บท
ตั้งค่า

2. อ๋องซือหราน

8 ปีต่อมา

“ท่านอ๋องแถบนี้หากเรามิชำนาญพื้นที่คงยากที่จะตามกลุ่มโจรเหล่านั้นนะพะย่ะค่ะ” ห้าวเฉิงเอ่ยบอกผู้เป็นนายที่ยังอยู่บนหลังม้าอยู่ บุรุษหนุ่มรูปงามนัยน์ตาคมดุจเหยี่ยว กำลังมองไปยังทิวเขาเบื้องหน้า

 เพราะยามนี้เขาต้องตามจับผู้ที่ดักปล้นขบวนขนส่งซึ่งมีของสำคัญหายไปด้วย เพราะเป็นสมุนไพรที่กำลังจะนำเข้าไปถวายฮ่องเต้ อันที่จริงอ๋องซือหรานผู้นี้มิได้มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องออกมาจับคนร้าย เพียงแต่เขานึกสนุกและอยากออกแรงเพราะยามนี้บ้านเมืองสงบสุข มิต้องออกรบมาเป็นเวลาแรมปีแล้ว การอยู่เฉยๆ ในจวนจึงเป็นเรื่องที่เขามิชอบเลย

“หึ! เจ้ากลัวหรือห้าวเฉิง” หยางเหอเอ่ยถามสหายออกไป เมื่อยังเห็นผู้เป็นนายเงียบอยู่ นั้นเพราะซือหรานกำลังสังเกตเส้นทางที่ดูเหมือนจงใจทำขึ้นมาเสียมากกว่า

ซือหรานเป็นคนนิ่งเย็นชามิค่อยพูด เลยทำให้ผู้อื่นเดาทางมิถูกนักว่าเขาคิดเช่นไรอยู่ในตอนนี้

“ส่งคนของเราเดินทางล่วงหน้าไปก่อน” เสียงทุ้มเอ่ยสั่ง แม้จะมิเข้าใจเหตุผลเท่าใดนักแต่คนสนิทเขาก็ทำตามนัยน์ตาคมก็ยังคงมองไปเบื้องหน้า ซึ่งมีกลุ่มคนของตนกำลังมุ่งหน้าไปยังหุบเขาตามที่สั่ง ซือหรานทิ้งช่วงเพียงหนึ่งก้านธูปก็ตามไป และมันก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อกลุ่มโจรกำลังลอบโจมตีคนของเขาอยู่ ทำให้สามารถล้อมจับได้โดยง่าย เพราะฝีมือต่างกันมาก

“ดูท่าจะเป็นแค่โจรกระจอกพะย่ะค่ะ” ห้าวเฉิงเอ่ยขึ้น

“คนเหล่านี้มิมีฝีมือก็จริง แต่ก็ฉลาดใช้ภูมิทัศน์ในการลอบโจมตี หากเราประมาทก็มีโอกาสพลาดพลั่งได้อยู่แล้ว เพียงเท่านี้เจ้าก็คิดมิได้หรือห้าวเฉิง” เขาเอ่ยกับคนของตน ก่อนจะหันไปหากลุ่มโจรที่มีเกือบยี่สิบคน เขาสั่งสังหารโดยมิลังเลแม้แต่น้อย

“จัดการให้เรียบร้อย” เสียงทรงอำนาจดังขึ้น หน่วยองครักษ์มังกรดำจึงลงมือในทันที เสียงร้องขอชีวิตส่งออกมามินานก็เงียบไป ซือหรานเป็นคนเลือดเย็น มิเคยเห็นใจผู้ที่ทำผิด ด้วยนิสัยที่ติดมาตั้งแต่ออกรบด้วย จึงทำให้เขาเป็นคนเด็ดขาดมิปราณีโดยเฉพาะคนชั่ว

“จะเสด็จกลับเมืองหลวงเลยหรือไม่พะย่ะค่ะ” หยางเหอเอ่ยถามเมื่อเห็นผู้เป็นนายบังคับม้าหันไปทิศทางอื่น ซึ่งมิได้ตรงกลับเข้าเมืองอย่างที่ควรจะเป็น

“พื้นที่นี้อาจมีกลุ่มโจรอื่นใช้เป็นที่ซ่อนตัว ข้าจะสำรวจดู” ซือหรานเอ่ยก่อนจะบังคับม้าเดินไปตามช่องทางในเชิงเขา ยามนี้กลุ่มทหารที่ติดตามมาจึงแยกเป็นสามกลุ่มอีกครั้ง เพื่อนำสมุนไพรกลับวังและเฝ้าอยู่ด้านนอก ซือหรานหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อสังเกตเห็นว่าบริเวณนี้ต่างออกไปจากด้านนอกมาก เพราะมีหมอกหนาขึ้นเรื่อยๆ และยังมิทันที่ทุกคนจะได้ระวังตัว ก็มีอาการราวกับคนแพ้ท้อง

เพราะต่างก็คลื่นเหียนอาเจียนกันยกใหญ่

“หมอกนี้มีพิษระวังตัวให้ดี” เสียงหยางเหอดังขึ้น ยามนี้ทุกคนแทบจะมิมีเรี่ยวแรงจนตกลงจากหลังม้าก็มี เมื่อหมอกจางลงก็ปรากฎร่างของกลุ่มคนชุดดำปิดบังใบหน้า ทำให้ซือหรานรู้ตัวแล้วว่าตนนั้นหลงกลเข้าให้แล้ว กลุ่มโจรที่ถูกสังหารไปเป็นเพียงแค่ฉากบังหน้าเท่านั้น

“พวกมันล่อเราให้มาติดกับ” ซือหรานเอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง แต่ยามนี้ร่างกายมันไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแม้จะยืน

“หึ! รู้ตัวก็สายไปแล้วอ๋องซือหราน วันนี้ข้าจะเอาหัวท่านไปแลกทองแสนตำลึง” เสียงจากหนึ่งในกลุ่มโจรดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะชอบใจของสมุน ทั้งหมดตรงเข้ามาหมายจะเอาชีวิตของอ๋องหนุ่ม ซึ่งยามนี้เขาเองก็ต้องสู้เพื่อเอาตัวรอดเช่นกัน กระบี่ในมือที่เคยแกว่งไกวพริ้วไหว บัดนี้มันดูหนักจนมิอาจแม้แต่จะง้างขึ้นได้ ทำให้อ๋องหนุ่มขบกรามแน่นนัยน์ตาคมจ้องมองไปยังคนที่พุ่งมา

“ข้าต้องตายเพราะความโง่เขลาเช่นนี้จริงหรือ” เขาเอ่ยก่อนจะยกกระบี่ขึ้นเพื่อสกัดอีกฝ่ายที่กำลังง้างมาเพื่อบั่นคอตน แต่จู่ๆ คนเหล่านี้ก็กระตุกร่างจนตัวงออย่างมิรู้สาเหตุ เป็นเพราะในพุ่มไม้กำลังมีใครบางคนยิงอาวุธลับที่มีหินขนาดเล็กออกมา ซึ่งแรงปะทะนั้นมีมากจนคนชุดดำต่างก็ลุกมิขึ้น ราวกับว่าถูกจุดสำคัญเสียอย่างนั้น

“ท่านอ๋องหนีก่อนพะย่ะค่ะ” ห้าวเฉิงเอ่ยก่อนจะรีบพยุงร่างของผู้เป็นนายขึ้นม้าอย่างยากเย็น โดยกลุ่มคนชุดดำก็พยายามลุกตามมาเช่นกัน

แต่ก็ยังถูกสกัดจากหินก้อนเล็กนี้เป็นระยะ จนมิอาจตามคนที่ตนหมายสังหารได้ทัน จึงหมายจะกำจัดผู้ที่ลอบทำร้ายพวกตนแทน แต่พอตามหากลับมิเจอร่องรอยแม้แต่น้อย จึงได้แต่ขบเคี้ยวเคี่ยวฟันด้วยความโกรธ

“เจ็บใจนักมันป็นใครกัน” เสียงรอดไรฟันดังขึ้น ก่อนจะสั่งคนของตนออกตามล่าอ๋องซือหรานต่อ

เพราะคงหนีไปได้มิไกลนัก พิษในร่างก็ยังมิสลายไปง่ายๆ แต่ไปได้ไม่ทันไรก็ถูกโจมตีจากอาวุธชนิดเดิม จนต้องล่าถอยไปตั้งหลักอีกครั้ง สุดท้ายก็ตามคนที่ตนหมายจะสังหารมิได้ จึงได้แต่รอโอกาสเหมาะในวันข้างหน้า

โรงเตี๊ยมเมืองเหวิน ยามนี้มีผู้คนเข้าพักมากมาย รวมถึงผู้ที่พึ่งมาถึงอย่างลี่ถิงและผู้ติดตาม เพราะต้องเดินทางต่อไปยังเมืองหลวงที่มีระยะห่างอีกสองวัน

“ต้าถังนายน้อยออกไปนานแล้วนะ ไยป่านนี้ยังมิกลับเข้ามาอีก” ม่านชิงสตรีตัวน้อยซึ่งติดตามผู้เป็นนายลงมาจากเขาเพื่อรับใช้เอ่ยขึ้นอย่างร้อนใจ

“นั่นสิ มิรู้ไปดื้อซนที่ใดอีก ข้าล่ะมิอยากเชื่อจริงๆ ว่านี่คือสะ” คำพูดต่อท้ายที่หมายจะเอ่ยมิได้เปล่งออกมา เพราะถูกมือเล็กของคนรักปิดเอาไว้เสียก่อน

“คิดจะเอ่ยสิ่งใดก็ดูด้วย ที่นี่มิใช่หุบเขาคีรี” ม่านชิงตำหนิอีกฝ่าย ก่อนจะหันไปทางประตู

เพราะใครบางคนกำลังเดินเข้ามา ร่างเล็กภายใต้อาภรณ์ของบุรุษเดินเอามือไขว้หลัง ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้คนของตนที่พยายามชะเง้อมองบางสิ่งที่ถูกซ่อนไว้

“เจ้าสองคนกำลังนินทาข้าหรือ ข้าจะไปที่ใดได้นอกเสียจาก นี่ไง!” มือเล็กยกไหสุราชูขึ้นบ่งบอกถึงการหายไปของตนให้ผู้ติดตามรับรู้ ม่านชิงจึงได้แต่ส่ายหัวกับการกระทำของผู้เป็นนาย ที่ขากน้ำเมามิได้เลยสักวัน

“นายน้อยเมื่อไหร่จะเลิกดื่มเสียทีเจ้าคะ”

“เอาไว้ให้โลกใบนี้มิมีสุราขายก่อนแล้วกันข้าจะเลิก” เสียงใสเอ่ยบอกก่อนจะยิ้มร่าส่งให้ต้าถัง เป็นอันรู้กันว่าต้องเตรียมจอกในทันที

ม่านชิงได้แต่ส่ายหัวกับนิสัยราวกับบุรุษของผู้เป็นนาย ซึ่งตนและคนรักมีหน้าที่ดูแล หลังจากที่สองปีหลังมานี้ลี่ถิงได้รับอนุญาตให้ลงจากเขาได้ เพราะต้องเดินทางมารักษาพี่ชายที่ล้มป่วยในยามนั้น

จึงสามารถเข้าออกจวนราชครูได้ แต่นางก็มิคิดจะพักอยู่ที่นั่น และใช้ชีวิตเฉกเช่นคนที่มิมีแซ่เร่ร่อนไปทั่ว บางคราก็กลับไปเยี่ยมจางเหยาบ้าง แต่ส่วนมากนางจะออกไปใช้ชีวิตในที่ต่างๆ มากกว่า แต่ยามนี้ต้องเดินทางเข้าเมืองหลวง เพื่อนำสมุนไพรบำรุงไปส่งให้พี่สาวด้วยตนเอง

“นายน้อยได้ยินว่าเรือนพักทางด้านหลังมีคนของทางการอาศัยอยู่ อย่างไรก็อย่าเข้าใกล้นะขอรับ” ต้าถังเอ่ยบอก ลี่ถิงจึงพยักหน้ารับ ก่อนจนั่งดื่อมกับคนของตนต่อ หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ซึ่งห้องพักนี้สามารถมองเห็นเรือนทางด้านหลัง ซึ่งมีอ๋องซือหรานและเหล่าองครักษ์รักษาตัวจากหมอกพิษที่ได้รับ ยังคงมีอาการอ่อนเพลียและไร้เรี่ยวแรงเพราะสูดดมเข้าไปมาก

“ยังดีที่คนของเรามิได้เดินทางออกมาไกลนัก จึงมีคนคอยรักษาความปลอดภัยให้ในยามนี้ ท่านอ๋องเป็นเช่นไรบ้างพะย่ะค่ะ” หยางเหอเอ่ยถาม

“ข้ามิเป็นไร คนของเราที่ยังดีอยู่ สั่งให้ปิดล้อมเรือนเสีย พวกมันอาจตามมาที่นี่ก็เป็นได้” เขาเอ่ยสั่ง ค่ำคืนแห่งความทรมานยังคงอยู่ จนกระทั่งดึกดื่นที่ทั้งสามยังมิอาจข่มตาหลับได้เพราะความทรมาน

เสียงกึกกักดังขึ้นที่ริมหน้าต่าง ซือหรานกระชับกระบี่ในมือ ก่อนจะมองตรงไปยังแสงสว่างที่สาดเข้ามา พร้อมกับร่างของใครบางคน เสียงฝีเท้าที่ย่างกลายเข้ามาแผ่วเบา จนทำให้องครักษ์ทั้งสองมิได้ยินว่ายามนี้มีผู้บุกรุก เพราะยังคงหงุดหงิดกับความทรมานที่มันยังคงก่อกวนอยู่

“เจ้าเป็นใคร” ปลายกระบี่ตวัดขึ้นจ่อที่คอของอีกฝ่าย แต่คนตรงหน้าก็มิได้ตกใจเลยแม้แต่น้อย นิ้วเรียวขาวกดกระบี่ลง จนกระทั่งซือหรานมิสามารถยกมันขึ้นได้อีก

“ยานี่กินซะมันจะรักษาอาการเมาหมอกได้” มือเล็กของอีกฝ่ายที่ยื่นขวดขนาดเล็กส่งให้ ทำให้ซือหรานรู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้คือสตรี

“หมายจะเอาชีวิตข้า ไยถึงมีส่งบุรุษมา แต่กลับให้สตรีเป็นคนจัดการ” เขาเอ่ยออกมาจนทำให้องครักษ์ทั้งสองได้สติ ก่อนจะถือดาบตรงมายังร่างของผู้เป็นนายที่นั่งอยู่บนเตียง แต่กลับล้มลงเพราะเม็ดถั่วที่สตรีผู้นี้ใช้สกัดเสียก่อน

“รีบกินเถอะ คนพวกนั้นกำลังมา ข้าช่วยท่านได้เพียงแค่นี้” เสียงหวานใสเอ่ยอีกครั้ง ก่อนจะเทเม็ดยาลงฝ่ามือแล้วใส่เข้าไปในปากของอ๋องหนุ่ม

“นี่เจ้าเอาสิ่งใดให้ท่านอ๋องกิน” หยางเหอเอ่ยก่อนจะพยายามลุกขึ้นแล้วตรงเข้ามาพร้อมกระบี่ในมือ แต่คนชุดดำก็หมุนตัวหลบเสียก่อน

“อุตส่าห์มาช่วยยังจะฆ่ากันอีก ชิ! ไปก็ได้” พอเอ่ยจบผู้ที่อยู๋ในอาภรณ์ดำก็ใส่ขวดยาในมือของห้าวเฉิงซึ่งกำลังตรงเข้ามาหมายจะจัดการกับผู้ที่ลอบเข้ามา กระบี่ที่เขาง้างมิได้ปะทะถูกร่างเล็กนี้เลย

“ทหารมีผู้บุกรุก” หยางเหอตะโกนเรียกคนของตน แต่ดูเหมือนว่าด้านนอกจะเกิดการต่อสู้ขึ้นมาเช่นกัน ทหารนายหนึ่งกระหืดกระหอบเข้ามา

“ท่านอ๋องกลุ่มที่ลอบสังหารพระองค์ตามมาถึงที่นี่แล้วพะย่ะค่ะ” ทหารเฝ้ายามซึ่งรอดจากหมอกพิษรายงาน ทำเอาสองสหายตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก เพราะยามนี้ยังมิมีแรงแม้แต่จะยกดาบ

“กินยาในขวดนั้นซะ แล้วรีบออกไปช่วยคนข้างนอก” ซือหรานจับกระบี่ได้ก็ลุกออกไป เพราะยามนี้เขาหายเป็นปกติแล้ว ทำให้สองสหายรีบเทยากินทันที เพียงไม่นานทั้งคู่ก็ออกไปช่วยผู้เป็นนายต่อสู้จนอีกฝ่ายพลาดพลั้งพากันหนีไป แต่แรงที่พึ่งกลับมาก็ทำเอาทุกคนต่างก็เหนื่อย

“เอายาให้คนที่ยังคงมีพิษในร่างด้วย ข้าอยากรู้นักว่านางเป็นใครกัน” ซือหรานเอ่ยในสิ่งที่สงสัย ก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อน โดยมีเวรยามผลัดเปลี่ยนกันจนถึงเช้า

สายของวันโรงเตี๊ยมกำลังเตรียมอาหารให้กับแขกที่มาพัก รวมถึงกลุ่มของลี่ถิงที่นั่งอยู่มุมร้าน จึงเห็นคนเข้าออกได้อย่างชัดเจน ร่างเล็กซึ่งยังคงแต่งกายเช่นบุรุษ นั่งชันเข่ามองไปยังโต๊ะของท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ หากคนทั่วไปก็มิมีทางรู้จักหรอก

 แต่เพราะลี่ถิงเคยพบเขาเมื่อคราเดินทางไปเมืองหลวง ขบวนเสด็จยิ่งใหญ่ที่ซือหรานเดินทางไปสการะเทพเจ้าพร้อมกับราชวงค์องค์อื่นๆ เขาดูสง่างามเป็นอย่างมาก นี่จึงเป็นเหตุให้ลี่ถิงแอบช่วยถึงสองครา

เพราะสนมหลิวบอกว่าเขาเป็นสหายที่ดีของนาง ลี่ถิง จึงคิดว่าช่วยคนที่ดีกับพี่สาว ก็ถือว่าช่วยพี่สาวของตนเช่นกัน แต่ผู้ที่ถูกจ้องอยู่กลับมิได้ชอบใจในท่าทีนี้สักนิด ยิ่งการนั่งและจอกเหล้าในมือที่นางยกขึ้นดื่มนั้นอีก

“ยังเช้าอยู่แท้ๆ อีกทั้งยังเป็นสตรีอีก ไร้ยางอายเสียจริง” ซือหรานนึกตำหนิลี่ถิงในใจ โดยหารู้ไม่ว่าไหสุราที่เขาเห็น เป็นเพียงแค่น้ำผลไม้หมักที่นางทำขึ้นมาเท่านั้น 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel