บทที่ 3-1
“พี่คาริดาแกล้งแพ้หญิงแบบนี้ ไม่สนุกนะคะ”
ซูราญาห์โวยเบาๆ เมื่อเธอชนะเกมหมากรุกอีกเป็นหนที่สาม จับได้เลยว่าคาริดาแกล้งแพ้ ทำให้อีกฝ่ายหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเริ่มเก็บหมากรุกใส่กล่องไว้ตามเดิม แล้วเก็บกระดานหมากรุกไว้ที่เดิมของมัน เธอและซูราญาห์นั่งกันตามลำพังที่ระเบียงในห้อง เพราะต้องการสมาธิในการเล่นหมากรุก ข้างๆ ตัวมีอาหารว่าง เป็นขนมบาคลาวา และน้ำชาผสมน้ำผึ้ง
“พี่ไม่ได้แกล้งแพ้เสียหน่อย ซูราญาห์เก่งมากต่างหากเล่า ถึงได้เอาชนะพี่ได้สามรอบซ้อนแบบนี้”
“อย่าเลยค่ะพี่คาริดาเก่งจะตายไป”
ซูราญาห์ว่า เจ้าหญิงคนสวยนั่งเอนกับเบาะอันโต ปักลายงดงาม มือเรียวหยิบเอาไอแพ็ตขึ้นมาเปิดโปรแกรมออนไลน์ ก่อนจะอุทานเสียงเบา เมื่อตอนที่เปิดโปรแกรมอีเมล แล้วเจอเข้ากับข้อความของเพื่อนที่ส่งมาบอกข่าวน่ายินดี
“อุ๊ย! โจแอนนาแต่งงานแล้ว ส่งการ์ดมาให้กับหญิงด้วย อยากไปจัง”
“เพื่อนที่มหาวิทยาลัยหรือจ๊ะ”
คาริดาเอ่ยถาม ซูราญาห์เป็นหญิงชาวไซราห์เพียงไม่กี่คน ที่มีโอกาสได้ไปร่ำเรียนต่างประเทศ และซูราญาห์ก็คว้าใบปริญญามาได้เมื่ออายุเพียงแค่สิบแปดปีเท่านั้นเอง แต่แล้วหนทางของสาวน้อยอัจฉริยะก็ต้องจบลงด้วยการมาอยู่ในพระราชวังแห่งนี้ ด้วยเหตุเนื่องที่เธอเป็นเพศหญิง ตอนนี้ซูราญาห์อายุได้ยี่สิบสองปีเต็ม ซึ่งอยู่ในวัยที่เห็นควรว่าต้องมีคู่ครองได้แล้ว แต่ซูราญาห์ก็รอดปลอดภัยมาโดยตลอด เพราะเธอปฏิเสธการดูตัวกับผู้ชายซึ่งบิดาหามาให้ ท่านเองก็ตามใจบุตรสาวคนเดียวอย่างซูราญาห์มาก แต่เมื่อสิ้นบิดาไปแล้ว หนนี้แหละที่เจ้าหญิงแห่งไซราห์ กำลังจะหนีบ่วงวิวาห์ไม่พ้น
“ค่ะ แต่พี่ชายคงไม่ให้ไปแน่ๆ”
ซูราญาห์เบ้ปากเล็กน้อย พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอเหมือนกับนกน้อยในกรงทอง เมื่อจบการศึกษาแล้ว รู้แบบนี้ไม่เร่งรีบจบก็ดี เธออยากเรียนต่อ แต่บิดาก็เรียกตัวกลับไซราห์ อ้างว่าเธอเป็นผู้หญิง เรียนมากไปก็เท่านั้น ไม่มีประโยชน์อะไรสักเท่าไหร่หรอก เพราะต้องมาเป็นแม่บ้านแม่เรือน ออกเรือนมีสามีอยู่แล้ว สู้มาเรียนการเรือนดีกว่า นั่นทำให้ซูราญาห์เบื่อมาก
ความที่ถูกบิดามารดารักและเอ็นดูมาก แต่ก็มีกรอบให้ซูราญาห์ได้อยู่ เพราะขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมที่ตีล้อมกรอบไว้ มันก็ทำให้หญิงสาวนึกอัดอัดในบางหน เวลาที่เธอไปเรียนต่อ คือเวลาที่เธอมีความสุขที่สุดก็ว่าได้ เพราะได้หลุดออกจากกรอบที่ครอบไว้ การเกิดมาในชาติตระกูลสูงส่ง บางทีก็ไม่ได้ทำให้ซูราญาห์นึกภาคภูมิใจ มันกลับทำให้เธออึดอัด และเหนื่อยกับการต้องแบกเกียรติยศศักดิ์ศรีไว้บนบ่า เธออยากเกิดเป็นคนธรรมดาๆ มากกว่า เป็นเจ้าหญิงซูราญาห์ แห่งไซราห์แบบนี้
“บางทีอีกหน่อยท่านพี่อาจจะให้อิสระ น้องมากกว่านี้ก็ได้นะซูราญาห์”
“รอพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกก่อนเถอะค่ะ พี่ชายถึงจะปล่อยให้หญิงไปไหนมาไหนได้ง่ายๆ ยิ่งไปต่างประเทศแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ค่ะ น้องคงหมดหวังได้ไปท่องเที่ยวในโลกกว้างแล้ว”
“ไม่หมดหวังหรอกซูราญาห์ ยังมีอีกหนทางที่จะทำให้น้องเป็นอิสระ จากขนบธรรมเนียมของบ้านเรา ไปไหนต่อไหนได้ตามใจ ทำอะไรต่อมิอะไรได้ตามใจชอบ”
“แหม....หนทางนั้นหญิงรู้ค่ะ แต่ว่า...”
ซูราญาห์ทำหน้าบึ้ง มือที่เตรียมจะยกน้ำชาขึ้นมาจิบ กลับวางกระแทกลงเสียงดังเล็กน้อย เพราะอารมณ์ภายใน ที่เริ่มเดือดขึ้นมา หนทางที่จะพ้นจากกรอบ การที่หญิงสาวชาวไซราห์จะได้มีอิสระเต็มที่ นั่นก็คือการมีสามี
“พี่ชายให้พี่คาริดามาเกลี้ยกล่อมอะไรหญิงหรือเปล่าคะ คู่ดูตัวคนใหม่หรือเปล่า? หญิงไม่รับนะคะ ยังไงหญิงก็ยังไม่อยากแต่งงาน”
“ซูราญาห์”
คาริดากัดริมฝีปาก ก่อนจะหลบตาของซูราญาห์ที่กำลังมองจ้องมา ฝ่ายนั้นถอนใจแล้วเอ่ยเสียงหวาน แต่ฟังแล้วเข้มแข็งยิ่งนัก บ่งบอกว่าเจ้าตัวยืนยันในความตั้งใจหนักแน่นของตนเอง เกี่ยวกับเรื่องนี้
“น้องไม่อยากแต่งงานค่ะพี่คาริดา น้องอยากจะอยู่เงียบๆ ไปแบบนี้ หวังว่าสักวันพี่ชายคงจะยอมให้น้องไปช่วยงานบ้าง น้องจะดีใจมากที่สุดเลย เพราะวิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาจะได้ใช้ประโยชน์บ้าง จะขึ้นสนิมหมดแล้วนะคะพี่คาริดา”
“ซูราญาห์เป็นคนเก่ง ท่านพี่น่าจะเห็นความสามารถนั้น พี่ว่าน้องจะช่วยเหลือบ้านเมืองเราได้เยอะมาเลยทีเดียวล่ะจ้ะ”
“ค่ะ น้องก็หวังไว้แบบนั้น”
ซูราญาห์พยักหน้า เธออยากใช้ความสามารถของเธอเพื่อช่วยเหลือประชาชนชาวไซราห์บ้าง แต่นี่เธอไม่ได้ทำอะไรเลย นอกจากอยู่เฉยๆ ในวังปลูกต้นไม้ดอกไม้บ้าง เรียนวิชาการเรือนบ้างไปตามเรื่อง นั่งเล่น อ่านหนังสือ ถ้าจะไปไหนมาไหนก็ต้องมีคนตามไปเป็นโขยง เป็นชีวิตที่น่าเบื่อมากสำหรับซูราญาห์ ตั้งแต่เรียนจบกลับมาสี่ปีนี้ เธอไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยสักอย่าง นี่ก็หวังใจว่า พี่ชายจะยอมใจอ่อนในสักวัน แต่ก็ลางเลือนเหลือเกินที่ว่าชีคฮาฟส์ จะยอมตามใจน้องสาว
“ทางเดียวที่พี่พอจะมองเห็นว่าท่านพี่ จะยอมให้น้องได้ทำอะไรต่อมิอะไรตามใจ ซูราญาห์”
“พี่คาริดา...” เจ้าหญิงคนสวยลากเสียง พร้อมกับถอนใจออกมาอีกเฮือกใหญ่ “น้องบอกแล้วยังไงล่ะคะ ว่าน้องยังไม่อยากแต่งงาน”
“ไม่ได้แต่งงานแค่ดูตัวเฉยๆ “ คาริดาหลุดออกมาจนได้ ว่าเธอตั้งใจจะพูดอะไรกับน้องสามี “ท่านพี่อยากจะให้น้องไปด้วยในงานเลี้ยงของชีคอาเหม็ด ชีคแห่งวาดาม”
“ชีคแห่งวาดาม พ่อหม้ายเมียตายหมาดๆ นั่นหรือคะ”
คำพูดของน้องสามีทำให้คาริดาถึงกับทำตาโต แล้วเอื้อมมือมาหยิกแขนซูราญาห์อย่างอดไม่อยู่ อีกฝ่ายแสร้งร้องโอดโอยเสียงดัง จนน่าหมั่นไส้
“พูดแบบนี้ได้ยังไงกัน ซูราญาห์ ไปเอาข่าวแบบนี้มาจากไหน”
“โลกออนไลน์ยังไงล่ะคะพี่คาริดา”
ซูราญาห์ยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอเป็นสาวสมัยใหม่ที่เกาะติดไอทีมากอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะบางทีก็เหงามากกับการที่ต้องอยู่แบบนี้ เธอจึงใช้มันติดต่อกับเพื่อนเก่าบ้าง หรือใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาในการหาเงินทองเล็กๆ น้อยๆ ให้กับตนเอง โดยที่ไม่มีใครรู้ ว่าเจ้าหญิงแห่งไซราห์ทำอะไรในระหว่างวันบ้าง
“โอ...ข่าวแบบนั้นมีด้วยหรือจ๊ะ”
“ยิ่งกว่านี้ก็มีค่ะพี่คาริดา จะเอาซุบซิบขนาดไหนกันล่ะคะ หญิงหาให้อ่านได้นะคะ มีแม้กระทั่งว่า...” ซูราญาห์เม้มริมฝีปากเล็กน้อย พลางทำตาวาว
“แม้กระทั่งในวังของเราก็มีค่ะ แบบนี้เขาถึงว่าบางทีความลับก็ไม่มีในโลก”
“โอ...” คาริดาอ้าปากค้าง ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่ดีกว่าซูราญาห์ พี่ไม่ค่อยสนใจเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่หรอก น้องก็เถอะอย่าไปซุกซน ยุ่งเรื่องของคนอื่นนักเลย ไม่ดีหรอก”
“บางเรื่องก็ควรจะรู้จะเห็นไว้บ้างน่ะค่ะ ถึงจะเป็นข่าวโคมลอย แต่เอาไว้เผื่อระวัง” หญิงสาวว่าอย่างเป็นปริศนา เธอมองหน้าพี่สะใภ้ แล้วเม้มริมฝีปาก
“พี่คาริดา บางเรื่องหญิงก็คิดว่าพี่ควรจะแข็งบ้างนะคะ บางเรื่องเป็นสิทธิของพี่ หมายถึงเรื่องพี่ชายน่ะค่ะ ต้องให้พี่ชายแบ่งเวลามาให้บ้าง”
“เอ่อ...”
คาริดาก้มหน้าลงต่ำ เพื่อซ่อนน้ำตาที่คลอขึ้นมา เธออยู่ในศาสนาที่อนุญาตให้ผู้ชายมีภรรยาได้ถึงสี่คน สั่งสอนอบรมกันมาในกรอบ ว่าต้องใจกว้าง แต่บางหนเธอก็นึกน้อยใจสามี ที่ไม่มีเวลาให้เธอเลยตั้งแต่รับมาลิกะห์เข้ามาเป็นภรรยา
“ไม่เป็นไรหรอกซูราญาห์ ดีแค่ไหนแล้วที่ท่านพี่มีแค่น้องหญิงกับพี่น่ะ ไม่เหมือนคนอื่นๆ”
“แบบนี้อย่างไรเล่าคะ น้องถึงไม่อยากแต่งงาน”