ตอนที่ 10 ท้อง
ตอนที่ 10 ท้อง
ภายในเรือนรับรองห้องรับแขกที่คราวนี้มี พี่รองของมู่หลันนั่งสมทบอยู่ด้วย เขาไม่เปิดเผยใบหน้าแต่...ทุกคนในจวนย่อมรู้ว่าเขาคือใคร ไท่จื่อของแคว้นหรือพี่รองของมู่หลัน
ครั้นย้อนกลับไปยามเมื่อมู่หลันถูกท่านลุงนำไปเลี้ยงดูเพราะว่ากำลังทรัพย์ของบิดา มารดานั้นมิพอใช้จ่าย ผู้เป็นท่านลุงนั้นสงสารหลานสาว ส่วนหลายชายนั้นตนรับเลี้ยงดูแลตั้งแต่เขาอายุได้ สามขวบปี บัดนี้มาเป็นน้องสาวของเขา ท่านลุงมิอาจจะเมินเฉยได้
อีกทั้งท่านลุงนั้นไม่มีภรรยา จึงอยากได้ทั้งหลานชายและหลานสาวเข้าไปเติมเต็มจวนของเขาที่เงียบเหงา จะมีเพียงเด็กน้อยที่เป็นองค์ชายน้อยนั้นแอบออกจากวังมาหา ท่านลุงบ่อย ๆ ท่านลุงเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกร ส่วนองค์ชายน้อยเป็นศิษย์เอก เช่นนั้นเมื่อมีสหายร่วมชั้นเป็น พี่ใหญ่ของมู่หลัน ก็ทำให้จวนครึกครื้นเป็นธรรมดา
สตรีตัวน้อยแต่แรกนั้นท่านลุงมิได้สอนเหล่าวรยุทธ์ กลับเชิญท่านข้าหลวงมาสอนสั่งกิริยาและขนบธรรมเนียมในวัง แต่หลานสาวมักจะหลบหนีแอบไปดูพี่ชายทั้งฝึกฝน ตัวนางยังเล็กอายุเพียง ห้าขวบปี ก็แอบทำท่าทางตามพี่ชายและองค์ชายน้อย
ท่านลุงเห็นว่าหลานสาวพอมีแวว จึงได้สอนพื้นฐาน แต่ไหนเลยนางกลับเรียนรู้ได้รวดเร็ว อีกทั้งกลยุทธ์ทั้งหลายนางก็เรียนได้รวดเร็วนัก ไม่ว่าจะเป็นท่านลุง พี่ใหญ่แม้แต่องค์ชายน้อยก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้
เช่นนั้นหน่วยจินเซ่อที่ขึ้นตรงต่อฮ่องเต้ จึงได้ย้ายมาขึ้นตรงต่อองค์ชายน้อยไว้เพื่อตรวจสอบผู้คิดคดทรยศบ้านเมือง และคอยดูแลราษฎรในที่ลับและตรวจสอบเหล่าขุนนางทั้งหลายด้วย ใครเล่าจะคิดว่าดรุณีน้อยนั้นอายุเพียง สิบห้าปี ได้ตำแหน่งท่านรองของหน่วยไปครอบครอง
เพียงแค่นางวางแผนจับกุมพร้อมหลักฐานของเจ้าเมืองและขุนนางที่เก็บภาษีและมินำส่งหลวง นางได้รางวัลโดยตำแหน่งท่านรองของหน่วย และมีเงินรางวัลอีกมากมาย ทำให้ตระกูลหลิวสายรองของนางนั้นกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
“ว่าอย่างไรเล่าบุตรเขย” พ่อตาของอันหยางเอ่ยถามเรื่องของสตรีผู้นั้นที่ตั้งครรภ์ พวกเขานั้นรับไม่ได้ เพิ่งแต่งงานกับบุตรีของตนได้เพียงแค่สามวัน แต่สตรีผู้นั้นกับตั้งครรภ์แล้วจะแต่งงานฉีกหน้าบุตรีของตนนะหรือ ไม่มีทางยอมแน่
“นาง..มิได้ท้องกับข้า ข้าไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวนางหรือแม้กระทั่งร่วมเตียงก็มิเคยขอรับท่านพ่อ” อันหยางคุกเข่าต่อหน้าพ่อตา ยามนี้เขาเอ่ยด้วยความจริงทั้งนั้น สายตาของเขาจ้องมองใบหน้าของภรรยาที่ทำเมินเฉยมิสนใจ พลันเขารู้สึกเหมือนกำลังมีมดเข้ามากัดกินก้อนเนื้อของเขาเสียอย่างนั้น
“หากไม่ท้องกับเจ้า แล้วจะเป็นใครไปได้” คราวนี้พี่ใหญ่เอ่ยขึ้นแววตาของเขาไม่พอใจน้องเขยผู้นี้สักเท่าไหร่ เขากำหมัดอยู่ตลอดเวลาอยากตะบันหน้าของน้องเขยเต็มที หากไม่ติดว่ามีน้องสาวนั่งอยู่ด้วย ป่านนี้เจ้าน้องเขยตัวดีได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มเป็นแน่
ผู้เป็นน้องสาวรู้ว่าพี่ชายตนคิดอ่านอันใด นางทำได้เพียงแต่กุมมือของพี่ชายและลูบมือที่สากกระด้างนั้นเหมือนพยายามปลอบให้พี่ชายใจเย็นลง
“ท่านพี่ ทำไมกล่าวเช่นนี้เล่าลูกในท้องของน้องเป็นลูกท่าน จำมิได้หรือเจ้าคะ” เสียงที่แหบแห้งพร้อมหอบร่างกายของตนเองอย่างทุลักทุเลออกมา เมื่อได้ยินเสียงของพวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับนาง เช่นนั้นแล้วนางทำอย่างไรก็ได้ให้ได้แต่งเข้าจวนตระกูลนี้
“เจินเอ๋อร์ พี่มิเคย..” อันหยางจะเอ่ยขึ้นอีก
“ท่านพี่ ท่านน่ารังเกียจยิ่งนัก ลูกของข้าช่างอาภัพเกิดมาไร้บิดา มารดาเป็นสตรีแพศยา แย่งสามีของผู้อื่น” เขาพูดของนางกระทบกระเทียบมู่หลันเล็กน้อย มี่เจินก้มหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวสั่น
“ท่านพี่ พานางกลับไปที่จวนเถิด ข้าจะพักสมองเสียหน่อย มีแต่เรื่องให้รำคาญใจ” มู่หลัน มีสีหน้าเบื่อหน่ายยิ่งนัก โบกปัดมือของตนเองเหมือนเชิงไล่สองผัวนี้ไปให้ไกล นางรู้สึกมึน ๆ ศีรษะและไม่อยากจะให้ บิดา มารดา รวมถึงพี่ใหญ่รับรู้
ส่วนพี่รองของนางเขารู้ทุกเรื่อง แม้แต่นางถูกพิษเขาก็รู้และทุกคนกำลังหาทางช่วยรักษานางอยู่ ขอเพียงอย่างเดียวอย่ามีเรื่องที่ทำให้นางไม่สบายใจหรือเคร่งเครียดมากเกินไป แต่นางทำไม่ได้ นางยังมีงานที่จะต้องสะสางอีกหลายงาน
“ใช่พาสตรีผู้นี้ออกจากจวนนี้เสีย มิเช่นนั้นอย่าว่าข้าใจร้ายนะ”
“บุตรเขย ทำตามที่หลันเอ๋อร์พูดเถิด นางมิได้น้อยใจเจ้าหรอก นางมิใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเดี๋ยวนางก็กลับเองมิต้องเป็นห่วง ไปจัดการเรื่องของ คนรักของเจ้าเถิดถือว่าแม่ขอร้อง” คราวนี้มารดาของมู่หลันมิยินยอมนางเหม็นหน้าลูกเขยเต็มทน
หากไม่ติดว่าเมื่อครั้งก่อนเก่านั้น บิดา มารดาของเขาช่วยเหลือเงินทองมากมาย นางจะมิยินยอมให้บุตรีเพียงคนเดียวของนาแต่งงานกับ บุรุษผู้นี้เป็นอันขาด ครั้นจะยกเลิกการหมั้นหมายไม่ได้ ในเมื่อฝ่ายนั้นมิยินยอม
“ภรรยารัก พรุ่งนี้พี่จะมารับเจ้ากลับจวนเรานะ พักผ่อนเถิดไปกลับก่อน” แววตาห่วงใยของเขายังมองอยู่ที่ภรรยา นางทำเพียงพยักหน้าให้เขาและนางก็ยังเย็นชาอยู่เช่นเดิม ดวงตาของนางช่างว่างเปล่าและมิรู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่
ถึงแม้จะเพิ่งแต่งงานได้เพียงสามวัน แต่ตัวเขานั้นกลับคิดว่าตนเองคงจะผูกพันกับนางมานานแสนนาน มิอาจจะให้เกิดการหย่าขาดกับนางได้ แต่แรกมิรักใคร่หรือพึงพอใจ แต่ก็มิได้เกลียดชังเช่นนั้น
เขารู้สึกสบายใจที่มีนางอยู่ใกล้ ๆ สตรีวิปลาสประเดี๋ยวดี ประเดี๋ยวร้าย ประเดี๋ยวขู่ฆ่าสามี เขามิเคยโกรธกลับชอบให้นางโมโหเขายิ่งนัก เขาคุ้นเคยแต่สตรีอ่อนหวานอ่อนแอ หรือออดอ้อน บางครั้งทำให้รำคาญ
มู่หลันนางตรงกันข้ามเพียงแค่นางก้าวเข้ามาทำให้จิตใจของเขาสงบสุขและตื่นเต้นเวลาที่นางจะขู่ฆ่าเขา
“ตามข้ากลับจวน” เสียงเกรี้ยวกราดนั่น ทำให้มี่เจินแทบจะแตกสลาย สายตาของเขามิเคยเป็นเช่นนี้กับนางมาก่อน แค่เขาเพิ่งแต่งงานกับสตรีแพศยาแย่งเขาไปจากนาง เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
“ท่านพี่ ข้าเดินไม่ไหว” กวนมี่เจินหน้าตาซีดเซียวริมฝีปากของนางแห้งและแตกเนื่องเพราะเพิ่งจะฟื้นตัว
“เดินไม่ไหวเจ้าก็คลานไปก็แล้วกัน” เขาเอ่ยอย่างดุดัน และมิหันมองสตรีคนรักเหมือนเช่นเคย เขาเดินสะบัดอาภรณ์อย่างกรุ่นโกรธและแค้นเคือง
“ทำไมถึงใจร้ายกับข้านักเล่าท่านพี่” เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เขามิเคยไม่เหลียวแลนางแบบนี้ก่อน
“ใจร้ายหรือ เจ้าต่างหากเล่าที่ใจคอทำด้วยอะไร ข้ามิเคยแตะต้องตัวเจ้า แต่เจ้าท้องแล้วยังประกาศว่าข้าเป็นพ่อของลูกในท้องเจ้า เจ้าต้องการอะไรมี่เจิน”