ตอนที่ 2 แขกมาเยือน
ตอนที่ 2 แขกมาเยือน
ภายในห้องนอนนั้นมีผ้าสีขาวบางเบาอยู่หนึ่งผืนที่คาดตรงกลางเอาไว้ นางต้องคิดหนักว่าจะหาอะไรมาทำให้เกิดรอยแดงดี และเมื่อนึกออกนางก็สั่งให้ อาชิง ไปเอาเลือดไก่มาแล้วหยดมันลงไป โดยที่ฝ่ายสามีมิรู้ความเพราะยาลวงตาที่นางใช้นั้น คล้ายๆ กับผงนิทราที่ทำให้นอนหลับฝันหวาน
และคาดว่าเขาคงจะฝันว่าร่วมหอกับ คนรักกระมัง ดูจากท่าทางที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วอีกทั้งสะโพกของเขาก็เด้งไม่หยุดหย่อน ก่อนที่รอยยิ้มน้อย ๆ ของนางจะปรากฏ ทำให้ อาชิงนั้นต้องมองหน้าของนายสาวอย่างแปลกใจ
อาชิงคิดว่าตนเองตาฝาดที่เห็น เจ้านายของตนเองมีรอยยิ้มเช่นนี้ และขบขันกับท่าทางของนายท่านอีกด้วย อาชิงก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ นานแล้วที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มเช่นนี้
“อาชิง รีบเอาไปเก็บเสีย แล้วข้าจะเข้าครัวทำอาหาร” มู่หลัน เอ่ยขึ้น ก่อนที่จะสวมชุดแบบสตรีงดงาม เดินไปยังห้องครัวที่อยู่อีกเรือน เรียกได้ว่า จวนนี้ใหญ่โตสมกับเป็นคหบดีที่ร่ำรวยอันดับหนึ่งของเมืองหลวงก็ว่าได้
เครื่องใช้ทั้งหลายก็ล้วนมีราคาแพงทีเดียว ก็ใช่นะสิเขาร่ำรวยออกปานนี้ หากนางมิทำงานในหน่วย นางก็คงจะนอนกินสบายไปทั้งชาติ ถ้าเขาไม่ขอหย่ากับนางเสียก่อน
“ฮูหยิน ให้พวกบ่าวทำอาหารเช้าก็ได้เจ้าค่ะ” สาวใช้ตัวเล็กน่ารักเอ่ยขึ้น นางมีหน้าที่ทำสำรับอาหารให้เจ้านายในจวน และมิคิดว่าฮูหยินของจวนจะตื่นแต่เช้าเช่นนี้
สาวใช้จึงได้ขันอาสาที่จะทำให้เจ้านายอย่างเต็มใจ
“ข้าอยากกินอาหารอ่อน ๆ พอจะทำข้าวต้มใส่หมูให้ได้หรือไม่” นางเอ่ยอย่างสุภาพ แต่แววตาของนางยังราบเรียบออกจะเย็นชาเป็นเอกลักษณ์ของนาง แต่ท่าทางของนางมิได้เหมือนใบหน้าที่ดูจะเย็นชา
“ได้เจ้าค่ะฮูหยิน เช่นนั้นเชิญรอด้านในนะเจ้าคะ บ่าวจะรีบทำให้” สาวใช้รีบเอ่ยแจ้งเจ้านายทันที กลัวจะมีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ติดเสื้อผ้างดงามของฮูหยิน
ทุกคนที่นี่ถูกกำชับจากนายท่านว่าให้ดูแลฮูหยิน ไม่ว่านางต้องการอะไร ให้จัดหาให้นาง อย่าให้นางได้ลำบากกายและใจ เช่นนั้นพวกบ่าวไพร่ทั้งหลายก็ต้องเชื่อฟัง หากมิเชื่อฟังก็จะถูกลงโทษแน่นอน
“ข้าขี้เกียจรอข้างใน จะนั่งรองตรงนี้ได้หรือไม่” เมื่อคืนกว่าจะได้นอน พี่รองก็ดันมาโผล่เรียกนางเสียอย่างนั้น นางเองก็อยากพักใจจะขาด แต่พี่รองนี่สิเล่นงานนางหาว่าอู้งานบ้างล่ะ มอบหมายงานที่ไม่ใช่ของนางบ้างล่ะ จนสุดท้าย พี่รองยอมกลับแต่โดยดี เพราะเพียงแค่นาง บอกว่า ไม่เช่นนั้นจะลาออก
“ได้เจ้าค่ะ ฮูหยิน” สาวใช้เอ่ยขึ้น และลอบมองฮูหยินของจวน ใบหน้าของฮูหยินนั้นดูงดงามแต่ใต้ตาออกจะคล้ำไปเล็กน้อย คงเป็นเพราะนอนน้อยกระมัง สองมือของนางจับนั่น จับนี้ลงมือทำข้าวต้มจนเสร็จสรรพ พร้อมตักข้าวต้มที่กลิ่นหอมชวนยั่วน้ำลายลงในชามกระเบื้องชั้นดี
“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยิน” สาวใช้เอ่ยขึ้นพร้อมแย้มยิ้มก่อนจะยื่นเข้าต้มที่หอมกรุ่นชวนน้ำลายไหลให้เจ้านาย
มู่หลันพยักหน้าและรับชามข้าวต้มมา นางเดินไปยังสระบัวด้านหน้าของจวนใหญ่ ที่นั่นมีศาลาเหมาะกับการทานข้าวต้มยามเช้าของนางยิ่งนัก อาชิงสาวใช้เดินตามหลังมาอย่างเงียบ ๆ เสมือนไร้ตัวตน
มู่หลันหลับตาสูดดมกลิ่นหอมของข้าวต้ม กำลังจะลงมือตักข้าวต้มเข้าปาก พลันสายตาของนางไปสะดุดอยู่ที่ร่างบอบบางของ ‘คนรัก’ ของสามี
มุมปากและหางคิ้วของนางกระตุกแววตาของนางวูบไหวก่อนจะมีสีหน้าอย่างเอือมระอา ‘คนจะกินข้าวให้อร่อยเสียหน่อย นางมารน้อยก็มาวุ่นวายแต่เช้า ช่างน่าเบื่อจริง ๆ ’
“อาชิงไปเชิญนางเข้ามา แล้วไปเรียนนายท่านว่า สตรีของเขานั้นมาแล้ว” มู่หลันหาได้สบอารมณ์ไม่ นางหิวมากแทบจะกินช้าง กินเสือได้กระมัง นางเพียงอยากกินข้าวต้มของนางอยู่เงียบ ๆ ไม่ต้องการให้ใครมาวุ่นวาย
“แต่...ฮูหยินเจ้าคะ...” อาชิงมีทีท่าว่าไม่เข้าใจคำสั่งของนายสาว หากแต่ต้องหยุดเพราะสายตาคู่งามของเจ้านายทอแววว่ามิพอใจที่นางก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว
“ช่างเถิด ข้ามิได้สนใจแต่แรก” เสียงที่ยังคงนิ่งพร้อมสายตาที่นิ่งราวกับหินผามิได้สะทกสะท้านถึงแขกผู้มาเยือนเป็นสตรีน้อย หน้าตาน่ารักสดใส มิใช่สตรีป่าเถื่อนเช่นนาง
“นางช่างหน้าด้านเหลือทน มีอย่างที่ไหนมาเรียกร้องวันที่นายท่านกับฮูหยินเพิ่งแต่งงานกันแค่วันเดียว” อาชิงลุกยืนขึ้น นางก็บ่นกระปอดกระแปดมีหรือที่ฮูหยินของนางมิได้รับรู้
นางฝึกวรยุทธ์มาตั้งแต่เด็ก และค่อนข้างที่จะเอาตัวรอดเก่ง ถึงไม่ได้เก่งกล้ามากความสามารถเหมือนพี่ใหญ่ แต่นางก็มีทักษะพอตัว มิเช่นนั้นนางจะได้รับตำแหน่งท่านรองมาครอบครองหรือ ตำแหน่งนี้มิได้มาได้อย่างง่ายดาย มักต้องสูญเสียบางสิ่งบางอย่างไป
เรื่องส่วนตัว รวมถึงเรื่องความรักด้วย พี่ใหญ่และพี่รองก็เช่นเดียวกัน
“เรื่องไร้สาระ อย่าเอามาคิดให้รกสมองเลย มีเรื่องอื่นที่ต้องทำให้ข้ากลุ้มใจกว่านี้อีก” นางพูดอย่างไม่ใส่ใจตักข้าวต้มที่มันเริ่มจะจืดชืดเล็กน้อยใส่ปากน้อย ๆ ของนาง
อาชิง เชิญคุณหนูตระกูลกวน นางคือ กวนมี่เจิน เข้ามาด้านใน สายตาของสตรีคนนี้นั้นจดจ้องเจ้านายของอาชิงอย่างไม่วางตา ก่อนจะปรับสีหน้าเศร้าสลดและแกล้งบีบน้ำตาเล็กน้อยท่าทางราวกับลูกนกน้อยที่กำลังหวาดกลัว
‘หาเรื่องจริง ๆ’ อาชิงยกยิ้ม สตรีน้อยนางนี้หาได้รู้ความร้ายกาจของเจ้านายของนางไม่คาดว่าน่าจะโดนเฉือนเล็ก ๆ น้อย ๆ กระมัง
“พี่สาว ข้าคือ...” กวนมี่เจินคุกเข่าลง หากบ่าวในเรือนดูก็จะรู้เช่นเดียวกันว่า ฮูหยินเอกของจวนช่างใจคอคับแคบนัก มิยอมรับสตรีอีกคน แผนการของมี่เจินได้เริ่มต้นขึ้น
“ใครพี่สาวของเจ้า!! มาพบคนรักของเจ้าก็มิใช่รึ เชิญตามสบาย”
***ภัคจิรา***