ตอนที่ 6 ภารกิจที่สอง
สายตานางวันนี้ทำให้เขายอมถอยออกมา นางยังยืนอยู่ที่เดิม
“คืนนี้เจ้าพักผ่อนเถอะ ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ข้าจะส่งข่าวมา”
“หม่อมฉันไม่ไป”
“เจ้าไปแน่”
เขาออกไปทางหน้าต่างพร้อมกับปิดให้นางเรียบร้อย ลี่อินรีบไปบ้วนปากที่มีกลิ่นคาวเลือดของเขาทิ้งพร้อมน้ำตาที่รินไหลไม่หยุด ไม่รู้ว่านางรู้สึกอะไรกันแน่ โกรธที่เขาไม่ช่วยนางที่ถูกรังแก น้อยใจที่เขาไม่สนใจ หรือเกลียดที่เขาใช้นางเป็นเพียงเครื่องมือช่วยงาน หรือหวั่นไหวให้กับเขาเสียแล้ว
“หงลี่อิน เจ้าอย่าโง่ เขาเลวขนาดนั้น เจ้าจะรักเขาไม่ได้”
นางค่อยๆถอดชุดนั้นออก ชุดนี้เปื้อนเลือดของเขาเสียแล้ว นางไม่อยากเห็น เมื่อนางเปลี่ยนชุดเสร็จแล้วจึงล้มตัวลงนอน เรื่องในคืนนี้มันทำให้เกิดความรู้สึกหลากหลายจนนางตามไม่ทัน เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวโมโห น้อยใจ เสียใจ และ
“มาจูบข้าทำไมกัน คนเลว คนชั่ว ท่านมันเลวเวยห่าวหรานคนเลว เลวๆๆๆๆ ฮืออๆๆ คนเลวว”
ด้านนอกนั้น มือที่ยังชุ่มไปด้วยเลือดยังคงยืนฟังเสียงร้องไห้ จนเสียงนั้นค่อยๆเงียบลงไป เขาค่อยๆยกมือที่ไม่เจ็บขึ้นมาลูบที่ริมฝีปากอย่างเบามือ เขาหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้เช่นกันว่าเหตุใดจึงไม่ฆ่านาง ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจจะได้ยินความลับของเขา
แต่เมื่อสบตานาง เขากลับทำไม่ลง และยังเผลอจูบนางไปอีกด้วย เขาแนบหูฟัง เสียงจากด้านในเงียบไปแล้วมีเพียงเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอ นั่นแสดงว่านางคงหลับแล้ว เวยห่าวหรานจึงได้ออกจากที่นั่นไปเพื่อกลับจวน
“ท่านอ๋อง บาดเจ็บได้เช่นไรกันพ่ะย่ะค่ะ ตอนออกไปยังดีๆอยู่เลย นี่มัน รอยฟัน”
“แมวกัดน่ะ”
“แมว!! รอยเขี้ยวแมวเป็นแบบนี้หรือพ่ะย่ะค่ะ เหตุใดกัดจนแผลขนาดนี้”
“แมวพยศน่ะ คิดว่าขู่ได้อย่างเดียว ที่ไหนได้กัดเจ็บด้วย เจ้ารีบทำแผล อย่าถามมาก พรุ่งนี้เตรียมการหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ ว่าแต่ ท่านอ๋อง คุณหนูหงจะมาแน่หรือพ่ะย่ะค่ะ”
“นางมาแน่นอน”
“ดูท่านมั่นใจนางมากนะพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องจะไม่….”
“ข้าแค่ใช้งานนางเท่านั้น อย่างอื่นไม่ได้คิดอะไร”
“ เสร็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าไปพักเถอะ ข้าจะนอนแล้ว”
หวังเจาออกไปพร้อมกล่องยา ห่าวหรานนั่งนึกทบทวนเรื่องในคืนนี้ตั้งแต่ไปรอนางที่ประตูหลังเพราะกลัวเหลือเกินว่านางจะไม่มี วินาทีที่นางเดินออกประตูมาทำให้เขาดีใจมาก แต่ก็กลัวจะแสดงออกมากไป เขาจึงรีบอุ้มนางขึ้นรถม้า
ชุดนางรำชุดนั้นเขาคัดเลือกแล้วเลือกอีกไม่ให้นางแต่งโป๊มากเกินไป แต่สัดส่วนเรือนร่างและผิวพรรณของนางก็ปกปิดความงดงามเอาไว้ไม่ได้จนเฉียนเซินเห็นยังต้องตะลึง อย่าคิดว่าแค่เฉียนเซินเลย เขาเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
เขาแทบอยากจะฉีกเนื้อของเฉียนเซินทิ้งเสียแล้วเมื่อมันกล้าแตะต้องนาง แต่เขากลับทำไม่ได้เมื่อภารกิจยังไม่สำเร็จ เขาเห็นน้ำตานางจึงทนอยู่ที่หอนางโลมนั้นไม่ได้จนต้องตามนางกลับไป ไม่คิดว่านางจะตัดขาดเขาเร็วเช่นนี้ แต่เขามีหรือจะยอมง่ายๆ
เขารู้ว่านางเจ็บปวดเพียงใด นางเป็นบุตรีของขุนนางชั้นสูงแต่กลับต้องถูกรังแกด้วยเดรัจฉานเฉียนเซินนั่น เขายอมให้นางกัดเขาเพื่อเป็นการรับโทษที่พานางไปที่นั่น แต่สิ่งเดียวที่จะไม่ยอมคือเขาไม่มีทางยอมปล่อยนางไปแน่นอน
วันรุ่งขึ้น
ลี่อินตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเมื่อยล้า คงเพราะเมื่อคืนนางวิ่งมากเกินไปสินะ เมื่อนางบิดขี้เกียจ นางก็พบจดหมายฉบับใหม่ที่ปักเอาไว้ที่เสาเดิม นางรีบหยิบออกมา เกรงว่าแม่นมและอาชิงจะเข้ามาพบก่อน
“วันนี้ที่ร้านเซิ่งหวา ห้องสัตบงกช ( ก่อกวน )”
“ฝันไปเถอะ ข้าไม่ไปหรอก”
“คุณหนูเจ้าคะ คุณชายโอหยางมารอที่ห้องโถงเจ้าค่ะ”
“เขามาทำไมหรือ”
“เห็นว่ามาชวนท่านออกไปเดินเล่นเจ้าค่ะ”
“อ้อ ไปสิ”
“คุณชายโอหยาง”
“ลี่อิน เจ้ามาแล้ว ข้าจะชวนเจ้าออกไปเดินเล่นข้างนอกน่ะ”
“ไปเจ้าค่ะ”
“พี่ใหญ่ ท่านจะออกไปข้างนอกอีกแล้วหรือเจ้าคะ”
“ซินมี่ เจ้ามีธุระอะไรกับข้างั้นหรือ”
“ข้าเพียงแค่อยากออกไปเปิดหูเปิดตาด้วยเท่านั้น คุณชายจะรังเกียจหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่หรอกคุณหนูหง เชิญมาด้วยกันเถิด หลายๆคนน่าสนุกดี วันนี้ข้าจะพาพวกเจ้าแวะไปเยี่ยมที่ร้านเพื่อนข้าด้วย”
“ขอบคุณคุณชายโอหยางเจ้าค่ะ”
“ไปกันเถอะ ช้าไปกว่านี้จะร้อนนะซินมี่ เจ้าทนร้อนได้หรือไม่เล่า”
“พี่ใหญ่ขอบคุณที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้ามีร่ม ไม่ร้อนแน่นอนเจ้าค่ะ”
“ดี เตรียมตัวเยี่ยม ไปได้แล้ว”
ร้านเซิ่งหวา
“คุณชายโอหยาง ร้านสหายของท่านที่ว่า คือที่นี่งั้นหรือ”
“ใช่แล้วลี่อิน เจ้ารู้จักงั้นหรือ ดีจริง”
“ฮื่อๆ ใช่ รู้จักนิดหน่อยแต่ยังไม่เคยลองชิมเลยเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นเราลองเข้าไปกันเถิดเจ้าค่ะพี่โอหยาง”
ซินมี่ดูเหมือนจะถูกใจโอหยางรุ่ยมากกว่าลี่อินเสียอีกที่มองเขาเป็นสหาย และดุเหมือนว่าโอหยางรุ่ยเองก็จะพึงใจซินมี่เช่นกัน
“ท่านอ๋อง คุณหนูหงน่าจะไม่มาแล้วขอรับ”
ท่านอ๋องมองไปรอบๆก่อนจะถอนหายใจออกมา นางคงโกรธเขามากจริงๆ
“เข้าไปกันเถอะ”
“โอหยางเจ้ามาแล้ว”
“ซูผิงข้าพาสหายมา นี่น้องหงลี่อินกับน้องหงซินมี่”
“ยินดีต้อนรับทั้งคู่เลยขอรับ เชิญพวกท่านนั่งก่อนเดี๋ยวข้าจะสั่งชากับขนมมาให้”
“เอ่อ พวกเจ้านั่งตรงนี้สักครู่ ข้าขอตัวก่อน”
โอหยางรุ่ยเห็นหน้าของซูผิงไม่ค่อยสู้ดีเท่าใดนักจึงเดินเข้าไปหา
“เจ้าเป็นอะไรงั้นหรือ เหตุใดเอาแต่ทำหน้าเศร้าเช่นนี้กันล่ะ”
“ข้า คือว่า คนที่ข้าชอบนางมาที่นี่น่ะ”
“อ้าว เช่นนั้นก็ดีน่ะสิ ผู้ใดกันล่ะ พามาแนะนำหน่อยสิ”
“แต่ว่า นางมาดูตัวน่ะ ข้าก็เลย....”
“อ้าว ถึงว่าล่ะ นี่ เรื่องนี้ปรึกษาสตรีจะดีกว่า”
“แต่ว่า…”
“เชื่อข้าสิ”
พวกเขานั่งคุยกันถึงเรื่องนี้อยู่สักพัก ลี่อินจึงเอ่ยขึ้น
“ในเมื่อพวกท่านรักกันชอบกันแล้วเหตุใดไม่คัดค้านกันล่ะ”
“แต่ข้าจะพูดสิ่งใดได้ พ่อแม่นางเป็นผู้จัดการครั้งนี้”
“นี่พี่ซู นางอยู่ห้องใดงั้นหรือ”
“เจ้าจะทำอะไรน่ะ”
“พี่ใหญ่ ท่านอย่าก่อเรื่องนะ”
“ข้าก็แค่จะช่วยพวกเขาไม่ได้ก่อเรื่อง พวกเจ้าอย่ากลัวไปสิ ข้ารับผิดชอบเองน่า รับรองไม่เกี่ยวกับพี่ซูและแม่นางหลิงแน่นอน”
“ดี งั้นข้าจะพาเจ้าไป”
“ดี ไปกันเลยพี่ซู”
ซูผิงเดินนำนางไปยังห้องที่แม่นางหลิงดูตัวอยู่ด้านใน เขาเคาะประตูบอกเพียงว่า
“นำชามาส่งเจ้าค่ะ”
เมื่อเด็กๆนำชาและขนมเข้ามาวางส่งในห้องส่วนตัว เมื่อประตูเปิดออกและเด็กๆนำน้ำชาและอาหารวางเสร็จแล้ว หงลี่อินจึงรีบเดินเข้าไปในห้องอย่างโผงผางไปหาแม่นางหลิง
“เจ้าหรือที่เป็นคู่ดูตัววันนี้กับคู่หมั้นของข้า เจ้ากล้าดีอย่างไร หน้าตาเจ้าก็ดูงดงามใช้ได้ ไม่น่าจะต้องมาแย่งคู่หมั้นผู้อื่นได้เลยนะ ไม่รู้หรือว่าเขามีข้าเป็นคู่หมั้นอยู่แล้ว พวกท่านเองก็เช่นกันเป็นพ่อแม่ประสาอะไร จะจับบุตรสาวมาดูตัวเหตุใดไม่ตรวจสอบก่อนว่าฝ่ายชายเข้ามีคู่หมั้นคู่หมายแล้วหรือไม่ เหตุใดเอาบุตรสาวมาดูตัวแบบนี้โดยไม่ไถ่ถาม ท่านก็ด้วย เหตุใดถึงยอมมาดูตัว…กับ…แม่นาง…..คนนี้….ได้ท่านอ๋อง!!”