อ๋องนักรบ8
เรือนด้านหลังของคฤหาสน์ฟู่สวิน
เสียงกรีดร้องโหยหวนสายหนึ่งดังเล็ดลอดออกมาจากห้องเก็บฟืน ทว่าเพียงชั่วอึดใจเดียว เสียงนั้นก็เงียบไป
เซียนเซียนที่กำลังเดินลัดเลาะมาตามทาง หมายกลับไปดูผิงเอ๋อร์ที่ห้องเก็บฟืน พลันชะงักปลายเท้า เพ่งสมาธิ มองสองหูนิ่งฟัง เสียงแหบโหยที่เงียบไปแล้วดังขึ้นอีกครั้ง คล้ายกับพยายามร้องขอชีวิต
“ได้...โปรด...กรี๊ด...”
ม่านตาดำขลับพลันเล็กแคบ
เสียงนั้นคือเสียงของผิงเอ๋อร์ไม่ผิดแน่!
แต่ยังไม่ทันที่ปลายเท้าน้อยๆ ของหญิงสาวจะทะยานไปเบื้องหน้า ร่างโชกเลือดที่หายใจรวยรินของดรุณีน้อยนามว่า ผิงเอ๋อร์ก็ตะเกียกตะกายพยายามคลานมาหานาง
ดวงเนตรดำขลับพลันเบิกกว้าง ในอกข้างซ้ายคล้ายมีก้อนเนื้อเต้นตุบๆ รุนแรง เซียนเซียนให้รู้สึกเฉกเช่นมนุษย์ผู้หนึ่งทุกประการ นางกำลังรู้สึกทรมานจากการสูญเสียคนสำคัญ
ผิงเอ๋อร์คือเด็กน้อยที่แบ่งปันอาหารให้นางในกรงค้าทาส แม้ในมือจะเหลืออาหารเพียงชิ้นเดียว
“พี่เซียน...รีบหนี...ไป”
เด็กสาวนามผิงเอ๋อร์พยายามบอกกล่าวบางอย่างต่อเซียนเซียนด้วยลมหายใจเสี้ยวสุดท้ายก่อนเงียบงันไปอีกครา
ฉับพลันแผ่นหลังบอบบางของเซียนเซียนก็ร้อนวาบ ตามด้วยรู้สึกเจ็บแสบ ก่อนจะมีโลหิตร้อนระอุไหลหลั่งออกมา
นางถูกแส้เฆี่ยนซ้ำรอยแผลเดิม
“ข้าสั่งให้รินเหล้าพิษให้เจี้ยนอ๋อง ไม่รู้รึ? นังโง่!”
เสียงคำรามของท่านฟู่สะท้านก้องไปทั่วบริเวณเขาบันดาลโทสะอันเดือดดาลด้วยแส้หนังฟาดกระหน่ำลงแผ่นหลังของเซียนเซียน ข้อหาไม่รินเหล้าพิษให้เฉินเหอไท่
“นังบ่าวทรยศ เจ้ากล้าดีอย่างไร ขัดคำสั่งข้า!”
ฟู่สวินยังไม่หยุดพลุ่งพล่าน ยังคงฟาดแส้แหวกอากาศใส่เซียนเซียนอย่างบ้าคลั่ง “นังสารเลว อยากตายใช่หรือไม่?”
เสียงแส้ฟาดกระหน่ำไม่มียั้ง
ทว่าผู้ถูกลงแซ่จนเลือดไหลกลับยืนนิ่งแข็งค้าง จ้องมองเพียงร่างบางบนพื้นดิน ที่อยู่ในสภาพอนาถน่าเวทนา สองตาของผิงเอ๋อร์เหลือกถลน มีเลือดกบปาก ใบหน้าถูกทุบตีจนเสียโฉม ลำตัวมีแต่บาดแผลเหวอะหวะ ทั้งรอยเก่ารอยใหม่ผสมปนเป
ผิงเอ๋อร์ตายในลักษณะคลุกฝุ่นดินเพื่อมาหาเซียนเซียนหวังส่งสัญญาณเตือนบางประการ แต่ทว่ากลับช้าไป...
หากว่าเซียนเซียนมิได้นำพาอาการกราดเกรี้ยวเหมือนวันก่อนก็คงดี หากว่านางต้องการหลบซ่อนตัวตนโดยการเป็นเพียงทาสต่ำต้อยต่อไปก็คงดี
แต่หญิงสาวรู้ดี ว่าวันนี้มันไม่ใช่!
ใครใช้ให้เจ้าชั่วผู้นี้ทำร้ายผิงเอ๋อร์จนตายไม่ทราบ!
เสียงแส้ยังคงตีกระทบแผ่นหลังดังขวับๆ เสียดแก้วหู หากแต่เจ้าของแผ่นหลังกลับนิ่งสงบจนน่าตกใจ
ทันใดนั้นฝ่ามือน้อยๆ ของนางก็เอื้อมขึ้นมาจับแส้หนังเอาไว้มั่น ดวงเนตรงามเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกตบางเบาก่อนจะกระชากมือแส้เข้าหาอย่างแรง
ฟู่สวินยังไม่ทันได้ตั้งตัว ร่างสูงใหญ่พลันลอยละลิ่วตามปลายแส้เข้าหาร่างเล็กอย่างรวดเร็ว
“เจ้า!” นายท่านฟู่เอ่ยปากได้อีกเพียงเท่านั้น ลำคอหนาพลันถูกบีบแน่น จนดวงตาของมันเบิกโพลง อ้าปากแลบลิ้นไม่ทัน
ชั่วพริบตานั้น ศีรษะของมันพลันหลุดกระเด็น
เลือดสีแดงฉานพุ่งกระฉูดจากลำคอของร่างไร้หัวที่สั่นระริกก่อนล้มตึงเสียงดังพลั่ก แขนขากระตุกถี่ๆ ก่อนจะแน่นิ่งไป ทว่าเลือดกลับไหลบ่าปานสายธารารินไหลอาบไล้ไปทั่วพื้นดิน
เหนือร่างไร้วิญญาณโชกเลือด เซียนเซียนเพียงยืนนิ่งไม่ไหวติงใดๆ หญิงสาวแสยะยิ้มเย็นเยียบไร้ความรู้สึก แม้แผ่นหลังจะกำลังเจ็บแปลบเพราะถูกแส้เฆี่ยนก็ตามที
สีผมของนางค่อยๆ เปลี่ยนจากสีดำสนิทเป็นสีทองเรืองรอง เรือนร่างอรชรขาวเนียนที่พ้นสาบเสื้อค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงปานเปลวเพลิง
อึดใจต่อมานางยกปลายเท้าขึ้น แล้วกระทืบศีรษะของนายท่านฟู่จนเกิดเสียงดังโพละ นางกระทืบซ้ำอีกครั้ง จนศีรษะทุยๆ นั้นมีมันสีขาวไหลเยิ้มออกมากองอยู่บนดิน เลือดสีแดงฉานไหลทะลักไม่หยุด เกิดเป็นภาพน่าสะพรึงอันสยดสยอง
บ่าวไพร่รายรอบพากันตกตะลึงพรึงเพริด ยิ่งเห็นเลือดมากล้น พุ่งทะลักเจิ่งนองเช่นนั้น ยิ่งลิ้นจุกปากลืมอุทาน
ยามนี้ทุกผู้คนมีดวงตาคล้ายไข่ห่าน
ทันใดนั้น เสียงตะโกนสายหนึ่งดังกึกก้องปานฟ้าถล่ม
“ปีศาจ!”
ตามด้วยเสียงร้องร่ำอย่างหวาดกลัว บางคนร้องไห้โหยหวนอย่างหวาดผวา หลายคนวิ่งวุ่นสับสนคล้ายหนีตาย ท่ามกลางความอลหม่านวุ่นวาย ผู้คนส่งเสียงว่าปีศาจไม่หยุด
เซียนเซียนจึงรู้สึกตัว
ชั่วจังหวะที่กำลังคิดจะหนีอีกคราไปยังที่ไกลแสนไกล เอวคอดกิ่วของนางพลันถูกกระชับ ร่างนุ่มถูกจับอุ้มขึ้นพาดบ่า ตามด้วยเสียงทุ้มห้าวทรงอำนาจคำรามว่า
“ฆ่าทุกคนที่เห็นนางให้หมด ล้างจวนฟู่ให้สะอาด ปลดปล่อยทาสให้สิ้น!”
จบคำสั่งประกาศิต ชายชุดดำมากมายก็พุ่งพรวดแหวกอากาศยามราตรี เข่นฆ่าผู้คนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
การสังหารหมู่อย่างโหดร้ายพลันบังเกิด
การฆ่ากันระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ หาใช่สะเทือนน่านฟ้า หยั่งรู้ถึงนรกกระทบสวรรค์ไม่ เซียนเซียนลอบพรู่ลมหายใจโล่งอก ที่นางไม่พลั้งเผลอลงมือเอง
“ข้าไม่คิดที่จะเปิดโปงเจ้า”
จู่ๆ เสียงทุ้มต่ำทรงพลังดังอยู่ข้างหูนาง หญิงสาวเอียงหน้ามองเจ้าของบ่ากว้างที่จับนางพาดเมื่อครู่อย่างฉงน เขาคือคนที่สั่งการให้ชายชุดดำฆ่าล้างจวนฟู่
เฉินเหอไท่เอ่ยอีกครา “หากแต่เป็นเจ้าเองที่เปิดเผยจนเกินงาม”
ครานี้เซียนเซียนต้องผงกหัวขึ้นดั่งนกกระสาหาอาหาร จ้องมองชายหนุ่มที่จับอุ้มอย่างตกใจ ใบหน้างามที่ชุ่มไปด้วยเลือดถึงกับแดงก่ำอย่างไม่อาจควบคุมได้
ยามนี้หญิงสาวกำลังรู้จักกับคำว่าใบหน้าร้อนผ่าวเพราะอาการบางอย่างเป็นครั้งแรก
เฉินเหอไท่แบกเซียนเซียนเอาไว้บนบ่า พลางเดินแบบย่างสามขุมไปตามทางเอื่อยเฉื่อย พาร่างสูงสำรวจไปทั่วบริเวณที่ลูกน้องกระทำการตามคำสั่งเขา ปากยังคงเอ่ยเสียงทุ้มน่าฟังว่า
“สาวน้อย ต่อไปเจ้าเป็นคนของข้า จงติดตามข้า”
หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นพลันผงะ จนดีดกายขึ้นนั่งบนท่อนแขนกำยำ ก้มหน้าลงต่ำจ้องมองหน้าอีกฝ่ายด้วยดวงตาเบิกโต
เฉินเหอไท่เลิกคิ้วท้าทายยามเงยหน้ามอง
“เก็บพลังของเจ้าเสีย ต่อไปไม่ต้องใช้อีก”
ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรีที่มีแสงจันทร์สีนวลสาดส่อง พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงแสบตาเพราะเปลวเพลิงแผดเผาเรือนชาน
ท่ามกลางซากศพมากมายของคนตระกูลฟู่ เฉินเหอไท่โอบอุ้มเซียนเซียนเอาไว้ พลางพาร่างสูงใหญ่สำรวจไปทั่วบริเวณ ที่ลูกน้องกระทำการกวาดล้างอย่างโหดเหี้ยม
อ้อมแขนแข็งแกร่งของเฉินเหอไท่โอบอุ้มร่างนุ่มอย่างถนอมด้วยท่าทางสุขุมเยือกเย็นเผยเพียงความเย็นชาเต็มไปด้วยความเผด็จการ ปราศจากความเจ้าชู้กรุ้มกริ่มแต่อย่างใด
อึดใจร่างงามของเซียนเซียนจึงแปรเปลี่ยนกลายเป็นสตรีธรรมดาดุจเดิม สีผมสีตาล้วนดำขลับ สีผิวขาวเนียนละเอียดนุ่ม ทว่ายังคงแดงฉานเพราะเปลวเพลิงรอบบริเวณ
หญิงสาวให้นึกแปลกใจ ว่าเหตุใดเส้นเสียงของเขา ช่างทุ้มต่ำน่าฟังเหลือเกิน…