1
คารอส เพชรดนัย ร็อฟเวลล์ หรือที่คนสนิทเรียกว่า ‘เพชร’ อายุ 33 ปี สูง 191 ซม. ดำรงตำแหน่งประธานใหญ่บริษัท Diamond Of Angel เครื่องประดับเลอค่าราคาแพง และยังมีธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย เขาเป็นบุตรชายคนรองของตระกูลร็อฟเวลล์ ตระกูลเก่าแก่ที่ร่ำรวยติดอับหนึ่งในห้าของโลก และเป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาราวกับเจ้าชายกรีก ท่าทางสุภาพอ่อนโยน ทำให้สาวๆ ครึ่งค่อนโลกต่างใฝ่ฝันจะได้ครอบครอง ภายใต้ใบหน้าที่หล่อเหลา รอยยิ้มที่หวานละมุนพิมพ์ใจ และท่าทางอบอุ่นนุ่มนวลชวนฝัน เบื้องหลังเขาคือปีศาจร้ายที่ชอบหักอกสาวๆ เป็นว่าเล่น
แต่ทุกๆ อย่างก็เปลี่ยนไปตั้งแต่ที่เขาได้เจอกับเธอ ‘ฟ้ารดา’ หญิงสาวที่ทำให้เขาอยากจะเป็นคนใหม่ อยากทำหลายๆ สิ่ง หลายๆ อย่างให้พิเศษกว่าที่ผ่านๆ มา
เพชรดนัย : อสูรที่เขาร่ำลือกันว่าร้าย มันยังไม่ได้ครึ่งที่เธอกำลังจะได้เจอ ฟ้ารดา!
(ฟ้า) ฟ้ารดา วัฒนากรกิจ อายุ 23 ปี สูง 167 ลูกสาวคนเล็กของ เจ้าสัวดิลกกับคุณหญิงสิริน (ลูกครึ่งไทยอังกฤษ) น้องสาวสุดรักสุดหวงของ ‘คามิน’ (นายตำรวจสากล สังกัดหน่วยจู่โจมพิเศษ)
ด้วยใบหน้าจิ้มลิ้ม ริมฝีปากอวบอิ่ม ดวงตากลมโต บวกกับสัดส่วนที่เย้ายวนทำให้เป็นที่สะดุดตาสะดุดใจแก่ผู้พบเห็น เธอสวยดุจดังดอกไม้ที่กำลังคลี่กลีบผลิบาน ส่งกลิ่นหอมอบอวลตั้งแต่เข้าเรียนปีหนึ่งในมหาลัย’ จนกลายเป็นที่ร่ำลือไปทั่ว ก่อนจะถูกทาบทามให้ถ่ายโฆษณาเครื่องสำอางแบรนด์ชั้นนำของต่างประเทศที่มาเปิดตัวในเมืองไทย และนั่นทำให้ฟ้ารดาโด่งดังเป็นพลุแตกเพียงชั่วข้ามคืน
จากนั้นก็มีห้องเสื้อต่างๆ มาติดต่อให้ไปร่วมเดินแบบเปิดตัวคอลเลกชันใหม่อีกเยอะแยะมากมาย จนกลายเป็นนางแบบค่าตัวแพงเบอร์ต้นๆ ของประเทศ
แต่ทว่า...ตลอดสามปีที่ผ่านมากับชีวิตในวงการบันเทิง กลับไม่ได้เป็นไปตามที่คาดหวัง เพราะทางสายนี้เต็มไปด้วยคนหลากหลายประเภท ที่ล้วนแต่แก่งแย่งชิงดี และหาผลประโยชน์เกินกว่าจะคบหาแบบมิตรแท้ได้ ทำให้คนที่เริ่มจะเอือมระอากับสิ่งรอบข้าง เก็บกระเป๋าหนีไปพักผ่อนสมองที่อังกฤษ และนั่น...ทำให้เธอได้พบกับเขา ‘เจ้าชายผู้อบอุ่น’ ขวัญใจของสาวๆ ทั่วโลก
ท่าทางของเขาช่างดูสุภาพและอ่อนโยน แต่แววตานั้นกลับแฝงไปด้วยอำนาจบางอย่างที่ทำให้หัวใจของเธอสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ฟ้ารดา : มันก็แค่คำสัญญาส่งๆ แค่จูบจูบเดียว ทำไมถึงต้องหักหาญน้ำใจกันขนาดนี้ด้วยนะ!
อ้อมกอดเจ้าชายลวง 1
England… London Heathrow Airport (LHR)
ประเทศอังกฤษ (สนามบิน ลอนดอน ฮีทโธรว์)
ฟ้ารดาเดินทางมาเที่ยว หลังจากมีข่าวดราม่ากับพระเอกดัง ‘ชาริท’ ที่ยังคงตามขายขนมจีบให้เธอ ทั้งที่ตอนนี้อีกฝ่ายก็มีคนรักไปแล้ว เธอไม่อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวใดๆ ด้วย เพราะกลัวจะตกเป็นข่าว แถมนางเอกน้องใหม่ที่กำลังคบหากับชาริท ก็จ้องหาเรื่องเธออยู่
ทันทีที่ก้าวเท้าออกจากประตูห้องโดยสารเครื่องบิน ฟ้ารดาก็รีบล้วงมือถือออกมาต่อสายหาเพื่อนสาวอย่างเร่งรีบ
ตู๊ด...ตู๊ด....
เสียงรอสายดังขึ้นเพียงสองครั้ง ปลายสายก็กดรับด้วยน้ำเสียงอันตื่นเต้น “มาถึงแล้วใช่ไหมฟ้า?”
“อื้อ! คิดถึงแกจังเลย” ฟ้ารดาเอ่ยรับเสียงสั่น พลัน! น้ำตาก็พานจะไหลเอ่อล้นออกมาทันทีที่ได้ยินเสียงของเพื่อนรัก
“ฉันก็คิดถึงแกเหมือนกัน ว่าแต่คืนนี้เราจะไปเที่ยวที่ไหนกันดี” แพรณารารีบเปลี่ยนเรื่องคุย กลัวว่าอีกฝ่ายจะดราม่าที่สนามบินเอาซะก่อน
“แหม...อายุ 22 จะ 23 แล้วขอไปเปิดหูเปิดตาที่ไนต์คลับดังๆ สักครั้งเถอะ” ฟ้ารดายกมือขึ้นปาดน้ำที่หางตาทิ้ง ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆ เมื่อนึกไปถึงสถานที่ที่อยากจะไปเที่ยว
“โอเค! งั้นเดี๋ยวฉันส่งจะโลเคชั่นของคลับไปให้ในไลน์นะ” แพรณาราบอก เพราะยังลังเลอยู่ว่าจะพาเพื่อนสาวไปเที่ยวไนต์คลับที่ไหน ระหว่าง Club Angel R กับ Club R&R
“จ้า! แต่ฉันต้องชวนพี่คิมไปด้วยนะ” ฟ้ารดารีบบอก ยังไงๆ คามินก็ไม่มีทางปล่อยให้เธอไปเที่ยวกับแพรณาราสองคนเป็นแน่ เธอจึงคิดว่าจะลากพี่ชายตัวดีไปเป็นเจ้ามือเลี้ยงเครื่องดื่มซะเลย
“เยี่ยมเลย กำลังคิดถึงพี่คิมอยู่พอดี” แพรณาราบอกอย่างเห็นด้วย หลายเดือนที่ผ่านมา เธอไม่มีโอกาสได้เจอกับคามินเลย เพราะเอาแต่หลบๆ ซ่อนๆ คาทอร์กับแขไข และเปลี่ยนเบอร์มือถือใหม่อีกนับครั้งไม่ถ้วน เลยทำให้ขาดการติดต่อไป
“งั้นแค่นี้ก่อนนะมิกิ” ฟ้ารดาบอกพลางมองหาพี่ชายที่บอกว่าจะมารับ แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา
“อืม...อีกสองชั่วโมงเจอกันจ้ะ” แพรณาราบอก
“จ้า แล้วเจอกัน” ฟ้ารดากดวางสายเสร็จ ก็รีบต่อสายหาพี่ชาย แต่จู่ๆ ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาชนเธออย่างจัง จนทำให้มือถือหล่นกระแทกลงพื้น
เคล้ง!
ฟ้ารดาจ้องมองเศษโทรศัพท์มือถือชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณอย่างอึ้ง พอหันไปมองตัวต้นเหตุ อีกฝ่ายก็วิ่งโกยแน่บไปโดยไม่ได้เอ่ยคำขอโทษใดๆ กับเธอ
“บ้าจริง!” สาวเจ้าสบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะก้มลงเก็บชิ้นส่วนของมือถือ อย่างเต็มไปด้วยความโกรธ เธอพยายามมองหาซิมการ์ดอยู่นาน แต่ก็ไม่เจอ
“ซุ่มซามจริงๆ เลย” คามินบอกพลางส่ายหน้าอย่างรู้สึกเพลียๆ
“พี่คิม” ฟ้ารดามองพี่ชายอย่างรู้สึกนอยด์ เพราะเธอไม่ได้ซุ่มซ่ามตามที่อีกฝ่ายบอก แต่โดนเด็กวิ่งมาชนต่างหาก
“ถามจริง! ตั้งแต่แม่ซื้อมือถือให้ใช้จนถึงตอนนี้ ทำพังไปกี่เครื่องแล้วฮะ” คามินถามก่อนจะก้มลงช่วยเก็บเศษชิ้นส่วนต่างๆ ของมือถือ
“โธ่! จะมาบ่นอะไรตอนนี้เล่า ช่วยน้องหาซิมการ์ดก่อนดีไหม?” ฟ้ารดาต่อว่าพี่ชายจอมดุ ขณะที่หัวใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ เพราะเธอจำเบอร์มือถือหรือว่าไอดีไลน์ของเพื่อนสาวไม่ได้ มือถือก็แหลกจนไม่มีชิ้นดี ซิมการ์ดจึงเป็นความหวังเดียวที่จะทำให้ติดต่อเพื่อนสาวได้
“อยู่นั่นไง!” คามินชี้ไปยังจุดใกล้ๆ กับที่กระเป๋าวางอยู่
ฟ้ารดาฉีกยิ้มกว้างเตรียมขยับเข้าไปหยิบขึ้นมาแต่ทว่าชายสูงวัยคนหนึ่งก็เข็นล้อเข็นมาทับเข้าเสียก่อน
แกร๊ก!
“ไม่นะ! ไม่จริง” ฟ้ารดามองซิมการ์ดที่บิดเบี้ยวอย่างไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
“ฟ้า! ยะ...อย่าร้องนะ”คามินเอ่ยเตือนคนที่ทำท่าจะดราม่า
“พะ...พี่คิมมีไลน์มิกิไหม” ฟ้ารดาถามเสียงสั่นๆ
“เคยมี แต่มิกิเปลี่ยนเบอร์ไปแล้ว พี่ก็กะจะขอใหม่ตอนไปเจอกันนี่แหละ” คามินบอกเสียงอ่อนลง
ฟ้ารดายกมือขึ้นปาดน้ำตาแล้วถามต่อ “ฮึก...แล้วไลน์ของแพรล่ะมีไหม?”
“มะ...ไม่มี” คนที่ไม่ได้ติดต่อกับแพรลานนามานาน บอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดรู้ดีว่าตอนนี้น้องสาวกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน
ทันทีที่ได้ยินคำตอบ ฟ้ารดาก็ปล่อยโฮออกมาทันที “ฮือๆๆ”
“โอ้ให้ตายเถอะ ไม่อายคนอื่นบ้างหรือไงกัน” คามินสบถเบาๆ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ก็เห็นทุกคนกำลังจ้องมองมายังตนกับน้องสาว
“ไม่องไม่อายมันแล้ว ฮือๆๆ” คนที่ตั้งท่ามาเป็นอย่างดี สุดท้ายดันมาตายตอนจบ เพราะไม่รู้ว่าจะไปเจอเพื่อนสาวได้ยังไง
“เฮ้อ...เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะซื้อมือถือกับขอซิมใหม่เบอร์เดิมให้ โอเคไหม?” คามินรีบเข้าไปปลอบ
“ตะ...แต่ฟ้านัดกับมิกิวันนี้นี่” ฟ้ารดาบอกด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด ไม่เข้าใจว่าทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับเธอ
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
คนที่ตั้งท่าจะดราม่ายาวถึงกับหยุดชะงักไปทันใด เมื่ออยู่ๆ เสียงเรียกเข้าของพี่ชายดังขึ้น
คามินล้วงมือถือออกมากดรับสาย เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของเพื่อนสนิท “ฮัลโหล อะไรนะ! โอเคฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“กะ...เกิดอะไรขึ้นคะ” ฟ้ารดาถามเสียงสั่น อย่างเริ่มใจคอไม่ดี เพราะพี่ชายมีท่าทีตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“เพื่อนพี่ถูกยิง ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล กระเป๋าเรามีแค่นี้ใช่ไหม?” คามิน พยายามตั้งสติ เพราะตนเพิ่งจะแยกกับครูซได้ไม่ถึงชั่วโมง อีกฝ่ายก็โดนตาม ประกบยิง
“ค่ะ” ฟ้ารดายกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้ง รีบเก็บกระเป๋าถือขึ้น แล้วเดินตามพี่ชาย ที่ดึงกระเป๋าลากของเธอออกเดินจ้ำอ้าวตรงไปยังทางออกด้วยท่าทีเร่งรีบ
โรงพยาบาล เซนต์ ร็อฟเวลล์
ทันทีที่ ‘โทนี่’ (นายตำรวจสังกัดหน่วยจู่โจมพิเศษ) เห็นรถของคามินแล่นเข้ามาจอด ก็รีบเดินแกมวิ่งเข้ามาหา แล้วดึงเพื่อนรักกับ หญิงสาวเข้าไปยังมุมลับตาคน
“มีอะไรโทนี่” คามินถามด้วยหัวใจสั่นๆ เมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่คบหามานานทำท่าจะร้องไห้
“เราเสียครูซไปแล้วเพื่อน” โทนี่บอกก่อนหลั่งน้ำตาออกมาอย่างเก็บไม่อยู่
“อะ...อะไรนะ?” คามินถึงกับสตั้นไปสามวิ ไม่อยากจะเชื่อว่าประโยคที่ได้ยินก่อนหน้าจะเป็นเรื่องจริง
ฟ้ารดาอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก รีบเข้าไปกอดพี่ชายที่กำลังยืนหน้าซีดเอาไว้อย่างเป็นห่วงความรู้สึกของอีกฝ่าย
“นี่เป็นคลิปที่ได้มาจากกล้องหน้ารถของครูซ ฮึก...” โทนี่ส่ง มือถือให้เพื่อนก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา ที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสายทิ้งลวกๆ
คามินมือไม้สั่นขึ้นมาขณะเอื้อมมือไปรับมือถือมาเปิดดูคลิปที่เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งดูเหมือนว่าครูซจะรู้ว่ายังไงก็คงไม่รอดจึงออกไปยืนอยู่หน้ารถ ให้กล้องหน้ารถจะบันทึกภาพทั้งหมดเอาไว้
ปัง! ปัง! ปัง! เสียงปืนดังขึ้นสามนัดติดๆ กัน จากนั้นร่างของครูซก็ล้มลงบนพื้นถนน
“ฮือๆๆๆ” คามินปล่อยโฮออกมาอย่างเจ็บปวด จดจำใบหน้าของมือปืนได้ดีว่าเป็นลูกน้องของใคร
โทนี่กัดปากแน่น น้ำตาไหลอาบแก้มเป็นทาง รู้ดีว่าสาเหตุที่ครูซโดนสั่งเก็บนั้น ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องการลักลอบค้าอาวุธเถื่อนของพวกที่มีอิทธิพลเข้า ทำให้ต้องมาเจอจุดจบแบบนี้
คามินกอดน้องสาวกับเพื่อนรักร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยายามตั้งสติ แล้วเอ่ยถาม “ครูซอยู่ที่ไหนตอนนี้”
“ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน” โทนี่ชี้ไปยังห้องที่มีตำรวจห้านายนั่งเฝ้าอยู่ด้านหน้า
“นายพาน้องฉันไปรอที่รถ เดี๋ยวฉันบอกลาครูซเสร็จ จะรีบออกมา” คามินเช็ดน้ำตาแล้วจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง
“ได้!” โทนี่พยักหน้ารับก่อนจะเตือนเรื่องสำคัญ “ยังไม่มีใครรู้ ว่าฉันมี คลิปนี้อยู่”
คามินพยักหน้ารับ พร้อมกับส่งมือคืนให้เพื่อนรัก แล้วหันไปบอกน้องสาวที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “ฟ้า! กลับไปรอที่รถกับโทนี่นะ”
“ค่ะ” ฟ้ารดาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจสถานการณ์ รีบเดินไปขึ้นรถกับเพื่อนของพี่ชาย
คามินเดินแกมวิ่งตรงไปยังห้องฉุกเฉิน ขณะที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนหลายนาย ต่างพากันหันมองอย่างงงๆ และยังไม่ทันได้เอ่ยห้ามใดๆ คามินก็เข้าไปด้านในห้องฉุกเฉินแล้ว
ทันทีที่เห็นร่างของครูซอยู่บนเตียง หัวใจของเขาก็เหมือนถูกทิ่มแทงด้วยเข็มนับร้อยนับพัน ให้ดับดิ้นตามเพื่อนสนิทไป
“ฮึก...ฉันจะเอาคืนให้แกเองครูซ ฉันสาบานว่าจะทำเหมือนที่พวกมันทำกับแก ฮือๆๆๆ” คามินกระซิบบอกร่างที่ไร้วิญญาณของเพื่อนรัก ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดดวงตาที่เบิกกว้างทั้งสองให้หลับลง
ผลัก!
นายตำรวจที่เฝ้าอยู่หน้าห้อง รีบตามเข้ามาบอกด้วยสีหน้าตื่นๆ “ท่านครับ ผมเอ่อ...ต้องขอเชิญที่ด้านนอกก่อน เพราะตอนนี้ทีมเก็บหลักฐานยังไม่มาถึงครับ”
“รู้แล้ว! ขออีกห้านาที” คามินบอกก่อนจะล้วงมือถือขึ้นกดถ่ายภาพส่วนต่างๆ ของร่างกายลูกน้องคนสนิท
“เอ่อ...ผมเกรงว่าจะถ่ายรูปไม่ได้ครับ”
“ทำไม?” คามินหันไปมองหน้าของอีกฝ่ายด้วยท่าทีเอาเรื่อง
“หัวหน้าสั่งห้ามไม่ให้ใครเข้ามาในห้องนี้จนกว่าท่านจะมาถึง ผมเกรงว่า...”
“ถ้านายไม่บอก ก็ไม่มีใครรู้” คามินถ่ายรูปต่ออย่างไม่สนใจ
“เอ่อ...ผม...” คนที่มียศน้อยกว่าอึกอักอย่างไม่รู้จะทำยังไง
“ถ้าคู่หูนายตาย นายจะเข้าใจความรู้สึกของฉันในตอนนี้” คามินขยายภาพให้ตำรวจใหม่ ที่ยืนทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกตัดสินใจง่ายขึ้น
“งั้น...ผมจะบอกว่าท่านเข้ามาล่ำลาครูซแล้วก็ไปครับ”
“ขอบใจ!” คามินบอกก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋า จากนั้นก็เดินออกจากไปโดยไม่เอ่ยทักทายใคร
หนึ่งชั่วโมงต่อมา...หลังจากคามินพูดคุยกับโทนี่เกี่ยวกับการตายของครูซเสร็จก็ขับรถไปส่งอีกฝ่ายกลับคอนโด ก่อนจะเดินทางไปแจ้งข่าวการเสียชีวิตของครูซให้กับทางมารดาของอีกฝ่ายทราบ
“คิม! มาซะดึกเลย มีอะไรหรือเปล่า” มายาเอ่ยถามชายหนุ่มที่มักจะมาทานข้าวที่บ้านเป็นประจำด้วยรอยยิ้ม
“...” คามินน้ำตาคลอรู้สึกเหมือนหลอดคอตีบจนไม่สามารถจะเปล่งเสียงใดๆ ออกไปได้
“แล้วครูซล่ะ เมาอยู่ในรถเหรอ?” มายาถามพลางมองไปยังรถที่จอดอยู่ด้านหลังของสาวสวยที่ไม่ทราบว่าเป็นใคร
คามินพยายามกลืนก้อนแข็งที่จุกอยู่ต้นคอก่อนจะเอ่ยเรียกหญิงที่ตนเคารพเฉกเช่นมารดา “มายา ผม...”
“มะ...มีอะไร” มายามองใบหน้าตึงเครียดของชายหนุ่มก็เริ่มจะใจคอไม่ดีขึ้นมานิดๆ
“คะ...ครูซ...เสียแล้วครับ” คามินกลั้นใจบอกความจริงที่สุดแสนจะเจ็บปวดให้คนตรงหน้าฟัง
“อะ...อะไรนะ ยะ...อย่ามาล้อกันเล่นแบบนี้” มายาชาวาบไปทั้งตัวรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังหยุดหมุน
“ฮึก...ครูซเสียแล้วครับมายา” คามินน้ำตาไหลอาบแก้มทันทีที่ต้องเอ่ยตอกย้ำความเจ็บปวด
“กรี๊ดดดด ไม่จริง” มายากรีดร้องพร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างรับไม่ได้
“มายาคะ” ฟ้ารดารีบเข้าไปกอด เธอรู้สึกสงสารอีกฝ่ายอย่างจับใจ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่า...นั่งอยู่ข้างๆ แล้วปลอบโยน
“ฮือๆๆๆ ไม่จริงใช่ไหม บอกมาสิ ฉันจะไม่โกรธพวกเธอเลย หากบอกฉันว่ามันคือเรื่องที่อำกันเล่น ฮือๆๆ” มายาบอกทั้งน้ำตานองหน้า เมื่อเช้าเธอยังทำอาหารให้กับลูกชาย ตอนเย็นก็โทรมาบอกว่าจะกลับค่ำ แต่พอตอนดึกคามินก็มาเคาะประตูบ้านบอกว่าครูซเสีย! มันเหมือนกับว่า...โลกใบนี้ไม่มีความหมายอีกต่อไป
“ผมเองก็อยากให้มันเป็นแค่เรื่องที่ล้อเล่นครับมายา” คามินเข้าไปกอดหญิงวัยหกสิบเอาไว้แน่น
“ฮือๆๆๆ” มายาร่ำไห้ ไม่รู้ว่าตัวเองจะใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปอย่างไรเมื่อไม่มีบุตรชายอยู่ สองพี่น้องช่วยกันปลอบมารดาของครูซจนเกือบเช้า กระทั่งญาติพี่น้อง เหล่าเพื่อนบ้านและตำรวจคนอื่นๆ เข้ามารับช่วงต่อ จึงเอ่ยขอตัวกลับท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้ากับการสูญเสียนายตำรวจมือดี สังกัดหน่วยจู่โจมพิเศษ ไปอย่างกะทันหัน