อ๋องนักรบ2
พื้นพิภพที่อยู่ระหว่างสวรรค์กับนรก อันเป็นที่อยู่อาศัยของภพมนุษย์
พวกเขาบูชาเทพทุกองค์ สักการะฟ้าดินมาอย่างยาวนาน แม้จะมีจิตใจยึดเหนี่ยวในสิ่งเดียวกัน ปฏิบัติตามจารีตประเพณีแบบเดียวกันเสมอมา แต่ทว่ากลับชอบแข่งขันแย่งชิงกันเองอย่างโหดร้ายมาโดยตลอด
รัชศกผู่เฮ่าปีที่เจ็ดเดือนสิบวันที่ห้าคืนเดือนเพ็ญ
ภายในหุบเขาไค่กู่ ใจกลางมีพื้นที่ราบลุ่มอันกว้างใหญ่ไพศาล ลักษณะเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้างสุดลูกหูลูกตา
อันเป็นสมรภูมิรบที่กำลังปะทุดุเดือดร้อนระอุชวนเลือดลมพลุ่งพล่านในยามนี้ รอบด้านมีแต่ซากศพคนตาย รอบทิศเต็มไปด้วยเศษร่างที่กระจัดกระจายของเนื้อหนังมนุษย์นับร้อย
อาณาบริเวณแปดทิศมียอดหญ้าที่ควรเขียวขจีชุ่มโชกไปด้วยธารโลหิตสีแดงฉานที่สาดกระเซ็นไหลเป็นทางจนเจิ่งนองพื้นดิน โชยกลิ่นคาวคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ชวนสะอิดสะเอียดเหลือจะกล่าว
กลิ่นสาบสางชวนคลื่นเหียนเหล่านี้กำลังลอยวนในอากาศ อยู่รอบกายแกร่งทรงพลังของบุรุษผู้หนึ่ง เขาอยู่ในชุดเกราะสีดำสนิท
เรือนกายหนาแน่นกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขา เผยให้เห็นเลือดสีแดงสดไหลทะลัก ตามแนวชุดเกราะที่ปริแตก ตามรอยแยกนั้นมีบาดแผลฉกรรจ์มากมายหลายสาย
ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเผยดวงตาคมกล้าที่สาดประกายความอำมหิตอันน่าครั่นคร้ามออกมา รอบด้านแผ่กลิ่นอายสังหารอันดุดันกดข่มผู้คนออกมาอย่างเข้มข้นไม่มีผ่อนปรน
ชายผู้นี้อยู่ในท่วงท่าคุกเข่าหนึ่งข้างกับพื้นพสุธา มือหนึ่งถือฝักดาบที่ทำด้วยเหล็กไหลหนาหนักยันเอาไว้เพื่อทรงตัวมิให้ล้มลงต่อหน้าทหารอาจอาชาของฝ่ายตรงข้าม
มืออีกข้างกำด้ามดาบสีเงินยวงประกายทองคำสลักมังกรดำพร้อมสังหารโหดอย่างต่อเนื่องปราศจากความเหนื่อยล้า
ดาบบางเฉียบคมกริบแต่แข็งแกร่งไร้รอยบิ่นแม้จะฟาดฟันกับเหล่าศัตรูที่สวมเกราะเหล็กมาแล้วมากมายหลายชั่วยามอาบไล้ไปด้วยหยาดหยดของเลือดสีแดงฉานไหลเยิ้ม
รอบด้านทั้งสี่ทิศแปดทางรายล้อมไปด้วยซากศพของทหารเดนตายที่ชายผู้นี้ฆ่าตายไปแล้วหลายร้อยคน แต่ยังไม่หมดเสียที
ไม่ไกลจากตัวของเขายังคงมีทหารอีกหลายร้อยคนจนเต็มพื้นที่
พวกมันเหล่านั้นโอบล้อมเป็นวงกลมต่างพากันชูดาบกระชับหอกพร้อมพุ่งตัวเข้ามาสังหารเขาตลอดเวลา
ชายหนุ่มหนึ่งเดียวกลางสมรภูมิรบผู้นี้คือเจี้ยนอ๋อง
เขาคืออ๋องนักรบ ฉายามังกรดำแห่งต้าซ่ง ผู้นำแห่งสันติ สร้างสงบสุขด้วยสงคราม
นามว่า เฉินเหอไท่
ความทมิฬดำทะมึนของเขาแผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ ข่มขวัญเหล่าศัตรูให้รู้สึกตกประหม่าหวาดหวั่นสั่นสะพรึงเสียดลึกถึงกระดูก
ถึงแม้เนื้อหนังของเขาจะเต็มไปด้วยริ้วรอยบาดเจ็บสาหัส และเลือดในกายที่พลุ่งพล่านสาดกระเซ็นออกมาจนสัญญาณชีพของเขาแทบมอดม้วยอยู่รอมร่อ แต่กระนั้นเขาก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ ไม่มีทางล้มลงง่ายๆ
แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่มีทางยอมศิโรราบให้แก่เหล่าจอมทัพแห่งแคว้นเดียวกันที่ยืนตระหง่านรายล้อมรอบตัวเขา ไม่ว่ากรณีใด
ความโฉดชั่วโหดเหี้ยมยิ่งแผ่กำจายความเข้มข้นไม่มีลดทอนผ่อนปรนแม้เสี้ยวเวลา ความน่าเกรงขามอันทรงพลังน่าครั่นคร้ามยิ่งนานยิ่งฉายชัด
บนใบหน้าเปื้อนเลือดมีสองตาแดงก่ำที่นิ่งสงบไร้ริ้วโทสะ แต่กลับปราศจากความเมตตาปรานีใดๆ ให้เห็น มีเพียงความเหี้ยมเกรียมแผ่กำซ่านไปทั่วทุกอณู เฉินเหอไท่จ้องนิ่งที่เหล่าศัตรูไม่ไหวติง
แม่ทัพใหญ่ของขบวนทหารม้าประกาศเสียงกร้าวดังกึกก้องเป็นสัญญาณเปิดศึกอย่างต่อเนื่อง
“เหล่าพี่น้องทั้งหลาย เบื้องหน้าเราคือกบฏเฉินเหอไท่! จงจับตายสถานเดียว นำหัวของมันไปเสียบประจานหน้าประตูเมืองต้าซ่งถวายแด่องค์จักรพรรดิเฉิน!”
ฉับพลันนั้นฟ้าสลัวรางที่มีแสงจันทรานวลเนียนสาดส่องลงมา ราวกับมีเมฆดำทะมึนของห่าฝนกระหน่ำโครมดั่งฟ้ารั่วครอบคลุมเหนือศีรษะของเฉินเหอไท่ เมื่อเหล่าอาชาไนยต่างพากันควบตะบึงยกดาบขึ้นเหนือหัวพุ่งตัว
ชายหนุ่มแค่นเสียงในลำคอคราหนึ่ง ถ่มโลหิตในปากออกไปอย่างไม่ไยดี ก่อนจะลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง รอรับการปะทะอย่างยินดี ไร้ท่าทีหวาดหวั่นแม้แต่น้อย
บนกองศพหลายร้อยประหนึ่งภูเขาลูกเล็ก กีบม้าศึกหลายร้อยตัวเริ่มขยับเมื่อถูกเจ้าของรองเท้าหนังหนาหนักตะปบสีข้าง
เหล่าทหารบนหลังม้ากระชับอาวุธในมือพร้อมพุ่งทะยานไปทางเจี้ยนอ๋อง หมายเผด็จศึกอันน่าพรั่นพรึงที่กินเวลาข้ามวันข้ามคืนนี้ให้จงได้
ไม่มีการต่อสู้แบบยุติธรรมหนึ่งต่อหนึ่ง หากแต่เป็นการสังหารโหดแบบต่ำช้าที่เรียกว่าหมาหมู่รุมกินโต๊ะ