1
“ขวัญทิพย์วันนี้คุณกลับกับผมเหมือนเดิมนะ” ประโยคของชลแดน นิรมิต ท่านประธานหนุ่มเจ้าของบริษัทที่เธอทำงานอยู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม
“ไม่เป็นไรค่ะท่านประธาน วันนี้ทิพย์มีธุระต้องไปทำต่อค่ะ” ขวัญทิพย์ วรรณกรเอ่ยอย่างเกรงใจ
ชลแดนมีบ้านติดกับเธอ บ้านหลังที่เธออยู่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของบิดาที่ล่วงลับไปแล้วกับมารดาเลี้ยง
บิดาของเธอแต่งงานใหม่กับนรีมีลูกสาวหนึ่งคนซึ่งก็คือน้องสาวต่างมารดาของเธอชื่อขวัญข้าว เธอโชคดีที่มีมารดาเลี้ยงที่ดี แต่มีแม่ที่ไม่ดีนัก
มารดาของเธอทิ้งเธอกับบิดาไปกับสามีใหม่ หนีหายไปไม่เคยส่งข่าว แถมยังขโมยเงินและทรัพย์สินของบิดาไปด้วย
บิดาพาเธอไปนอนห้องเช่าเล็ก ๆ เนื่องด้วยไม่มีเงินติดตัว แต่เพราะความมุมานะ จึงตั้งตัวได้และประสบความสำเร็จอีกครั้ง
บิดาเป็นคนขยัน ในคราแรกก็ไปเป็นลูกน้องก่อน ตอนหลังก็มาเปิดอู่ซ่อมรถของตัวเอง ยิ่งได้แต่งงานกับนรี มารดาเลี้ยงของเธอ นรีนั้นขยันทำกับข้าวขายหน้าบ้านก็ทำให้มีรายได้ทั้งผัวทั้งเมีย
นรีรักเธอเหมือนลูก เลี้ยงดูเธอมาอย่างดีเหมือนลูกในไส้ ก่อนที่จะให้กำเนิดทายาทหนึ่งคนคือขวัญข้าวน้องสาวของเธอนั่นเอง
ขวัญข้าวเป็นเด็กน่ารัก เป็นน้องสาวที่รักเธอมาก ในขณะที่บิดากับมารดาเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน ทำให้เธอต้องรับหน้าที่ส่งเสียเลี้ยงดูน้องสาวแทนบิดาและมารดาเลี้ยง
ขวัญข้าวเรียนเก่ง ตอนนี้เรียนอยู่มัธยมศึกษาปีที่สาม อีกแค่สามปีจะจบมัธยมศึกษาปีที่หกและเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
บิดามารดาเลี้ยงทำประกันชีวิตเอาไว้ ก่อนจากไปจึงได้ทิ้งเงินก้อนเอาไว้ให้เธอกับน้องสาว แต่เธอก็ไม่อยากงอมืองอเท้า ก่อนบิดามารดาเลี้ยงจะเสียชีวิตเธอเรียนจบพอดี เธอจึงเข้าทำงานเป็นเลขานุการของบริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีเงินเดือนเป็นรายได้ประจำสามารถที่จะเลี้ยงตัวเองและน้องสาวได้อย่างสบาย ซึ่งเธอคิดว่าเงินประกันจำนวนนั้นเธอจะไม่แตะมันจนกว่าขวัญข้าวจะเรียนจบ แล้วแบ่งกับน้องคนละครึ่ง
“ไปทำธุระอะไร” เสียงขรึมที่เอ่ยถามทำให้เธอเกร็งเล็กน้อย เพราะเจ้านายของเธอค่อนข้างจะดุ แต่จริง ๆ เขาเป็นคนใจดี
ชลแดนสนิทกับน้องสาวของเธอเป็นอันมาก อาจเพราะคุยกันถูกคอ เวลามีปัญหาอะไร ขวัญข้าวก็มักที่จะปรึกษาชลแดน นอกจากเขาจะมีบ้านใกล้กับเธอแล้ว เขายังเป็นเพื่อนบ้านที่ดีอีกด้วย
“ทิพย์คิดว่าจะไปซื้อของขวัญให้ข้าวน่ะค่ะ”
“ของขวัญอย่างนั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ ของขวัญวันเกิดค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดข้าวน่ะค่ะ”
“วันเกิดขวัญข้าว ผมเองก็ต้องให้ของขวัญน้องสาวของคุณเหมือนกัน”
“ทิพย์เกรงใจน่ะค่ะ”
“เก็บคำว่าเกรงใจเอาไว้ แล้วคุณต้องไปซื้อของขวัญวันเกิดให้ขวัญข้าวกับผมในเย็นนี้” ประโยคของเขาฟังดูเหมือนเผด็จการ แต่นั่นก็ทำให้เธอซาบซึ้งในน้ำใจของเขาอย่างเหลือล้น ที่เขามีน้ำใจกับเธอและน้องสาวถึงขนาดนี้
“คุณจะซื้ออะไรให้ขวัญข้าวอย่างนั้นเหรอ” ชลแดนเอ่ยถามเลขาสาวขณะนั่งรถไปด้วยกัน
“โทรศัพท์ค่ะ เครื่องที่ใช้อยู่ก็เก่ามากแล้ว ทิพย์อยากซื้อเครื่องใหม่ให้น้องค่ะ ปีหน้าก็ขึ้นม.ปลายแล้ว น้องอยากเรียนต่อสายวิทย์-คณิตค่ะ น้องอยากเป็นหมอ”
“ดีนะ เดี๋ยวนี้โทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตมนุษย์มาก ทั้งด้านการเรียนและการทำงาน”
“จริงค่ะ”
“ขวัญข้าวเรียนเก่ง เขาจะต้องทำได้แน่ ๆ”
“ขอบคุณค่ะ”
“ขอบคุณผมเรื่องอะไร”
“ที่คุณคอยให้คำปรึกษาขวัญข้าวมาตลอดยังไงล่ะคะ บางทีฉันก็ยุ่งน่ะค่ะ ยายข้าวเลยไม่ค่อยกล้าเล่าอะไรให้ฉันฟัง อยากได้โทรศัพท์ก็ไม่เคยเอ่ยปากขอ แต่แอบไปทำงานพิเศษ ฉันเลยอยากจะซื้อให้น่ะค่ะ” น้องสาวของเธอเป็นเด็กดี ไม่เคยรบกวนอะไรเธอเลย เธอให้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น เวลาว่างก็จะรับจ๊อบทำงานหารายได้พิเศษ แต่เธออยากให้น้องสาวได้เรียนหนังสือมากกว่า วัยของขวัญข้าวหากตั้งใจเรียนก็จะประสบความสำเร็จในด้านการเรียน เรียนจบก็ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง
ขวัญข้าวรับรู้เรื่องเงินประกันที่บิดากับมารดาทิ้งเอาไว้ดี แต่ก็ไม่เคยเอ่ยขอ เธอเคยบอกว่าเมื่อขวัญข้าวเรียนจบจะแบ่งให้ครึ่งหนึ่ง เผื่อขวัญข้าวอยากเอาเงินไปทำอะไร ส่วนเรื่องเรียนไม่ต้องเป็นห่วง เธอจะเป็นคนส่งเสียเอง ไม่ต้องรบกวนเงินประกันตรงส่วนนั้น
“น้องสาวของคุณคงเกรงใจคุณ เพราะวัน ๆ คุณก็ทำงานไม่หยุด ผมเห็นว่าคุณทำงานประจำแล้ว ยังทำขนมส่งขายอีก ผมอยากรู้เสียจริงว่าคุณได้นอนบ้างไหม”
“ได้นอนสิคะ”
“อย่าลืมนะงานเลี้ยงของบริษัทผมสั่งขนมของคุณไปในงานด้วย”
“ขอบพระคุณท่านประธานมากค่ะ” งานเลี้ยงมีอาหารดี ๆ จากโรงแรมหรูมาให้พนักงานในบริษัท รวมถึงขนมด้วย แต่ชลแดนก็ยังเอื้อเฟื้อ สั่งขนมของเธอไปเลี้ยงพนักงานด้วย
เขาเคยกินขนมของเธอและบอกว่าอร่อย จึงอยากสั่งไปเลี้ยงพนักงาน
เธอชอบทำขนม จึงคิดค้นสูตรขนมต่าง ๆ ขึ้นมาดัดแปลงให้สวยงาม น่ากินและมีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย โดยมีการผสมธัญพืชต่าง ๆ เข้าไปด้วย