ตอนที่ 3 เจ้ามันเป็นนางมาร
ตอนที่ 3 เจ้ามันเป็นนางมาร
มี่เจินนั่งคุกเข่าด้านหน้าของมู่หลัน นางกำลังแสดงงิ้วฉากใหญ่เพื่อให้ มู่หลันดูไม่ดีในสายตาของเขา บุรุษที่นางนั้นรักและอยากจะเข้ามาอยู่ที่จวนนี้ในฐานะฮูหยินเอกของจวน แต่แล้วกลับมีสตรีที่ไหนไม่รู้ว่าเอาตำแหน่งที่ควรจะเป็นของนางไป
อาชิงเมินเฉยไม่พูดอันใด นางไปแจ้งแก่เจ้าของจวนที่แท้จริงอย่าง นายท่านฉางให้รีบมาหาสตรีของนางเสีย มิเช่นนั้นสตรีน้อยนางนี้อาจจะตายคามือของฮูหยินก็เป็นได้
หนึ่ง ฮูหยินของนางมิชอบคนพูดมาก สอง มิชอบคนทำให้รำคาญใจ สาม นางมิชอบสตรีตีสองหน้า
“พี่สาว ข้าฮึก ๆ ๆ” มี่เจินบีบน้ำตาเอ่ยเสียงสั่นเครือเบา ๆ แกล้งทำตนเองเจ็บปวดแทบจะตายลงให้ได้ ต่อหน้าของฮูหยินเอกของจวน
“เจ้าอย่ามัวแต่ร้องไห้ ข้ามิชอบเห็นน้ำตามันทำให้ข้ารำคาญ” เสียงเย็นชา พร้อมสายดูดุร้ายของนางทำให้ มี่เจินแทบจะลมจับ นางมิเคยเห็นใครมีสายตาเช่นนี้มาก่อนเลย
“เจ้าทำอะไรนางกัน” เสียงที่ดังมาพร้อมสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อของเขาส่งมายัง มู่หลัน นางหาได้สนใจไม่
“ท่านพี่ พี่สาวนาง นาง..ฮึก ๆ ๆ” มี่เจินแสร้งร้องไห้โฮออกมา แล้วเขาก็เข้ามาประคองสตรีที่เขารักให้ลุกขึ้น พร้อมส่งสายตาไม่พอใจ มู่หลันที่ทำร้ายคนรักของเขาได้ถึงเพียงนี้
เห็นทีว่าเขาคงจะต้องสั่งสอนนางเสียหน่อย ให้รู้ว่าใครเป็นใคร
“เอาล่ะเชิญพวกท่านพลอดรักกันตามสบาย อ้ออีกอย่างคุณหนูกวน เจ้ายังมิได้ออกเรือน อย่าเรียกสามีของผู้อื่นว่าท่านพี่ มันจะดูไม่งาม หากใครได้ยินเข้า เจ้าจะเป็นที่ครหา ดีที่อยู่ในจวน มิเช่นนั้นเจ้าคงจะถูกนินทาไปทั่วเมือง ว่าไร้ยางอาย หน้าด้าน หรือหน้าหนาก็เป็นได้”
มู่หลันไม่สนใจ นางสนใจข้าวต้มที่มีนางมารน้อยและคนตาบอด เห็นทีว่าจะต้องให้ทำใหม่อีกถ้วยกระมัง เสียดายจริง ๆ อาชิงมองหน้าของเจ้านายที่นางมิมีทีท่าอันใดหรือแสดงอาการไม่พอใจ
เพียงแค่เห็นเจ้านายนั้นถอนหายใจไปหลายเฮือกมองที่ชามเข้าต้ม
“เจินเอ๋อร์ นางทำอะไรเจ้าบอกพี่มาพี่จะจัดการนางเอง” อันหยางกอดสตรีคนรักเอาไว้แนบอกของเขาปลอบประโลมให้นางหยุดร้องไห้เสีย
ยิ่งเห็นน้ำตาของนางก้อนเนื้อหน้าอกด้านซ้ายแทบจะสลาย มือหนาลูบผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มเกือบจะดำของนางอย่างอ่อนโยน สายตาอบอุ่นและเป็นห่วงนางนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจน
“ท่านพี่ เอ่อ.. พี่หยาง นางเพียงว่าข้า แถมยังผลักข้า สั่งให้ข้าคุกเข่าต่อหน้านาง อีกทั้งยังเอ่ยวาจาดูถูกถากถางน้อง จนน้องอดที่จะเสียใจมิได้ ที่น้องมาเพียงแค่จะมาแสดงความยินดี น้องคิดได้แล้วว่ามิอาจจะหึงหวงพี่หยางได้”
มี่เจินมีหรือจะปล่อยโอกาสไปนางพูดอะไรเขาก็เชื่อ เช่นนั้นแต่งงานกันได้ไม่เท่าไหร่ก็หย่าขาดกันได้ ไม่เห็นจะยาก หรือไม่เขาก็รับนางเข้ามาเป็นภรรยารองเร็ว ๆ นี้แน่
“นางกล้าทำเช่นนี้ มิไว้หน้าพี่เช่นนั้นพี่จะจัดการนางเอง ช่วงนี้เจ้าจงอยู่แต่ในจวน นะอย่าออกไปไหนหากไม่มีพี่ อีกสามวันพี่จะไปหาที่จวนแล้วจะพาไปเที่ยวดีหรือไม่” อันหยางเอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงคนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา
“เจ้าคะ น้องจะเชื่อฟังพี่หยาง” มี่เจินยิ้มอย่างเบิกบานแต่รอยยิ้มนี้แฝงไปด้วยพิษ
ภายในเรือนขนาดกลางท้ายจวนใหญ่นั้น บริเวณนี้เป็นจวนที่ไม่ใหญ่โตจนเกินไป ข้าวของเครื่องใช้ล้วนครบครันและมีมูลค่ามากมายนัก มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นแค่แวบเดียวเท่านั้น มือเรียวของนางจับแจกันใบหนึ่ง ที่มูลค่าคงจะหลายตำลึงทอง เขาช่างเอาใจใส่และดูจะยกย่องนางเหมือนกัน
“ฮูหยิน ข้าว่านายท่านจะต้องมาหาที่เรือนแน่ ๆ เจ้าค่ะ ผลัดอาภรณ์ดีหรือไม่”
“ข้าอาบน้ำดีกว่า ไปเตรียมน้ำ” นางมิคิดว่าเขาจะมาหา คงต้องพลอดรักกับคนรักของเขาก่อน และคงหาทางไล่นางให้ออกจากจวน อีกอย่างคนอย่างนางหรือจะยอม ‘ข้าไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ช่างอ่อนหัดเสียจริง’
“เจ้าค่ะ” อาชิงรับคำแล้วไปเตรียมน้ำอย่างรวดเร็ว จนมู่หลันได้กินข้าวต้มอีกชาม และเข้าไปหลังฉากกั้น นางแช่น้ำที่มีกลิ่นหอมของน้ำมันหอม อีกทั้งยังมีสมุนไพรบางชนิดที่นางจำเป็นต้องใช้ขับพิษที่สะสมอยู่ในตัวของนางด้วย เพราะก่อนแต่งงานนางได้รับภารกิจสำคัญ แต่ดันถูกลูกดอกอาบยาพิษเข้าไป
นางแช่น้ำและหลับตานิ่งข่มกลั้นความเจ็บปวดที่ร่างกายของนางกำลังค่อย ๆ ขับพิษออก ต้องใช้เวลานานที่เดียว ใบหน้าของนางซีดเซียวเหมือนขาดเลือด ริมฝีปากของนางออกม่วงคล้ำยามขับพิษ
“เจ้าอยู่ไหน ออกมานะสตรีเช่นเจ้ามัน...”
“มันอะไร ท่านพี่พูดกับข้าให้ดี ๆ หน่อยมิได้หรือ อย่าลืมข้ากับท่านเป็นสามี ภรรยากัน ควรให้เกียรติข้า มิใช่นาง”
“เจ้ามันเป็นนางมาร พูดจาว่าร้ายแถมยังลงโทษนางอีกเจ้ามิรู้หรือว่า ข้ารักนางมิใช่เจ้า”
***ภัคจิรา***