกันตามตรงก็คือนางเองก็มีดีเท่าที่คุณหนูคนหนึ่งควรจะมี ไม่เช่นนั้นท่านพี่อิงอิงคงไม่ยอมให้นางทำงานแทนทั้งหมดเช่นนั้น หรือนางอาจจะมีดีมากกว่าคุณหนูเล่านั้นตรงที่นางจะขยันและอดทนมากกว่าด้วย เพราะคงไม่มีคุณหนูตระกูลใดต้องตักน้ำอย่างที่นางเคยทำ แม้แต่ผ่าฟืนนางก็เคยทำมาแล้ว ทุกอย่างฝูหรงล้วนทำเป็นทั้งหมดทั้งสิ้น +
นั่นจึงทำให้เพียงเริ่มหยิบจับอะไร แม่สามีก็เอ็นดูจนติดเรียกชื่อนางไม่ขาดปาก ไม่ว่าอะไรก็ หรงหรง
“ท่านพี่ลองชิมอันนี้ดูสิเจ้าคะ หรงหรงเป็นคนทำ น้องว่ารสชาติดีทีเดียว”
แม้หัวหน้าตระกูลอย่างรั่วเจิ้นหวินจะไม่เอ่ยอะไร แต่การรับไปกินโดยไม่มีคำบ่นนั่นก็ถือเป็นคำชมแล้ว และถ้วยที่ว่างเปล่าของสามีที่หญิงสาวเติมน้ำแกงให้เป็นรอบที่สองก็เป็นการบ่งบอกเหมือนกันว่ารั่วหยางจิ้นก็ชื่นชอบสิ่งนี้ไม่น้อย
หลังจากอยู่ในจวนตระกูลรั่วมาเกือบเจ็ดวันก็ทำให้ฝูหรงรู้ว่าบุรุษบ้านนี้เก็บปากเก็บคำไม่ค่อยพูดจา ไม่เหมือนกับแม่สามีของนางที่เอ่ยวาจาอ่อนหวานเอาใจสามีและบุตรชายเสมอ แม้ว่าทั้งสองจะเงียบเฉยใส่ แต่แม่สามีของฝูหรงก็บอกว่าถ้าไม่บ่นออกมาก็คือดีหญิงสาวจึงเริ่มใจชื้นขึ้นบ้าง
เพราะตั้งแต่เข้ามาที่นี่รั่วหยางจิ้นยังไม่เคยบ่นว่าอะไรนางเลยสักครั้ง เขาและนางใช้ชีวิตราวกับสามีภรรยากันจริง ๆ ทำให้ฝูหรงยิ่งรู้สึกดีกับสามีของนางมากขึ้นไปอีก และหลังจากที่นางคลายความกังวลลงบ้างแล้วสามีก็เริ่มเข้าหามากขึ้น
“ทายาทก็เป็นสิ่งสำคัญไม่เช่นนั้นคงไม่มีสัญญาหมั้นหมายเกิดขึ้นหรอก”
ฝูหรงยังจำได้ดีว่าตอนที่นางได้ยินคำนี้ครั้งแรกนางรู้สึกเขินอายมากแค่ไหน แต่เพราะใจที่เป็นของอีกฝ่ายอยู่แล้ว รวมถึงความอ่อนโยนที่เย็นชานั่นก็ทำให้ตกลงไปในบ่วงรักของอีกคนมากขึ้นไปอีก
นางเพิ่งเข้าใจความหมายจริง ๆ ของคำพูดในคืนวันแต่งของชายหนุ่มก็เมื่อได้ร่วมหอกับเขาจริง ๆ รั่วหยางจิ้นไม่ได้สนใจเลยว่าสตรีที่เขาเข้าพิธีมงคลหรือร่วมหอกับเขาจะเป็นใคร ชายหนุ่มล้วนคิดเพียงแค่หน้าที่เท่านั้น นั่นก็หมายความว่า บางทีต่อให้คนที่นั่งอยู่บนเตียงในวันเข้าหอเป็นพี่สาวของนาง ก็อาจจะได้รับคำพูดที่ไม่ต่างกันนัก
ฉะนั้นแม้จะสุขใจที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขา แต่ก็เป็นความสุขที่แอบจุกและเจ็บอยู่บ้าง แต่เพราะตอนนี้นางเป็นภรรยาของรั่วหยางจิ้นแล้วจึงไม่ได้คิดอะไรมาก
กลางวันจัดการเรื่องในเรือน มันง่ายเสียยิ่งกว่ายามที่นางอยู่ที่จวนตระกูลฝูเสียอีก เพราะไม่ว่าจะทำอะไรก็มีคนคอยช่วยเหลือ แม่สามีก็ไม่คัดค้านอะไรสักอย่างทั้งยังเอ่ยปากชมไม่ขาดปากอยู่เสมอ ๆ
“มีหรงหรงแล้วแม่ก็วางใจจริง ๆ สาวใช้ทำงานได้เรียบร้อยยิ่งกว่าตอนที่แม่ดูแลอยู่อีก”
หญิงสาวที่ได้รับคำชมนางยิ้มอย่างเขินอาย เพราะไม่ว่าทำดีเท่าไรก็ไม่เคยได้ยินคำชมจากปากท่านแม่ใหญ่เลยสักครั้ง มารดาของนางเองก็ก้มหน้าก้มตาทำงานในจวนตามคำสั่งของฮูหยินเอก
“ท่านแม่ก็พูดเกินไปเจ้าค่ะ ข้าก็แค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น”
“เจ้านี่นะถ่อมตัวจริง ๆ อ่อนน้อมน่ะดี แต่ให้คนเอาเปรียบไม่ดีรู้หรือไม่ อะไรที่ทำได้ดีเมื่อมีคนชมก็รับเอาไว้เถอะ”
ฝูหรงยิ้มอย่างตื้นตันให้กับแม่สามี นางรู้สึกราวกับสิ่งที่ดีที่สุดที่บิดาเคยทำให้นางคือการที่ให้นางแต่งออกมาแทนท่านพี่จริง ๆ หรือนางควรขอบคุณท่านพี่อิงอิงที่หายไป
เพราะหากไม่เป็นอย่างนั้น ชาตินี้ก็ไม่รู้ว่านางจะเจอครอบครัวสามี และสามีที่ดีขนาดนี้หรือไม่ แม้ว่ารั่วหยางจิ้นจะพูดจากับนางน้อยนัก แต่เพราะแม่สามีบอกเอาไว้แล้วว่าท่านพ่อและสามีของนางนั้น เหมือนน้ำนิ่งไหลลึก แม้จะคิดอะไรอยู่ในใจมากมาย แต่กลับกระทำเพียงน้อย และพูดเพียงแค่จำเป็นเท่านั้น หากเข้าใจก็จะมีความสุขได้ แต่ถ้าไม่เข้าใจก็จะคิดว่าชายหนุ่มนั้นเย็นชาและไม่สนใจใส่ใจ ซึ่งคำของท่านแม่ ฝูหรงก็พยายามจดจำเอาไว้เสมอ
“ท่านพี่วันนี้ข้าตุ๋นน้ำแกงเอาไว้ให้ท่านดื่มก่อนนอนด้วยนะเจ้าคะ”
หญิงสาวช้อนสายตามองคนที่นางกำลังช่วยเขาถอดชุดออก เสียงครางรับเบา ๆ ในลำคอเป็นการบ่งบอกให้รู้ว่าชายหนุ่มนั้นรับรู้แล้ว แต่ระหว่างที่ฝูหรงจะเดินไปจัดเตรียมที่นอนให้กับสามีก็ถูกรั้งตัวเอาไว้ จมูกของชายหนุ่มผ่านแก้มเนียนไปราวกับแมลงปอบินผ่าน
“เครื่องหอมของเจ้า ทำเป็นถุงหอมให้ข้าได้หรือไม่”
“แต่ข้าไม่ได้ใช้เครื่องหอมใด ๆ เลยนะเจ้าคะ”
คำของหญิงสาวเรียกสายตาคมให้หันมามองและนั่นก็ยิ่งทำให้หัวใจของฝูหรงเต้นไม่เป็นส่ำ
“แล้วต้องทำเช่นไรถึงจะมีกลิ่นเช่นนี้เล่า”
เขาเอ่ยคำที่ไม่ได้ฟังดูแปลกอะไรเลย แต่ยามนี้กลับทำให้ฝูหรงเกือบจะหายใจไม่ออกตายอยู่แล้ว
ฝูหรงยิ้มเอียงอายแล้วก้มหน้าลงเล็กน้อย รู้สึกถึงความร้อนที่ไหลวนอยู่ในแก้มของตน “บางทีอาจเป็นเพราะกลิ่นดอกไม้ที่ข้าใช้อาบน้ำก็ได้เจ้าค่ะ”
รั่วหยางจิ้นยิ้มอ่อนก่อนจะพลิกฝ่ามือบางแล้ววางตลับยาตลับเล็กลงบนฝ่ามือนั่น ฝ่ามือของนางเล็กนิดเดียว แต่กลับหยาบกร้านยิ่งกว่าเขาเสียอีก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าภรรยาของเขา เดิมอยู่ที่จวนสกุลฝูเช่นไร
"ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ทำถุงหอมจากดอกไม้ที่ว่านั่นให้ข้าด้วยนะ ส่วนนั่นทาทุกวันอย่าให้ขาด คนขายร้านเครื่องประทินผิวบอกว่าตัวยาในตลับตัวนี้ดีที่สุด"
หลังจากจัดที่นอนเสร็จ ฝูหรงเดินไปที่ครัวเพื่อนำน้ำแกงที่ตุ๋นไว้มาให้สามี ความรู้สึกอบอุ่นของน้ำแกงในมือเทียบไม่ได้เลยกับความอบอุ่นที่เกิดขึ้นในใจนาง เป็นแรงผลักดันให้นางอยากดูแลเขาให้ดีที่สุด แม้ในใจนางรู้สึกว่า แม้รั่วหยางจิ้นจะไม่ใช่คนที่แสดงความรักออกมาอย่างชัดเจน แต่การกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาก็เพียงพอให้นางรู้สึกถึงความรักและความเอาใจใส่ที่เขามีต่อนาง แม้จะไม่มีคำบอกรักหรือรู้สึกเช่นไรกับนางเลยสักคำก็ตาม
นางทำดีกับเขาถึงเพียงนี้ เขาย่อมต้องเอนเอียงมาหานางบ้างใช่หรือไม่
ในคืนที่เงียบสงบนี้ ฝูหรงนั่งมองสามีของนางที่ดื่มน้ำแกงอย่างตั้งใจ ในใจนางรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย และรู้ว่าการตัดสินใจของบิดาที่ให้นางแต่งงานกับรั่วหยางจิ้นแทนพี่สาวนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิตของนางตั้งแต่เกิดมา ทั้งสองคนอาจจะยังค่อย ๆ เรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน แต่ฝูหรงก็รู้ว่าพวกเขาจะผ่านทุกอุปสรรคไปด้วยกัน เยี่ยงสามีภรรยาคู่อื่น ๆ
เมื่อรั่วหยางจิ้นดื่มน้ำแกงเสร็จ เขาหันมายิ้มให้ภรรยาของตน "ขอบใจเจ้ามากหรงหรง น้ำแกงนี้อร่อยมาก ข้าจะนอนแล้ว เจ้าเองก็นอนพักผ่อนเสียด้วย"
ฝูหรงยิ้มและกล่าวขอบคุณสามีกลับไปในความเป็นห่วงเป็นใยที่เขาเอ่ย ก่อนที่จะไปเตรียมตัวนอนเคียงข้างเขาเช่นทุกวัน ความสุขและความพอใจที่นางรู้สึกในวันนี้ทำให้นางหลับไปด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น มั่นใจว่าพรุ่งนี้จะเป็นอีกวันที่ดีในชีวิตใหม่ของนางที่จวนตระกูลรั่ว